Ep.195 - ปัญหาตระกูลซิน
1/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.195 - ปัญหาตระกูลซิน
สิ้นเสียงของซินเซิง ภายในสนามแสดงฝีมือ กรงที่สองก็ถูกเผยโฉมออกมา
กรงนี้หากเทียบกับกรงก่อน มันใหญ่กว่ามาก เมื่อผ้าแดงถูกดึงลง ก็เผยให้เห็นถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายใน--
--ปรากฏว่าเป็นวัวขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง
มันสูงราวๆ 3 เมตร ลำตัวยาว 5 เมตร ซึ่งความยาวนี้แทบจะเทียบได้เลยกับรถบรรทุก
ภายในกรง วัวตัวนี้ถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่ ปัจจุบันดวงตาของมันเป็นสีแดงฉาน แทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ออกไป
เนื่องจากไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ผ้าสีแดงก็เป็นตัวกระตุ้นเส้นประสาทของสัตว์จำพวกวัวได้เป็นอย่างดี
ท่ามกลางสายตาของผู้คน นายพลสัตว์ร้ายเลเวล E3 ---จามรีเขาสายฟ้าได้เผยโฉมออกมาแล้ว!
มันไม่เพียงเป็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง แต่ยังเป็นถึงสัตว์ร้ายที่สามารถใช้รูนสายฟ้าได้!!
ซึ่งหากต่อกรกับมันในระยะประชิด ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกไฟฟ้าช็อต
ในขณะที่เซ่าหงเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F อีกทั้งในอาณาเขตของตระกูลซิน เวลานี้ยังไม่สามารถใช้อาวุธได้ หากต้องสู้กับสัตว์ร้ายเลเวล E เขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย
งานเลี้ยงวันเกิดตระกูลซิน เกิดเหตุนองเลือดขึ้นทุกปี แต่ซินเซิงกลับไม่คิดว่านั่นจะเป็นการนำโชคร้ายมาสู่ตน ตรงกันข้าม เจ้าตัวกลับสนุกสนานและอิ่มเอมไปกับมัน
เฝ้ามองพวกแข็งข้อถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปล่อยให้ความหวาดกลัวฝังลึกลงในจิตใจของคนเหล่านั้น นี่เป็นอะไรที่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่งยวด
“ท่านผู้นำซิน ได้โปรดปล่อย … ปล่อยผู้น้อยไปเถอะ!” ใบหน้าของเซ่าหงฟุ้งไปด้วยความสิ้นหวัง ฝืนยืนไม่ไหว ทิ้งตัวคุกเข่าร้องวิงวอน
“ลุงเซ่าพูดอะไรน่ะ? ฮี่ฮี่ นี่มันก็แค่การแสดงฝีมือเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง เข้าไปเถอะ ไปโชว์ความสามารถของลุงให้คนในงานได้รับชม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมจะไม่ทิ้งลุงอย่างแน่นอน ก็นี่มันวันเกิดของปู่ผมนี่นา จะให้คุณเลือดตกยางออกได้ยังไง นั่นมันเป็นลางร้ายมิใช่หรือ!” ซินเจี่ยหยูกล่าว พลางวางมือลงบนไหล่ของเซ่าหง
เนื่องจากเขาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E ดังนั้นเพียงอัดฉีดกำลังภายในลงไปในฝ่ามือ ก็สามารถผลักเซ่าหงไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย
ผู้คนทั่วบริเวณ เมื่อเห็นฉากนี้ก็แทบไม่กล้าหายใจ บางคนทนไม่ไหวจำต้องก้มหน้าหลับตาลง
แต่ในตอนนั้นเอง ร่างๆหนึ่งได้เดินฉีกออกมาจากฝูงชน
“มันจะดีกว่านะถ้าปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการ อย่าทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกเลย”
วินาทีนั้น ทุกสายตาต่างหันขวับไปมองต้นเสียง
---เป็นฉินเฟิง!
ฉินเฟิงเดินมาหยุดข้างๆซินเจี่ยหยู สายตากวาดมองมือของเจี่ยหยูบนไหล่ของเซ่าหง ปากเอ่ยลอยๆออกมา
“นายน้อยซิน มือข้างนี้ นายไม่ต้องการมันอีกแล้วใช่ไหม?”
เจี่ยหยูพอได้ฟังก็สั่นสะท้าน ชักมือออกโดยไม่รู้ตัว
ฉินเฟิงหัวเราะ หึ คำหนึ่ง
ใบหน้าของซินเจี่ยหยูแดงก่ำ แต่เวลานี้มันสายเกินไปแล้วที่จะยื่นมือออกไปอีกครา ทำได้แค่แนบมันไว้นิ่งๆข้างลำตัว
เห็นถึงฉากตรงหน้า สีหน้าของซินเซิงก็เริ่มปรากฏถึงกลิ่นอายสังหาร
“ผู้ว่าการฉินช่างเป็นคนหนุ่มที่เลือดร้อนซะจริง แต่ในเมื่อคุณต้องการแสดง เช่นนั้นทุกคนในที่นี้ก็ยินดีรับชม!”
ซินเซิงเป็นคนแรกที่ปรบมือนำ
คนอื่นๆจึงเริ่มปรบมือตามกันเบาๆ
บรรยากาศกลายเป็นหนักอึ้ง
ในตอนแรก ทุกคนล้วนคิดไปในทำนองเดียวกันว่าเซ่าหงคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่มีใครคาดคิดเลย ว่าจะมีใครคนหนึ่งก้าวออกมาช่วยเหลือเขาอย่างกระทันหัน
หรืออาจกล่าวได้ว่ายินยอมรับความตายด้วยตัวเองดี!
“ผู้ว่าการฉิน คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
ผู้นำตระกูลเซ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ฉินเฟิงยิ้ม “มิสเตอร์เซ่าไม่ต้องเกรงใจไป หากคุณไม่มั่นใจในตัวผม ก็สามารถเข้ามาด้วยกัน ชมดูข้างในให้มันชัดๆได้”
เซ่าหงพอได้ยินฉินเฟิงพูดแบบนั้น ในหัวใจก็บังเกิดความกลัดกลุ้ม
เพราะหากฉินเฟิงตาย หลังจากนั้นยังไงมันก็ตาของเขาและคนอื่นๆอยู่ดีมิใช่หรือ พอขบคิดก็เหลียวหลัง กวาดสายตามองไปยังหลายๆคนที่ทำให้ตระกูลซินต้องขุ่นเคือง
คนเหล่านี้ ไม่มีกำลังมากพอที่จะสะกิดจามรีเขาสายฟ้าด้วยซ้ำ
“ประเสริฐ! งั้นก็มาตายด้วยกัน!” เซ่าหงกล่าวหนักแน่น เดินตามหลังฉินเฟิงมา ก้าวตรงเข้าสู่อาณาเขตโล่พลังงาน
ฉินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ที่ตนเอ่ยปาก มันก็แค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น
“เห? นี่มันชักจะน่าสนใจซะแล้วสิ”
ฉินเฟิงเดินมาถึงขอบโล่พลังงาน ช่องทางเดินเล็กๆเปิดออกโดยอัตโนมัติ ปล่อยให้ฉินเฟิงและเซ่าหงเดินเข้าไปข้างใน
หลังจากโล่พลังงานปิดลง กรงขนาดใหญ่ก็เริ่มเปิดออก ปลดล็อคโซ่ตรวนภายใน
จามรีเขาสายฟ้าคำรามคลั่ง ทะยานออกจากกรง สะบัดสายฟ้ากระเซ็นไปทั่ว ทั้งสนามแสดงฝีมือรายล้อมไปด้วยแสงสีม่วง สาดประกายเปรี๊ยะๆทำให้ผู้คนที่รับชมไม่อาจลืมตามองได้อย่างเต็มตา
เปรี้ยง!
ปรากฏแสงสว่างวาบ บ่งบอกว่าการโจมตีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉากนี้ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นสะท้าน
…
ภายนอกโล่พลังงาน ซินเจี่ยเซิงเดินมาหยุดยืนข้างๆไป๋หลี
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ร้านขายเสื้อผ้า เขาก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับไป๋หลีอีกเลย เมื่อได้เห็นหญิงทรงเสน่ห์คนนี้อีกครั้ง ดวงตาของเขาก็ฟุ้งไปด้วยความละโมภ หมายจะครอบครอง
“คราวนี้เขาคงตายแน่ๆ ถึงฉันจะได้ยินเรื่องของเขาในเมืองหานมาบ้าง แต่นั่นไม่นับว่าเป็นเกียรติยศเลย อันที่จริงค่อนข้างธรรมดาด้วยซ้ำ เพราะสัตว์ร้ายในเมืองหานน่ะเป็นแค่สัตว์ร้ายเลเวล F แต่ภายในโล่พลังงานคือสัตว์ร้ายเลเวล E --ฉินเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!”
ซินเจี่ยเซิงกล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย แสดงถึงท่าทีภาคภูมิใจในตระกูลตนที่สามารถจับสัตว์ร้ายตัวนี้มาได้
สำหรับเรื่องข้อมูลข่าวสาร แม้จะมีเครือข่ายนักสู้เชื่อมถึงกัน แต่นอกเหนือไปจากฉากสงครามสำคัญๆแล้ว เมืองต่อเมืองคล้ายถูกปิดกั้นจากกัน ไม่อาจรับทราบสถานการณ์อย่างทั่วถึงได้
ดังนั้นแม้ซินเจี่ยเซิงจะสามารถล่วงรู้ถึงข่าวในเมืองหาน แต่สิ่งที่ได้ยินและได้เห็นมันย่อมแตกต่างออกไปจากคนที่อาศัยอยู่ในเมืองจริงๆเป็นธรรมดา
ซินเจี่ยเซิงย่อมไม่ทราบผลของจอแสดงเกียรติยศ ว่าฉินเฟิงได้รับแต้มสงครามมากมายเพียงใด
แต่ต่อให้เขาจะสามารถรู้ได้ ซินเจี่ยเซิงก็ไม่อยากมองมันอยู่ดี เขาคิดแค่ว่าฉินเฟิงเอาแต่สังหารสัตว์ร้ายเลเวล F ดังนั้นพอเจอเลเวล E ย่อมไม่อาจต่อกร
ไป๋หลีมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยปาก “วัวตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของที่รักฉัน”
ซินเจี่ยเซิงหัวเราะเหอะๆและกล่าว “เธออย่าทำเป็นตามืดบอด มั่นใจในตัวเขานักเลย นั่นน่ะเป็นถึงนายพลสัตว์ร้ายเลเวล ---”
ซินเจี่ยเซิงมองกลับไปยังสนามแสดงฝีมืออีกที คล้ายต้องการเห็นภาพของฉินเฟิงตกตายลงที่นั่น
ทว่าในวิสัยทัศน์ของเขา มันกลับสะท้อนให้เห็นถึงกำปั้นของฉินเฟิงที่หวดฟาดกลับไป
…
บนสนามแสดงฝีมือ
ภายใต้การปกคลุมของโล่พลังงาน
กำลังภายในของฉินเฟิงถูกเร่งเร้า รูนไฟเองก็ถูกกระตุ้นไปพร้อมๆกัน --กำลังภายในถูกปะทุเดือด เตรียมปลดปล่อยทักษะมีด (ที่ไม่มีมีด) ผสานเปลวเพลิง และแล้วกำปั้นก็ถูกเหวี่ยงออกไป
ในเสี้ยววินาที กำปั้นของฉินเฟิงก็พลันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงและ---
--เปรี้ยง!
หนึ่งหมัดกระแทกใส่หนึ่งเขาของจามรี ธาตุไฟและสายฟ้าปะทะกันและกัน สาดเสียงอึกทึกกึกก้อง
อำนาจของมันกวาดต้นหญ้าทั้งหมดบนผืนสนามแสดงฝีมือ ฟุ้งกระจายไปตามแรงอัดอากาศ กระแทกเข้าใส่โล่พลังงานจนกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงมหาศาลเป็นอย่างมาก เพราะยังไงซะกำลังภายในของเขาก็ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ดังนั้นมันน่าสะพรึงกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ ยังมีรูนไฟที่ช่วยขับไล่อำนาจของสายฟ้า ส่งผลให้พลังโจมตีจากกำลังภายในไม่ลดทอนอานุภาพลงเลย
หากเทียบกับความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงกับสัตว์ร้าย ปัจจุบันความแข็งแกร่งทางกายของเขาได้ก้าวมาถึงระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นแค่นายพลสัตว์ร้าย ฉะนั้นมันจะต่อกรกับเขาได้อย่างไร?
หลังจากคลื่นกระแทกขนาดใหญ่จบลง พลังงานส่วนเกิน(ธาตุต่างๆ)ถูกสลายออกไป ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาวัดความแข็งแกร่ง ว่าความทนทานทางกายภาพของใครจะสูงกว่ากัน
หมัดของฉินเฟิงตกลงบนเขาของจามรีเขาสายฟ้าและ---
---ปงงงงง!
พละกำลังอันมหาศาล สามารถทุบทำลายหนึ่งเขาจามรีจนหักโค่นลงในคราวเดียว!
เมื่อเหลือเขาเดียว อำนาจสายฟ้าก็ค่อยๆถดถอยลง ปรากฏถึงความหวาดกลัวฟุ้งในแววตาของจามรีเขาสายฟ้า
“มออออ!” จามรีเขาสายฟ้าตัดสินใจใช้ประโยชน์จากขนาดตัวอันใหญ่โต พุ่งเข้ากระแทกอย่างบ้าคลั่ง
“ท่าร่างภูติพราย!”
ฝีเท้าของฉินเฟิงคล้ายซวนเซ แต่ร่างกายกลับวูบไหวไปมายากจะจับทิศทาง โฉบหลบตำแหน่งโจมตีของศัตรูและพุ่งสวนกลับไป ในจังหวะประชิดเพียงเสี้ยววินาที หมัดที่กำแน่นพลันคลายออกเป็นฝ่ามือ กระแทกเข้าใส่กลางหัวของจามรีเขาสายฟ้าทันใด
ปึ้งงงง!
บังเกิดเสียงหนักทึบที่ฟังคมชัด ตามด้วยเสียงกร๊อบของกระดูกที่แหลกเหลว บนหัวของจามรีเขาสายฟ้า ทิ้งไว้เพียงรอยประทับของฝ่ามือใหญ่
หลังโฉบผ่านกันและกัน จามรีเขาสายฟ้าวิ่งเตลิดออกไปได้อีกกว่า 10 เมตร ก่อนทั้งตัวทั้งร่างของมันจะเริ่มเอนเอียง ร่วงกระแทกลงกับพื้นในที่สุด
ปุด ..
เลือดไหลนองออกมาตามทวารทั้งเจ็ดของจามรีเขาสายฟ้า---
---มันสิ้นใจลงแล้ว!
กระบวนการต่อสู้ทั้งหมดนี้ หากจะให้กล่าวสั้นๆ มันกินเวลาไปแค่ไม่ถึง 5 นาที!
แม้ร่างมโหฬารของจามรีเขาสายฟ้าจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว แต่ผู้คนภายนอกก็ยังแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี
เพราะความแข็งแกร่งที่ฉินเฟิงสำแดงออกมา หากเทียบกับก่อนหน้านี้ มันทรงพลังกว่ามากมายนัก
พริบตานั้น สภาพแวดล้อมภายนอกเงียบงันราวกับป่าช้า
คนตระกูลซินต่างกำหมัดแน่น โดยเฉพาะซินเซิงที่มีสีหน้าหม่นทะมึนลง
เขาไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะแกร่งถึงขนาดนี้
และเหตุการณ์คาดไม่ถึงดังกล่าว ยังทำให้ป้อมปราการ(วิธีข่มผู้ขัดขืน)ที่ตระกูลซินกระทำมาทุกปีต้องพังทลายลง และหากจะกู้มันให้ฟื้นคืนกลับมา มีเพียงหนทางเดียว
---ฉินเฟิงจะต้องตาย!!