Ep.198 - คงกระพัน
4/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.198 - คงกระพัน
ไม่ว่าจะฉินเฟิงหรือไป๋หลี ตราบใดที่คนใดคนหนึ่งตายไป สถานการณ์อาจพลิกกลับมาได้ ดังนั้นหลังจากได้ยินเสียงร้องเรียก ทั้งหมดจึงตัดสินใจพุ่งเข้าหาฉินเฟิงทันที
การเลือกตัดสินใจเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะหลังจากได้ประชันฝีมือ พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวไป๋หลีเล็กน้อย
หวาดกลัวไป๋หลี … แต่ไม่กลัวฉินเฟิงเนี่ยนะ พวกเขาคิดถูกแล้วจริงๆน่ะหรือ?
ฉินเฟิงเบนสายตามองคนเหล่านั้นที่ใกล้เข้ามา ปากแสยะยิ้มหยัน
“ฉันอุตส่าห์ไม่ไปหา แต่พวกแกดันมาหาถึงที่ งั้นก็ตายซะ!”
‘ใช่แล้ว … พวกแกกล้าลงมือกับไป๋หลี ฉะนั้นจะต้องถูกลงทัณฑ์!’
มังกรไฟที่ว่ายวนอยู่เบื้องหลังฉินเฟิง เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เปลวไฟพัดกระหน่ำ รูนส่งเสียงหอนคำรามดุเดือด
ช่วงเวลานั้นเอง อีกหนึ่งพลังสมาธิโถมเข้าต้านทานมัน --เป็นอาวุโสตระกูลซินผู้ทำสัญญากับสัตว์ร้าย เขาขบกรามแน่น ระงับอาการปวดหัว เร่งเร้าพลังสมาธิ
“คลื่นวารี!”
ในพริบตา สัมผัสของไอเย็นก็เพิ่มพูนขึ้นท่ามกลางชั้นอากาศที่ร้อนอบอ้าว กระแสน้ำควบรวมกัน ก่อตัวเป็นคลื่น ม้วนโถมเข้าใส่ฉินเฟิง
คลื่นน้ำและมังกรไฟประสานงากัน ก่อเกิดเสียงฟู่ ฟู่ ไอน้ำลอยตลบอบอวลในอากาศ หมอกควันฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ผู้ใช้วรยุทธโบราณตระกูลซินใช้ประโยชน์จากหมอกนี้ ฉวยโอกาสประชิดเข้าด้านข้างของฉินเฟิง ทั้งสามพร้อมใจกัน โจมตีประกบฉินเฟิงจากทั้งซ้ายขวาตามลำดับ
ปงงง
ปงงง
ปงงง
ทั้งสองใช้ออกทั้งหมัดและฝ่ามือ กระแทกเข้าใส่ร่างกายของฉินเฟิง
แต่ไม่มีเวลามากพอให้พวกเขาได้ทันแสดงออกถึงความสุข จู่ๆพวกตนก็คล้ายรู้สึกราวกับถูกหินกดทับลงบนฝ่ามือและหมัดที่ซัดออก ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังปรากฏแรงดึงดูดที่น่าสยดสยอง ตรึงแขนของพวกเขาแนบติดลำตัวฉินเฟิง ไม่อาจถอนมันกลับคืนได้
“ทักษะลับกลืนดารา!”
ปรากฏแรงระเบิดอันเกรี้ยวกราดออกมาจากฉินเฟิง อำนาจการดึงดูดอันโหดร้าย แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายศัตรู ก่อวังวนในตันเถียน เริ่มกลืนกินมันอย่างบ้าคลั่ง
กำลังภายในของซินเซิงและอีกสามอาวุโสตระกูลซินทะลักออกอย่างต่อเนื่อง ส่งกำลังภายในมากองลงในตันเถียนของฉินเฟิงไม่มีหยุดยั้ง
ชั้นของทะเลเมฆกำลังภายใน ค่อยๆหยดลงและกระจายไปในตันเถียนของเขา เติมเต็มพื้นที่มันให้มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันสถานการณ์ของตระกูลซินทั้งสี่ ยิ่งมายิ่งเลวร้าย
โดยเฉพาะซินเซิง
เขาเป็นคนแรกที่เข้าไปพัวพันกับกลืนดาราของฉินเฟิง ปัจจุบันหน้าตาของซินเซิงราวกับแก่ลงไปเป็น 20 ปี ร่างกายที่ฮึกเหิมไปด้วยจิตวิญญาณก็เริ่มเหี่ยวแห้ง
ทักษะลับกลืนดารา ไม่เพียงแต่สามารถดูดซับกำลังภายในของฝ่ายตรงข้าม แต่มันยังช่วงชิงพลังชีวิตของซินเซิงมาอีกด้วย!
--ช่างเป็นทักษะที่ทรงพลังทว่าสุดแสนชั่วร้ายซะจริง! ยิ่งฉินเฟิงฝึกฝนใช้งานมันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เวลานี้ทักษะลับกลืนดาราพัฒนาขึ้นไปอีกระดับแล้ว!
กระทั่งวินาทีสุดท้าย ฉินเฟิงสัมผัสได้ว่าไม่อาจดูดซับกำลังภายในของซินเซิงได้อีกต่อไป ในขณะที่กำลังภายในของตระกูลซินคนอื่นๆ ไม่มีค่าที่จะกล่าวถึง
“ปลดปล่อยแรงผลัก!”
กำลังภายในที่เหือดหายทำให้ซินเซิงกลายเป็นเทียนไขที่เปล่งแสงริบหรี่ ฝั่งอาวุโสตระกูลซินตันเถียนกลายเป็นว่างเปล่า เมื่อถูกปะทะด้วยแรงผลัก ทั้งหมดก็ปลิวละลิ่วไปคนละทิศทาง
ซินเซิงในเวลานี้มีสภาพไม่ต่างไปจากผ้าขี้ริ้ว เขาลอยละลิ่วอยู่นานก่อนจะร่วงตกลง ทั้งยังได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังเป๊าะมาแต่ไกล
ทั่วทั้งใบหน้าของเขาซีดเผือด มันแก่ชราราวกับไก่ที่ถูกถอนขน ดูน่าอนาถและสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
ชายผู้นี้ เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วในห้องโถง ยังเปล่งประกาย จัดวางกลยุทธ์ คิดเชือดไก่ให้ลิงดูอย่างโหดเหี้ยมอยู่เลย เป็นถึงผู้นำตระกูลซินที่มากบารมี เพียงเอ่ยปากก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตของคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เวลานี้กลับตกอยู่ในสภาพราวกับคนแก่ใกล้ตาย ไม่อาจกระทำการใดได้นอกจากเฝ้ารอการลงทัณฑ์
ช่วงเวลานี้ ไอน้ำโดยรอบได้สลายไป คนที่ยังอยู่ในสวนหลังบ้านเมื่อเห็นว่าเสียงการต่อสู้ได้จบลง ก็พาลคิดไปว่ากลุ่มอาวุโสตระกูลซินคงสังหารฉินเฟิงไปแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าจะเป็นตระกูลซินซะเองที่ถูกยำ นอนหมอบกับพื้นคนละทิศทาง
โดยมีฉินเฟิงที่ยืนอยู่กลางวงล้อมอย่างสงบ แม้เสื้อผ้าและผมจะกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ปรากฏถึงร่องรอยของความเหนื่อยล้าแสดงบนใบหน้าเลย ตรงกันข้าม มันกลับดูแจ่มใส่และเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณมากกว่าในตอนแรกเริ่ม!
“แก … แกฆ่าปู่ฉัน!” ซินเจี่ยหยูไม่กล้าก้าวมาข้างหน้า ปัจจุบันเขาเป็นเลเวล E เพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ จ้องมองไปยังซินเซิงที่สภาพแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม สองตาของเขาก็เบิกกว้าง เอ่ยอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ยังไม่พอ ตอนนี้สีหน้าของเขากำลังตื่นตระหนก เพราะตระหนักได้ว่า ตระกูลซินของตนกำลังจะเปลี่ยนไป
ซินเจี่ยหยูที่มักจะแสดงพฤติกรรมดุร้ายอยู่เสมอมา ในตอนนี้ ได้กลายเป็นเด็กน้อยสูญสิ้นที่พักพิง ต่อให้ร่ำไห้ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ
ฉินเฟิงหัวเราะหยัน “เขายังไม่ตาย ฉันจะฆ่าเขาได้อย่างไร? ถ้าทำแบบนั้นมันคงไร้มารยาทน่าดู เพราะฉันถูกเชิญมาในฐานะแขก ไม่ใช่ในฐานะฆาตกร”
ฉินเฟิงนับว่ากล่าวไม่ผิด เพราะกระทั่งถึงตอนนี้ แม้ไป๋หลีจะสร้างบาดแผลร้ายแรงแก่ตระกูลซินถึง 2 คน แต่ก็เหมือนกับฉินเฟิง เธอและเขายังไม่ได้ฆ่าใคร
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงได้ลงมือจนสองผู้ใช้อบิลิตี้แทบพิการ , สี่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเองก็เช่นกัน และทั้งหมดล้วนเป็นระดับสูงของตระกูลซิน
และจนถึงตอนนี้ เลเวล E ที่ยังมีสภาพดี เหลือเพียงซินเจี่ยหยูเท่านั้น
“แต่ว่าน้า …”
ฉินเฟิงเริ่มเอ่ยปากอีกครั้ง ทว่าเวลานี้ไม่มีใครสามารถต้านทานหรือขัดเขาได้อีกต่อไป ทำได้เพียงจ้องมองและรับฟังอย่างหวาดกลัว
และทุกคนในตระกูลซินล้วนพอจะคาดเดาได้ ว่าประโยคต่อไปคงเป็นต้นตอของบางสิ่งบางอย่างที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
“ที่นายพูดมามันก็ถูก ตอนนี้ถึงเวลาที่จะตัดต้นตอของปัญหาทั้งหมดแล้ว!” สายตาของฉินเฟิง กวาดมองไปยังคนอื่นๆที่กำลังนอนหมอบกับพื้น
“ไม่! อย่าฆ่าฉัน!” หนึ่งในอาวุโสที่ถูกสูบกำลังภายในจนว่างเปล่า ร้องตะโกนขึ้นทันใด
“ไม่ให้ฆ่าแก? งั้นลองบอกมาว่าชีวิตของแกมีค่าเท่าไหร่? และเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่ควรฆ่า!” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบ
ใช่แล้ว คิดว่าชีวิตของตนมีค่าเท่าไหร่กัน?
แม่สำหรับฉินเฟิง จะไม่เห็นว่าพวกเขามีคุณค่าใดๆ แต่ในมุมมองของคนเหล่านี้ พวกเขาไม่ต้องการที่จะตาย พวกเขายังมีอนาคตที่สดใสรออยู่!
“ถ้าไว้ชีวิตฉัน ฉันจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ ใช่แล้วเงิน! เงินไง ฉันจะมอบเงินให้คุณ!” ชายคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
สิ่งนี้เองทำให้ฉินเฟิงย้อนนึกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“เห .. เงินอย่างงั้นสินะ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกแกเคยบอกว่า ต้องการหุ้น 20% ของสถานชุมชนเฟิงหลีหรอกหรือ?” ฉินเฟิงกล่าว
สีหน้าของคนทั้งหมดซีดจางลง
“ไม่ ไม่ได้พูด! ทั้งหมดนั่นเป็นซินเซิงพูดออกมาเอง พวกเราไม่เกี่ยว!” ชายคนนั้นโยนขี้ สาดความผิดรดลงบนศีรษะของซินเซิงทันที
“นี่แก …” ซินเซิงเอ่ยน้ำเสียงสั่นเทา ชี้นิ้วไปทางอีกฝ่าย แทบจะอดรนทนไม่ไหว อยากจะฉีกทึ้งไอ้ปากเสียเป็นชิ้นๆ
อย่างไร้ก็ตาม ตอนนี้เขาไร้ซึ่งอำนาจใดๆ
แม้ผู้คนจะไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นสภาพที่ปรากฏของซินเซิง ต่างก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาน่ะจบสิ้นแล้ว
ฉินเฟิงไม่สนใจข้อพิพาทภายในตระกูล แต่ตอนนี้มันถึงทีของเขา ฉะนั้นตนจึงเอ่ยขอในสิ่งที่ต้องการ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เวลานี้ตระกูลซินกลายเป็นหินรองเท้าให้เขาเป็นที่เรียบร้อย
และทุกคนได้รู้ซึ้งแล้ว ว่าฉินเฟิงไม่ใช่คนที่จะสามารถยั่วยุได้!
“จะว่าไป หุ้น20%ของสถานชุมชนฉัน พวกแกไม่ต้องการมันแล้วหรอ?” ฉินเฟิงกวาดมองไปยังฝูงชน
“ไม่ต้องการ ไม่ต้องการ!”
พวกเขาจะกล้าหมายปองมันอีกได้อย่างไร เพราะเวลานี้ ตนอยู่ในสภาพที่มีมีดจ่อคอ!
“ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าตอนนี้ชีวิตของพวกแกอยู่ในมือของฉันใช่ไหม? ฉันสามารถข่มขู่พวกแกได้ ไหนขอคิดดูหน่อยซิ .. ” สายตาของฉินเฟิงตกลงบนคนเหล่านี้ คล้ายกับกำลังมองลูกแกะที่กำลังถูกยกขึ้นเขียง
“เพื่อแลกกับชีวิตพวกแก งั้นฉันขอเป็น หุ้น 20% ของตระกูลซินก็แล้วกัน!”
ฉินเฟิงกล่าวประชดประชัน
ก่อนหน้านี้ ซินเซิงต้องการหุ้นของสถานชุมชนเฟิงหลี ฉินเฟิงเอ่ยปากว่าต้องแลกกับเงิน 2 หมื่นล้าน ผลที่ได้คืออีกฝ่ายเพิกเฉย
ดังนั้นคราวนี้ฉินเฟิงจึงเอาคืนตระกูลซินในทำนองเดียวกันบ้าง เขาต้องการหุ้น 20% เช่นกัน และอีกฝ่ายต้องมอบให้!
เฝ้ามองไปยังคนเหล่านี้อย่างเงียบๆ จะให้หรือไม่ให้ นั่นคือจุดตัดสินของวงล้อแห่งโชคชะตาในครั้งนี้
จะว่าไปแล้ว ทุกท่านคงสงสัยใช่หรือไม่ว่าตระกูลซินร่ำรวยขนาดไหน?
ยกตัวอย่างง่ายๆนะ เอาเป็นหลิวซูก็แล้วกัน เธอคือเลเวล F ในสถานชุมชนขนาดเล็ก แต่แค่เลเวล F คนเดียว กลับสามารถสนับสนุนพ่อแม่จนเปิดโรงแรมและร้านค้าอุปกรณ์ใจกลางเมืองหานได้
ฉะนั้น นับประสาอะไรกับหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองเฉิงหยาง ที่มีผู้คนข้องเกี่ยวนับพันนับหมื่น
คงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่ามีเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนเท่าไหร่
แต่เฉพาะสินทรัพย์ถาวร น่าจะมหาศาลมาก
“อืม … แต่ฉันก็ไม่ใช่คนของเมืองเฉิงหยางซะด้วยสิ ในกรณีนี้ 20% ที่ว่าขอแลกเปลี่ยนมันเป็นเงิน … ใช้เงินสดแลกเปลี่ยนกับชีวิตของพวกแกก็แล้วกัน! โอ้ แล้วอย่าคิดเล่นตุกติกกับฉัน อย่าลืมนะว่า ฉันรู้จักอันเจิ้งเว่ย!”
ฉินเฟิงเตือนพลางยิ้มหยัน
อันเจิ้งเว่ยคือนักธุรกิจ ทั้งยังเป็นผู้รอบรู้ ฉลาดหลักแหลม ดังนั้นบุคคลประเภทนี้ ย่อมทราบถึงปริมาณทรัพย์สินของตระกูลซิน ดังนั้น ถึงพวกเขาจะโกหกฉินเฟิง แต่มิอาจหลอกลวงอันเจิ้งเว่ยได้อย่างแน่นอน!