บทที่ 120
ภาพวาดชายหนุ่มสามคนติดประกาศอยู่เต็มกำแพงเมือง ข่าวเจ้าเมืองซูโจวอันถูกปล้นแพร่กระจายประดุจไฟล่ามทุ่ง เจ้าเมืองแทบสิ้นเนื้อประดาตัว โชคดีที่ยังพอมีสมบัติที่แอบซุกซ่อนไว้อย่างลับๆ ภาพวาดชายหนุ่มทั้งสามถูกส่งกระจายไปทั่วทั้งเขตดินแดนแห่งดิน ข้อหาปล้นสมบัติในคลังหลวง หลายคนตั้งฉายาให้กับทั้งสามว่าจอมโจรหมอกพิษ เพราะช่วงเวลากลางวันที่หลบหนีชายผู้เป็นหัวหน้าได้ใช้ควันพิษสีม่วง อีกทั้งวิธีการปล้นก็ใช้พิษอีก
บริเวณรอบเขาซือสุ่ย ม่านพลังอักขระศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมไปทั่วทั้งเขา รอบด้านมีกระโจมเล็กใหญ่ตั้งอยู่เต็มไปหมด มีหลายคนออกมาร้องตะโกนเสียงดังโวยวายหาคนรวมกลุ่มเพื่อเข้าไปด้านใน ร้านอาหารก็มีแต่ตั้งแยกไปอยู่ที่ฝั่ง มีหลายคนที่อ้างตัวว่าเป็นหมอ ตั้งแผงไม้สานขายยารักษาบาดแผล บางคนขายสมุนไพรและแก่นพลังปราณสัตว์อสูร ชายหนุ่มทั้งสามเมื่อมาถึงที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่แปลกใจกับภาพที่พบเห็น เป็นหยางเวยหันมาเอ่ยถามเย่เตา
“เย่เตา ไหนเจ้าเคยกล่าวชาวยุทธจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปด้านในเขา แต่ก็หาได้ออกมาแม้แต่ผู้เดียว แล้วจากที่เห็นมันเกิดสิ่งใดขึ้น”
“ข่าวที่ข้าได้รับมามันหลายปีมาแล้ว”
เนี่ยฟงยกยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่หยางเวย
“ไม่เอาน่าหยางเวย อย่างได้คิดมาก ดีเสียอีกจะได้มีคนกำจัดปีศาจให้แก่พวกเรา จะได้มีเวลาหาศิลาจารึกได้ง่ายขึ้น”
หยางเวยพอได้ยินคำว่าศิลาจารึกดวงตาก็เปล่งกระจายออกมา
“ว่าแต่เจ้าจะเข้าไปด้านในหรือไม่”
“ใจเย็นๆไม่ต้องรีบ ขอเวลาข้าสองสามวันเพื่อหาข้อมูลก่อน แต่ว่าตอนนี้ไปหาอะไรทานกันเถอะข้าหิวแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็เดินนำหยางเวยและเย่เตาเดินไปในฝั่งของร้านอาหาร ทั้งสามเดินเข้ามาในร้านขายบะหมี่ ระหว่างรอเนี่ยฟงก็ถามเสี่ยวเอ้อถึงข้อมูลที่ต้องควรรู้ของที่นี่
“เสี่ยวเอ้อ เหตุใดที่นี่ถึงมีชายยุทธมากมายมาที่นี่กัน”
เสี่ยวเอ้อหันมาจ้องมองเนี่ยฟงด้วยความสงสัย
“พวกท่านคงจะไม่ใช่คนของเขตแห่งดินใช่หรือไม่ ถึงไม่ทราบข่าวเรื่องนี้”
“เรื่องอันใด”
เสี่ยวเอ้อนิ่งเงียบไม่กล่าวสิ่งใดออกมา เนี่ยฟงสะบัดมือนำเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ เสี่ยวเอ้อรีบคว้าเงินไว้ทันทีพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา
“เมื่อไม่กี่เดือนก่อนมีปีศาจจำนวนหนึ่งหลุดออกมาจากจากม่านพลังอักขระศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่ถูกสังหารพวกมันจะหายไปจะสีแสงพุ่งเข้าหาร่างผู้คนสามารถเพิ่มพูนพลังปราณได้ ทำให้เกิดข่าวกระจายเป็นวงกว้างทำให้ชาวยุทธมากมายต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ขอรับ”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยวาจาถามลุ่ยกงทันที
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยขอรับท่านลุ่ยกง”
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้มาก ในโลกใบนี้ยังมีเรื่องให้เจ้าและข้าได้แปลกใจอีกเยอะ เจ้าอย่าลืมสิชายผู้นั้นกล่าวไว้ว่า เจ้าหาใช่เป็นคนที่นี่ เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปทดลองด้วยตัวเองละ”
เนี่ยฟงนิ่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยวาจาถามเสี่ยวเอ้ออีกครั้ง
“แล้วการเข้าด้านในทำได้อย่างไร”
“หากพวกท่านจะเข้าไปด้านใน พวกท่านต้องรวมกลุ่มกับผู้อื่นหาไม่เช่นนั้นแล้ว พวกท่านไม่ถูกปีศาจสังหารก็ต้องถูกมนุษย์ด้วยกันเองสังหารเช่นกัน”
หยางเวยยกยิ้มอย่างดีใจเอ่ยถามเสี่ยวเอ้อเช่นกัน
“มีการสังหารกันที่ด้านใน”
“แน่นอนขอรับ ท่านอย่าลืมว่าส่วนใหญ่ที่เข้าไปด้านใน แต่ละคนล้วนพกสมบัติติดตัวมาไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยา อาหาร เงิน รวมไปถึงอาวุธและคัมภีร์ เห็นเช่นนี้ท่านคิดว่าจะไม่มีการปล้นชิงกันรึขอรับ อีกอย่างคนตายไม่มีสิทธิ์กล่าวสิ่งใดอยู่แล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวของเสี่ยวเอ้อ ก็หาได้มีผู้ใดเอ่ยถามสิ่งใดไม่นานเสี่ยวเอ้อก็เดินจากไป ทั้งสามทานบะหมี่จนอิ่ม ก็แยกย้ายก็ออกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่เพิ่มเติม แสงอรุณลาลับขอบฟ้าอีกครั้ง กองไฟและตะเกียงไฟถูกจุดให้แสงสว่างทดแทน บางกลุ่มจับกลุ่มคุยกันวางแผนต่างๆ บางกลุ่มร่ำสุรากันเสียงดังไม่น้อย ส่วนชายหนุ่มทั้งสามแยกตัวออกมาด้านหน้า หยางเวยก่อกองไฟสำหรับย่างเนื้อ เนี่ยฟงแอบวางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้รอบด้านเพื่อความปลอดภัย ส่วนเย่เตาออกไปหาแหล่งน้ำ ค่ำคืนแรกหาได้มีเหตุอันใดน่าเป็นห่วงทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี เพียงแต่ว่ารุ่งเช้าทันทีที่แสงอรุณสาดส่องเข้ามาในเขา เสียงร้องคำรามดังสนั่นออกมาจากบนเขา
หลายคนตื่นตกใจลนลานไม่น้อยเช่นกัน ชายหนุ่มทั้งสามหลังจากพูดคุยแล้วรับรู้บางอย่างเพิ่มเติมก็ตัดสินใจเดินทางเข้าไปด้านในวันนี้ ทั้งสามเดินทางเข้าไปในส่วนของม่านพลังอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหมือนประตูทางเข้า มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายกลุ่มยืนอยู่เต็มด้านหน้าเพื่อรอเข้าไปด้านใน ไม่นานกลุ่มต่างๆก็ค่อยๆทยอยเดินเข้าไปได้ใน ชายหนุ่มทั้งสามเมื่อผ่านม่านพลังอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็เผชิญหน้ากับปีศาจตัวใหญ่หกตัวทันที กลุ่มที่เข้ามาก่อนเข้าโจมตีปีศาจแล้วหลอกล่อให้มาอยู่เฝ้าทางเข้า หลายกลุ่มเลือกที่จะหลบหนี เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับปีศาจทั้งหก
ปราณดาบสีแดง ปราณดาบสีฟ้า และปราณมีดสีม่วงพุ่งเข้าสังหารปีศาจตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เป็นดั่งเช่นที่เสี่ยวเอ้อกล่าว ปีศาจถูกสังหารหายไปมีแสงพุ่งเข้าร่างกายของเนี่ยฟง หยางเสยและเย่เตา ทั้งสามรับรู้ว่ามีพลังปราณในร่างเริ่มเพิ่มขึ้น ไม่รอสิ่งใดทั้งสามพุ่งกระโจนเข้าหาปีศาจที่เหลือทั้งห้า โดนหาได้สนใจกลุ่มต่างๆที่ยังเหลืออยู่แถวนั้น ปราณดาบพุ่งเข้าหาปีศาจอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงปะทะดังสนั่นฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ชั่วน้ำเดือดทันทีที่สายลมพัดพากลุ่มควันหายไป ชายหนุ่มทั้งสามก็หายไปจากบริเวณ
ตลอดระยะเวลาที่ทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นเขา พื้นที่โดยรอบถูกทำลายลงไปไม่น้อยจากปราณดาบและปราณมีด ต้นไม้รอบด้านถูกฟันหักโค่น พื้นดินเกิดเป็นร่องรอยดาบและมีด แสงสีต่างๆพุ่งเข้าหาร่างของทั้งสามอย่างรวดเร็ว เมื่อพุ่งทะยานขึ้นมาด้านบนได้ระยะหนึ่งเริ่มเห็นกลุ่มคนที่ขึ้นมาก่อน นั่งพักเป็นจุดๆในป่า ทั้งสามก็หาได้สนใจพุ่งทะยานไปต่อ แต่ทว่าก็ต้องถูกขัดขวางด้วยชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่มีหนวดเคราขึ้น ถือขวานขนาดใหญ่ไว้ที่มือทั้งสองข้าง
“พวกเจ้าเด็กน้อยจะไปไหน”
หยางเวยหันมากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม
“พวกข้าทั้งสามจะขึ้นไปด้านบนขอรับ”
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นกล่าววาจาพร้อมกับฟาดขวานในมือขวาลงพื้น ตูม
“ได้แต่พวกเจ้าต้องจ่ายค่าผ่านทางเสียก่อน”
สิ้นเสียงกล่าว ชายฉกรรจ์อีกหกคนก็เดินเข้ามายืนด้านหลังพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง หยางเวยหันไปมองกลุ่มชายฉกรรจ์ด้านหน้า หลังจากนั้นก็หันไปมองรอบด้าน มีหลายคนจ้องมอง และมีหลายคนเช่นกันหาได้สนใจ หยางเวยหันไปมองเนี่ยฟงและเย่เตาด้านหลัง
“พวกเจ้าว่าไง”
“เหอะ อย่าได้หันมาถามพวกข้า ทั้งๆที่ใจเจ้าอยากปล้นคนพวกนั้นใจจะขาด”
เนี่ยฟงกล่าววาจาประชดหยางเวยเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์เองก็เริ่มมีอารมณ์โกรธแล้วเช่นกัน
“ตกลงพวกเจ้าจะจ่ายหรือไม่ ไม่เช่นนั้นก็ไสหัวไปจาก”
ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ยังกล่าวไม่ทันสิ้นเสียง หยางเวยก็พุ่งทะยานเข้ามาต่อยอย่างถนัดถนี่ ผัวะ เนี่ยฟงและเย่เตาได้แต่ส่ายศีรษะไปมา พร้อมกับพุ่งทะยานเข้าไปปะทะ เสียงหมัดปะทะกล้ามเนื้อดังลั่น ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ ไม่นานชายฉกรรจ์ทั้งหกก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หน้าตาปูดบวม หลายกลุ่มที่อยู่รอบด้านล้วนหันมามองเด็กหนุ่มทั้งสามอย่างไม่วางตา ก่อนจากไปหยางเวยไม่ลืมที่จะปล้นแหวนของชายฉกรรจ์ทั้งเจ็ดติดมือมาด้วย ทั้งสามพุ่งทะยานขึ้นไปบนเขาอย่างรวดเร็ว เนี่ยฟงพุ่งทะยานนำด้านหน้า เกือบครึ่งชั่วยามก็พบเจอจุดแรกของแผ่นที่ เป็นศาลเจ้าเก่าที่ตั้งอยู่ในป่า
“เราพักกันที่นี่ก่อน ศาลเจ้าเก่าด้านหลังเป็นจุดแรกของแผนที่ แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว”
ในระหว่างที่นั่งพักหยางเวยก็ไม่ลืมที่จะตรวจสอบแหวนที่ปล้นมา ไม่นานก็นำของออกมาชิ้นหนึ่งเป็นป้ายม้าสีดำมีอักษรผาไม้ดำสลักโยนให้แก่เนี่ยฟง เย่เตาหันไปมองป้ายไม้ถึงกับสบถออกมาเสียงดัง
“บัดซบ พวกเจ้าไปนำป้ายนั้นมาจากไหน”
“ข้าได้มาจากกลุ่มคนทั้งเจ็ดเมื่อครู่ ว่าแต่เหตุใดเจ้าถึงสบถออกมาเสียงดังเช่นนี้”
เย่เตาเมื่อได้ยินเช่นนั้นรีบระงับอารมณ์โกรธ
“ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้ามีความแค้นกับคนของผาไม้ดำ พวกมันเป็นคนสังหารมารดาข้า”
“ข้าเสียใจด้วยเย่เตา พวกข้าทั้งสองเองก็ถูกพวกมันตามล่าเช่นกัน แต่เป็นเนี่ยฟงเสียมากกว่าที่ถูกตามล่า”
เย่เตาหันไปมองเนี่ยฟงอีกครั้ง
“ระวังตัวหน่อย คนพวกนี้หาได้ละทิ้งเป้าหมาย หากคนหนึ่งสังหารเป้าหมายไม่ได้ก็จะมีคนอื่นมาทดแทนเรื่อย ๆ”
“เรื่องนั้นเจ้าวางใจเถอะ เอาละพวกเรารีบเดินทางกันเถอะ ก่อนที่จะมืดลงเสียก่อน”