Guild Master ตอนที่ 1 ข่าวน่าตื่นเต้น
ตอนที่ 1
ข่าวน่าตื่นเต้น
ภายในห้องเช่าเก่า ๆแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ซึ่งกำลังฉายภาพเกมที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ภายในหน้าจอนั้นมีภาพของกลุ่มคนจำนวนมากกำลังห้ำหั่นกันด้วยท่าทางเกินจริงและมีแสงสีประกอบเต็มไปหมด ที่มือของชายคนนั้นมือหนึ่งขยับนิ้วอยู่บนคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็วส่วนอีกมือขยับเมาส์ไปมาพร้อมกับหน้าจอที่หมุนวนจนแทบจะมองตามไม่ทัน
“บุก”เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมเสียงสั่งการอีกเป็นชุด บ้างก็สั่งทีมโน้นให้โจมตีบ้างก็สั่งทีมนั้นให้เข้าไปเสริมอีกทีม จำนวนคนที่กำลังสู้กันอยู่ในหน้าจอนั้นมากจนเกินกว่าจะนับไหว แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรภาพศัตรูที่มีชื่อสีแดงบนหัวก็ลดลงเรื่อย ๆ
ติ๊ง!!
ไม่ทราบเวลาผ่านไปเท่าไร แต่ที่หน้าจอของชายหนุ่มก็ปรากฏตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้าขึ้นมากลางจอเหมือนเป็นบอร์ดคะแนนในสงครามที่ชายหนุ่มเข้าไปร่วม โดยที่เหนือตารางนั้นมีคำว่า ชนะ ประดับเอาไว้ให้ทราบว่าฝ่ายที่ชนะคือฝ่ายชายหนุ่มนั่นเอง
“ขอบคุณทุกคนมาก วันนี้ทุกคนทำได้ดีจริง ๆ”ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะปล่อยเมาส์และคีย์บอร์ดด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน เขานั่งพิงเก้าอี้ก่อนจะกล่าวขอบคุณเหล่าสหายทุกคนที่เข้ามาร่วมต่อสู้กันในครั้งนี้
“กวี เดี๋ยวไปรอห้องข้างล่างนะ”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดก่อนจะมีเสียงสัญญาณบางอย่างดังตามมาทำให้กวีทราบว่าผู้พูดได้ทำการเปลี่ยนห้องในโปรแกรมพูดคุยเรียบร้อยแล้ว
“เข้าใจแล้ว ตั้งแต่เสนาธิการขึ้นไปประชุมหลังวอร์(*)ด้วย”ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่ากวีพูดผ่านไมค์โครโฟนก่อนจะเปิดหน้าต่างโปรแกรมสำหรับพูดคุยขึ้นมาแล้วย้ายตนเองไปอยู่ในห้องสำหรับประชุมที่คนอื่น ๆไม่สามารถเข้ามาฟังได้ตามใจ ที่นี่มีเพียงคนมีอำนาจภายในห้องแชทนี้เท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้
“วันนี้ยอดไปเลย วอร์นี้เป็นวอร์สุดท้ายแล้วหรือเปล่า?”เสียงของเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมแสงไฟที่สว่างขึ้นหน้าชื่อ เรย์ ซึ่งมันก็เป็นสัญลักษณ์สำหรับบอกว่าใครเป็นคนพูดอยู่นั่นเอง
“จริง ๆยังมีอีกสี่วอร์ แต่พวกเราได้เวลาต้องชิ่งแล้ว”เสียงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มีชื่อในโปรแกรมว่า วิน ดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะที่ตามมาเหมือนกำลังพูดล้อเล่น แต่เรื่องที่วอร์นี้เป็นวอร์สุดท้ายแล้วเป็นเรื่องจริง
“เรารอให้จบทุกวอร์ไม่ได้หรอก แบบนั้นราคาไอเทมคงตกหมดกันพอดี”หญิงสาวที่เป็นคนนำลงมายังห้องประชุมเป็นคนแรกพูดออกมาพร้อมเสียงถอนหายใจน้อย ๆ ความจริงแล้วเกมที่พวกกวีกำลังเล่นอยู่นั้นยังไม่ได้ปิดตัวลงแต่อย่างไร เพียงแต่ในอีกไม่ช้าจะมีเกมเปิดใหม่เข้ามาตีตลาด แถมเกมใหม่ครั้งนี้ยังสร้างเสียงฮือฮาในสังคมเกมและนอกสังคมเกมไม่น้อย เรียกได้ว่าทันทีที่เกมนั้นมาเกมเก่า ๆคงเสียฐานผู้เล่นไปในพริบตาเลย
“นั่นสินะ แบบนั้นคงขายของได้ราคาไม่ดีแน่ ๆ ไอช่าหมดกับกาชาไปเยอะเลยนะ”เสียงของหญิงสาวอีกคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเสียดาย เสียงของเธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่าผู้หญิงวัยรุ่นอย่างเนตรคนก่อนหน้านี้เสียอีก
“เจอข่าวเกมใหม่เข้าไป ราคาไม่ตกก็คงแปลกแล้ว พี่ว่าทุกคนต้องทำใจเอาไว้ก่อน”เสียงของชายอีกคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมไฟหน้าชื่อ เจมส์ ที่สว่างขึ้นมา น้ำเสียงของเขาดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว
“นั่นสิ ไม่ว่าใครก็ต้องตื่นเต้นทั้งนั้น เกมในโลกเสมือนจริงเชียวนะ พวกเราเกมเมอร์รอเวลานี้มันมานานเท่าไรแล้ว”เสียงเด็ก ๆของเรย์ดังขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก ใช่แล้วเกมที่กำลังจะเปิดตัวใหม่นั้นเป็นเกมที่สร้างขึ้นมาบนเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงที่กำลังมาแรงในยุคนี้ แต่เดิมมันเป็นเครื่องสำหรับใช้ทำงานในตอนกลางคืนเพราะการใช้งานเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงนั้นก็เหมือนการหลับทำให้ทุกคนสามารถทำงานตอนกลางคืนได้โดยที่ร่างกายได้พักผ่อนไปด้วย แต่ไม่นานก็มีพ่อค้าหัวใสใช้เครื่องนี้กับสื่อบันเทิงอย่างหนังที่สมจริงอย่างกับเราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนังหรือเพลงที่ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปดูในคอนเสิร์ตเองเลยทีเดียว แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก็คือเกมนั่นเอง แต่เพราะการสร้างเกมที่เหมือนการจำลองโลกใบหนึ่งต้องใช้เวลานานทำให้กว่าเกมโลกเสมือนจริงจะถูกสร้างขึ้นก็หลายปีหลังจากเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงถูกเปิดตัวสู้สายตาชาวโลก แต่ถึงจะนานเหล่าผู้เล่นเกมและผู้มีเวลาว่างมากมายต่างก็ให้ความสนใจเกมนี้กันอย่างมากเลยทีเดียว
“แน่นอน มันน่าตื่นเต้นมาก”กวียิ้มออกมาก่อนจะพูดผ่านไมโครโฟนด้วยท่าทียินดี แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดทันยุคสมัยที่ได้เข้าไปเล่นเกมในโลกเสมือนจริงเหมือนที่เคยเห็นในหนังสมัยเด็ก อีกเพียง 1 เดือนเท่านั้นเกม เนเวอร์แลนด์ ก็จะเปิดให้เล่นทดสอบ
“ได้ข่าวว่าเกมใหม่ต้องใช้ทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายด้วย นายคิดว่าไหวหรือเปล่า”ชายหนุ่มชื่อเมฆถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แน่นอนว่าพอเป็นเกมโลกเสมือนจริงแล้วมันจะต้องต่างจากเกมบนคอมพิวเตอร์มากแน่ ๆ
“ยังไงมันก็เป็นเกม พวกเราทำได้อยู่แล้ว”กวียิ้มก่อนจะตอบออกไปอย่างมั่นใจ ไม่ว่าเกมจะเป็นอย่างไรพวกตนก็พร้อมจะเรียนรู้และพัฒนาให้ถึงขีดสุดกันอยู่แล้ว
“เมฆ พวกเราไม่อ่อนแอขนาดนั้นหรอก”เสียงของเนตรดังขึ้นด้วยท่าทีมั่นใจเช่นเดียวกัน กิลด์ของกวีสร้างชื่อในเกมออนไลน์ยุคหลัง ๆมามากมาย ถึงขั้นมีคนเรียกว่าเป็นกิลด์ในตำนานเลยทีเดียว
“ถูกแล้ว พวกเราจะไปสร้างตำนานบทใหม่ในเกมโลกเสมือนจริงกัน”กวียืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะประกาศออกไปด้วยน้ำเสียงปลุกใจ ไม่ว่าจะที่ไหนกิลด์ของกวีก็ยังแข็งแกร่งเสมอ
“อีกหนึ่งเดือนพวกเราจะรวมตัวกันที่เกมเนเวอร์แลนด์และสร้างกิลด์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้....”กวีนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเปิดโปรแกรมที่มีตารางสี่เหลี่ยมพร้อมข้อมูลด้านในอีกจำนวนมากออกมา
“เรามาทำงานของเกมนี้ให้เสร็จก่อนก็แล้วกัน”ได้ยินที่กวีพูดความฮึกเหิมก่อนหน้านี้ก็บินหายไปจนหมด ในเมื่อพวกกวีจะย้ายเกมแล้ว งานสุดท้ายก่อนจากก็คือการเคลียทรัพย์สินภายในเกมเสียก่อน รวมถึงการประกาศกับลูกกิลด์ที่จะตามไปเล่นเกมต่อไปด้วย กว่าจะได้เลิกเล่นจริง ๆก็คงอีกอีก 2 อาทิตย์เป็นอย่างต่ำแน่ ๆ
.
.
“นี่มันอะไรเนี่ย”หนึ่งเดือนหลังจากนั้นในวันที่เกมเนเวอร์แลนด์เปิดให้เล่นทดสอบ เหล่าผู้ก่อตั้งกิลด์และสมาชิกกิลด์ต่างพร้อมหน้าพร้อมตากันมารอที่จุดนัดพบ ทุกคนอาจจะมาช้านิดหน่อยเพราะจำนวนผู้เล่นที่ทะลักเข้ามาในเกม แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือ กวี หัวหน้ากิลด์ที่แทบไม่เคยมาสายกลับยังไม่มาแม้เวลาจะผ่านเลยไปแล้วเกือบชั่วโมง
“พี่เนตร นี่มันอะไรกันทำไมพี่กวียังไม่มาอีก”เรย์ถามพลางมองไปรอบ ๆ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้สนใจความสมจริงของเกมเลยแม้แต่น้อย การที่กวีมาสายนั้นเป็นเรื่องแปลกมาก กวีไม่มีทางปล่อยให้ลูกกิลด์หลายพันคนมายืนรอแบบนี้เฉย ๆแน่
“เมฆ กวีได้ติดต่ออะไรมาหรือเปล่า”เนตรถามพลางเปิดหน้าต่างโทรศัพท์ออกมาภายในเกมก่อนจะพยายามโทรหากวี แต่ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งเบอร์ติดต่อของกวีก็ปิดใช้งานเหมือนเดิม
“ไม่เลย ก่อนเกมเปิดสองอาทิตย์กวีไม่ได้ติดต่ออะไรมาเลย”เมฆตอบพลางกอดอกแน่น นี่มันผิดปกติสุด ๆเลยไม่ใช่หรือไง
“พี่เนตร ตอนนี้ทุกคนกำลังรออยู่นะ บางทีพี่กวีอาจจะไม่ได้มาเล่นตอนเกมทดสอบก็ได้”ไอช่าพูดพลางเดินเข้าไปมองเหล่าลูกกิลด์ที่กำลังมีท่าทีสับสน พวกเขาเหมือนจะเริ่มสังเกตแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“งั้นพี่จะสร้างกิลด์แทนไปก่อน ทุกคนทำงานตามหน้าที่เดิมจนกว่ากวีจะมา”เนตรพยักหน้าช้า ๆก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งเพื่อลงทะเบียนกิลด์อย่างเป็นทางการ ก่อนจะรับเพื่อน ๆเข้ากิลด์และมอบอำนาจเชิญคนเข้ากิลด์ให้เพื่อรับลูกกิลด์ในสังกัดเข้ากิลด์ด้วยเช่นกัน ในขั้นตอนนี้ใช้เวลานานพอสมควรเพราะมีคนจำนวนมากที่กำลังต่อแถวเข้ากิลด์ แต่ถึงอย่างนั้นกวีก็ยังไม่โผล่มาเสียที
“หรือว่ากวีจะไม่มีเงินซื้อเครื่องสร้างโลกเสมือนจริง”อยู่ ๆเจมส์ก็เสนอความคิดออกมา แต่ความคิดข้อนี้กลับโดนเรย์มองค้อนทันที
“พี่คิดว่าของสวมใส่ของพวกพี่ขายได้เท่าไรกัน พี่กวีไม่มีทางหาเงินซื้อเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงไม่ได้หรอก”เรย์ว่าพลางเท้าเอวด้วยท่าทีร้อนรน หากกวีไม่มาก็คงพอดำเนินการต่อไปได้อยู่หรอก แต่ความเชื่อมั่นของลูกกิลด์นี่สิ และเหนือสิ่งอื่นใดพอกวีไม่อยู่เหล่าผู้ก่อตั้งคนอื่น ๆก็มีท่าทีไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด
.
.
“นี่มันไม่เข้าท่าแล้วนะ เกมจะเปิดจริงอยู่แล้วยังติดต่อกวีไม่ได้อีกเหรอ”เสียงของเนตรดังขึ้นผ่านโทรศัพท์ที่รวมสายทุกคนเอาไว้แล้ว น้ำเสียงของเนตรที่ต้องมารับหน้าที่หัวหน้ากิลด์แทนกวีดูร้อนรนมากทีเดียว
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอีกนาทีจะทุบประตูบ้านของกวีแล้ว”เสียงของเมฆที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ดังขึ้นขณะที่เมฆมายืนอยู่หน้าห้องของกวีเป็นที่เรียบร้อย เรื่องโดดงานหัวหน้ากิลด์ก็ว่าไปอย่าง แต่เล่นขาดการติดต่อเลยแบบนี้มันน่าเป็นห่วงไม่ใช่หรือไง ไม่ใช่ว่ากวีเป็นอะไรไปแล้วหรอกนะ
ปึง!!
ต่อให้เรียกแค่ไหนกวีก็ไม่ตอบเสียที เมฆเลยตัดสินใจถีบห้องที่กวีอาศัยอยู่ทันที เพียงถีบครั้งเดียวตัวล็อกของประตูก็กระเด็นออกมาพร้อมประตูที่แทบจะพังให้ได้
“พี่เมฆ เป็นไงบ้างพี่กวีอยู่หรือเปล่า”เสียงของเรย์ถามออกมาจากโทรศัพท์ คนที่รู้ที่อยู่กวีและสะดวกจะเดินทางไปบ้านกวีที่สุดก็มีแต่เมฆเท่านั้น
“............”เมฆมองสภาพห้องตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจ ในห้องแห่งนี้เหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยมานานมากแล้ว คอมพิวเตอร์ที่กวีน่าจะใช้เล่นเกมก่อนหน้านี้ก็ฝุ่นขึ้นแม้แต่ตรงคีย์บอร์ดและเมาส์ แสดงว่ากวีไม่ได้จับพวกมันเลย
“ไม่มี...”เมฆตอบออกมาพลางมองไปรอบ ๆ ห้องของกวีไม่มีใครอยู่เลย แถมยังเหมือนทิ้งห้องเอาไว้หลายวันแล้วด้วย แม้แต่เครื่องสร้างโลกเสมือนจริงที่ตั้งอยู่กลางห้องก็ยังฝุ่นจับทั้ง ๆที่เหมือนของซื้อมาใหม่แท้ ๆ
“นี่มัน เรื่องอะไรกันแน่...”เมฆมองไปรอบ ๆก่อนจะวางสายโทรศัพท์ลง กวีหายเงียบไปเลยไม่ยอมติดต่อ ไม่ว่าพวกเมฆจะพยายามติดต่อช่องทางไหนก็ไร้วี่แวว กวีไม่มีพ่อไม่มีแม่ไม่มีญาติพี่น้อง เหลือตัวคนเดียวแบบนั้นจะไปไหนกัน
.
.
แม้กวีจะไม่ได้เข้าไปเล่นเกมเนเวอร์แลนด์ แต่เนตรก็ต้องรับหน้าที่หัวกิลด์ต่อไปและได้แต่หวังว่ากวีจะโผล่มาและเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟัง เพียงแต่สิ่งที่เธอหวังไม่เคยเกิดขึ้น กวีหายตัวไปนานกว่า 5 ปี ในช่วงเวลานั้นเนตรพยายามประคองกิลด์เอาไว้ แต่ด้วยเหตุผลหลาย ๆอย่างเนตรก็ไปไม่รอด เหล่าผู้ก่อตั้งกิลด์ต่างก็แยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเองบ้างก็เลิกหวังไปแล้วว่ากวีจะกลับมา บ้างก็ยังรออยู่เสมอ จนกระทั่งเกมฟอร์มยักษ์เกมใหม่เปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการ เกมนั้นมีชื่อว่า เอคโค่ เกมฟอร์มยักษ์ที่ใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 9 ปี และเป็นจุดรวมตัวของคนจำนวนหลายสิบล้านคนที่มุ่งหน้าเข้ามาเล่นเกมนี้จากทั่วโลก
ตุบ....
ภายในเกมเอคโค่ร่างของชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนเนินเขาซึ่งเป็นจุดเกิดเริ่มต้นของเกม ร่างของชายคนนั้นสวมใส่เสื้อผ้าของผู้เริ่มใหม่ทั่ว ๆไป เพียงแต่รูปร่างหน้าตานั้นกลับเหมือนชายหนุ่มที่ชื่อกวีไม่มีผิด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขามองไปยังภาพท้องฟ้าเบื้องหน้าก่อนจะกำหมัดแน่นด้วยท่าทีตื่นเต้น
“กลับมาแล้ว...”กวีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี แม้จะช้าไปหน่อยแต่ในที่สุดก็ได้กลับมา
(* วอร์ หมายถึงสงครามต่าง ๆภายในเกมที่มักจะจัดขึ้นให้ผู้เล่นเกมจำนวนมากได้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงรางวัลต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการต่อสู้ระหว่างกิลด์ 2 กิลด์ขึ้นไป)