บทที่ ๒๔
ทวนเข็มนาฬิกา
โดย ศศิศิลป์
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
บทที่ ๒๔
"กลับมาทำงานแล้วเธียร์ของพี่โก้ ไหนมาดูหน่อยเป็นไงบ้าง" โก้เกินเข้ามาหาเธียร์ที่นั่งอยู่ในออฟฟิศ จับหันซ้ายหันขวา
"สบายดีแล้วครับ ขอโทษเลยนะทิ้งงานไปนานอะพี่" พยายามดึงตัวออกจากความยุ่มย่ามของหนุ่มรุ่นพี่
"เฮ้ยพูดอะไรอย่างนั้น อุบัติเหตุเลือกเกิดได้ที่ไหน แล้วพี่ขอโทษด้วยนะ ถ้าวันนั้นไม่ให้แกกลับไปเอาของก็คงไม่ได้เกิดเรื่องอย่างนี้"
"พี่บอกเองนี่ครับว่าเพราะอุบัติเหตุ ผมไม่โทษใครเลยนะพี่ไม่ต้องคิดมากเลย" เธียร์ยกยิ้ม
"แล้วเรื่องคู่กรณียังไงบ้างอะพี่เธียร์.." เบย์ถาม
"ก็ไม่มีปัญหาอะไร"
เบย์สงสัย อยากจะถามต่อแต่ไม่ล้ำเส้นเกินไป
"พี่เธียร์ มีคนมาหาจ้า" ขนมรุ้งวิ่งมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
"ใครอะ.." เบย์เห็นอย่างนั้นก็สงสัย
"ไม่บอกหรอก แล้วไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย หนมงงไปหมด" เธียร์เลิกคิ้วแต่พอจะเดาออก เลยรีบเดินออกไปหาอีกคน
"เธอจะมาทำไมไม่โทรบอกก่อน" เธียร์บ่นคนที่ยืนใส่หมวกแก๊ปดำแต่ยังโดดเด่น ในมือหิ้วถุงอะไรเต็มไปหมด
"ก็อยากมาเซอร์ไพร้ส์ นีี่เอาขนมมาฝากด้วย..." ตุลย์ยกถุงขึ้นมาส่งยิ้มหวาน
"เดี๋ยวก็มีข่าวอีกหรอก" เธียร์หันซ้ายมองขวา
"สนใจที่ไหนอะ"
"เข้ามาก่อนเร็ว ข้างนอกร้อน" เธียร์ดึงมืออีกคนเข้ามาในตึก เพราะออฟฟิศอยู่ใจกลางเมืองเป็นตึกเดี่ยว 3 ชั้น บรรยากาศช่วงเที่ยงไม่ต้องเอ่ยถึง
เดินขึ้นมาบนชั้นที่มีไว้รับรองลูกค้าและที่พักผ่อนของชาวบริษัท ชั้น2 คนกำลังจับจองมุมต่างๆในช่วงพักกลางวันและเพราะคนที่มองมาทำเอาเจ้าตัวนึกได้ว่ากำลังจับแขนอยู่ก็รีบปล่อย
"ปล่อยทำไม จับอีกสิ" ตุลย์แกล้งแซว
แต่อีกคนทำหน้ามุ่ยใส่เขินๆ
"อ้าวคุณตุลย์ มาติดต่องานอะไรครับวันนี้ มาเองเลยหรอ" โก้ทักทาย
"เปล่าครับ มาหาแฟน..." คำตอบทำเอาคนในออฟฟิศหูผึ่ง แอบซุบซิบกันใหญ่ไม่เว้นขนมรุ้งกับเบย์
ส่วนคนที่ถูกอ้างถึงทำตาโตคาดโทษ
"เฮ้ยจริงเปล่าเนี่ย คนไหนครับ"
"หึๆ ผมแวะเอาของมาให้เธียร์ครับ"
เบี่ยงไปอีกประเด็นแทน แต่เขาก็ถือว่าได้ตอบไปในทีอยู่เหมือนกัน
"อ้าวไม่ตอบผมซะงั้น เดี๋ยวนะ...แล้วไปสนิทกันยังไงครับ หรือว่า ... เอ่อ โทษทีครับผมคงวุ่นวายมากไป ตามสบายครับ เชิญเลย"
โก้เมื่อเห็นสายตาตำหนิ ราวกับด่าว่าเขากำลัง เผือก อยู่ก็รีบถอยออกมา
เธียร์พาตุลย์มานั่งที่มุมหนึ่งของออฟฟิศแทน มันถูกตกแต่งด้วยความมินิมอลและน่ารักสมเป็นบริษัทรับจัดงานที่มีชื่อเสียง และแถมยังใส่ใจคุณภาพการพักผ่อนพนักงานและสุขภาพจิตที่ดีในการมีมุมสวยๆไว้นั่งทำเอาตุลย์มองเพลิน
"ไหนอะ ซื้ออะไรมาฝากครับคุณตุลย์"
"นี่ไง ของโปรดเธอทั้งนั้น" ตุลย์หยิบของออกจากถุงเป็นน้ำที่อยู่ในขวดหน้าตาแปลกๆ และขนมเจ้าเก่าในตลาดแห่งหนึ่ง
"เฮ้ยย เธอไปหามาได้ยังไงเนี่ย ไหนขอชิมดูหน่อยว่าเหมือนเดิมไหม?" เธียร์หยิบน้ำขี้นมาเปิดกิน และขนมที่อีกฝ่ายตัดเป็นชิ้นเล็กพอดีคำอย่างใส่ใจ
"เหมือนเดิมเลย"
"เหมือนเดิมสิ ไม่กี่เจ้านะที่ยังขายน้ำบ๊วยแบบนี้อยู่ ขนมนี่ก็เจ้าเดิมแต่เป็นรุ่นลูกเขาทำแล้ว รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องชอบ.."
"รู้ใจเก่ง.." เธียร์แซว
ทำให้ได้เห็นท่าทางเขินของอีกคน
"เอาใจขนาดนี้แล้วนี่นะ"
"หืม พูดแบบนี้จะเอาอะไร?"
"ไม่เอาอะไร มีเธอทุกวันก็พอ อยู่เอาใจไปได้ตลอดชีวิต.."
"อย่างเสี่ยวอะลุง" เธียร์ขำ
"ลุงอะไรเดี๋ยวจะโดน! ลุงที่ไหนหล่อขนาดนี้.."
ตุลย์ทำท่าจะเขกหัว แต่อีกคนหลบ
"แล้วยังหลงตัวเองอีกแหน่ะ.." เธียร์ว่าขำขัน
"พี่เธียร์ ขอโทษที่รบกวนนะคะ..." ขนมรุ้งเข้ามาเรียกไว้พอดี
"รอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวมา"
"ครับพี่เธียร์ บอกเป็นเด็กๆไปได้" ตุลย์แซว ก่อนที่อีกคนจะเดินออกไปกับรุ่นน้อง
"มันยังอะไรอะพี่ หนมงงหมดแล้ว บรรยากาศความรักมันฟุ้งไปหมด" ขนมรุ้งเอ่ยทันทีที่เดินห่างออกมา
"พูดไปเรื่อยนะเรา"
"จริง ผมเป็นพยาน" เบย์เสริม
"พอเลย แล้วนี่เรียกพี่ออกมาแค่นี้หรอ หืม" หนุ่มรุ่นพี่ถามหญิงสาวที่ทำท่าทางจับผิดเขาอยู่
"ไม่ใช่นะ โน่นต่างหาก ลูกค้าคนนั้นจะขอคุยด้วย สู้ๆนะพี่เธียร์" ขนมรุ้งยกมือให้กำลังใจ
"ใครก็เอาไม่อยู่แล้ว กับพี่โก้ก็ไม่คุย มีแต่พี่ที่เป็นความหวังของบอ.เรา" เบย์ว่าติดตลกทำเอาเธียร์หัวเราะ
ก่อนจะหันไปมองตุลย์เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรอนาน แต่ก็เห็นว่ากำลังพูดคุยกับพี่ทีมงานท่านหนึ่งอยู่คงไม่นั่งเหงารอแล้ว
"สวัสดีครับคุณชาญ วันนี้มีอะไรให้เธียร์ช่วยเหลือครับ" ทฤนห์สวมบทบาทการทำงาน
"สวัสดีครับ ได้ข่าวอุบัติเหตุหายดีแล้วนะครับ?" ชาญวิทย์ ลูกค้าประจำจอมเรื่องมากเอ่ยทักทายเขา
"ดีแล้วครับ ได้ยินมาว่ามีจัดงานช่วงเดือนหน้า แต่ทางทีมคุณชาญรีเควสให้เป็นผม.."
"ผมชอบงานคุณนี่ คนอื่นก็มีแต่คอยขัด แก้โน่นนี่มีแต่ข้อจำกัด คุณโก้ก็นะ...เขาถนัดทำงานบันเทิง ไม่เหมือนคุณทำงานเก่ง ไอเดียแปลก แถมมีแต่จะส่งเสริมคอนเท้นต์ผม.." ชาญวิทย์ยกยิ้ม
เธียร์ได้ฟังแล้วจะดีใจก็ใช่ จะหนักใจก็ใช่อีก ชาญวิทย์คือที่สุดแห่งความวุ่นวาย เขามีไอเดียที่ล้ำและยากจะทำได้จริง และเพราเธียร์เนรมิตรให้ได้อย่างประนีประนอมที่สุด อีกคนเลยได้ใจใหญ่ว่าต้องเป็นเขาที่ได้ทำงานพวกนี้
"รอบนี้เป็นงานอะไรหรอครับ ได้ยินมาแค่ว่าเจ้าพ่องาน exhibition อย่างคุณชาญจะมีงานใหญ่แต่ผมยังไม่ทราบคอนเซ็ป" นิทรรศการการรวมตัวพ่อค้าแม่ค้าดัง ยังไงก็ต้องถามไว้ก่อนได้เลยว่า เจ้างานใช่ ชาญวิทย์หรือเปล่า
เพราะเกือบทั้งหมดคือใช่ เขาถือเป็นเจ้าพ่อการจัดงานค้าขายที่ยังหนุ่มคนหนึ่ง นิทรรศการนักเขียน อาหาร รวมไปยังสัตว์แปลก
"ครั้งนี้อาจจะฟังดูน่าเบื่อหรือเปล่าไปไม่รู้ ผมจะทำเกี่ยวกับเทคโนโลยี ทั้งเก่าและใหม่เลยนะ ..." เธียร์ตั้งใจฟังอย่างดี ทั้งสองคุยกันจนเวลาปาไปเกือบ 2 ชั่วโมง
"ยังไงผมฝากงานนี้ไว้ในมือคนรุ่นใหม่อย่างคุณด้วยนะครับ" ชาญวิทย์เอ่ยตอนที่อีกคนเดินมาส่งเขาที่ใกล้บันไดทางลงไปชั้นล่าง
"ไม่มีปัญหาครับ คุณชาญมีอะไรเพิ่มเติมอีเมลมาได้ตลอดเลยนะครับ"
ทฤนห์บอกลาลูกค้าก่อนจะเดินคอตกทุบไหล่กลับเข้ามา
"เป็นไงแก พี่บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าไปตามน้ำมาก ทุกไอเดียมันต้องมีเหตุผลมารองรับโว้ย ดูสิ ติดแกเจเลย เตรียมรับงานเหนื่อยตลอดไปเลยโว้ย" โก้เดินเข้ามาหารุ่นน้อง ไม่ให้กำลังใจแล้วยังทำเขาเหนื่อยเพิ่ม
ทฤนห์ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมโต๊ะที่ตุลย์นั่งรอเข้าอยู่
"ผมจะทำไงได้อะพี่ มันก็งาน นั่นก็ลูกค้า.."
"ก็ระวังไว้เถอะ ดูท่าจะชอบมากอยู่ แล้วถ้าเขาท่าทางปิ๊งปั๊งแกนอกงานเมื่อไหร่บอกพี่ พี่จัดการเอง...ยิ่งชอบมองตาแกหวานเยิ้มอยู่" โก้ว่าบีบไหล่รุ่นน้องแกล้งเล่น
"นี่ใครกันแน่รุ่มร่ามเกินพอดี? คุณโก้เป็นประเภทรุ่นพี่ที่ถูกเนื้อต้องตัวโดยที่คนอื่นเขาไม่ชอบบ่อยๆหรอครับ" ตุลย์ที่มีสีหน้านิ่งเรียบเอ่ยถาม
"ตุลย์.." เธียร์เรียกเบาๆ เพราะเขารู้สึกอีกคนพูดแรงเกินไป
"เอ่ออ คุณหมายความว่ายังไงครับ ผมก็คุยเล่นกับน้องอย่างนี้ ใช่ไหมเธียร์.."
เธียร์ทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์
"บอกไปสิว่าเธอไม่ชอบน่ะ หลายครั้งแล้วไม่ใช่หรอที่เขายุ่มย่าม จะยอมทำไม? แค่เพราะเป็นรุ่นพี่หรอ?" ตุลย์เริ่มไม่โอเคที่คนของตัวเองนิ่งเงียบ
"ขอโทษนะครับพี่โก้ แต่เธียร์ไม่โอเคจริงๆอย่างที่เขาว่า เธียร์ไม่ได้บอกตรงๆแต่ก็แสดงชัดตลอดว่าเธียร์ไม่ได้อยากให้ใครรุ่มร่าม.."
เบย์และขนมรุ้งที่นั่งคุยทีมกันโต๊ะข้างๆ ได้ยินก็ลอบยิ้มพอใจและทำมือว่าสะใจ
"อ้าว...งั้นพี่ขอโทษนะ พี่ก็เห็นเราไม่พูดอะไรก็นึกว่าชอบ..." โก้ยังแอบเหน็บเบาๆ
"หึ.." ตุลย์ส่งเสียง
ก่อนที่โก้จะถอยทัพออกไปเงียบๆ ตุลย์ยังคงนั่งไม่สบอารมณ์อยู่
"เธอพูดแรงไปไหม?"
"เรื่องจริงทั้งนั้น ไม่ชอบแล้วยอมให้เขาทำอยู่นั่น.."
"ก็มันพูดยากนี่"
"ยากตรงไหน หรือเธอไม่หวงตัว?"
"ตุลย์!"
"แต่เราหวง... อย่าให้เห็นว่าเธอนิ่งเงียบแบบนี้อีกนะ ถ้าเธอไม่อยากพูดเราพูดเอง"
ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไหนก่อนดีที่โดนดุหรือเขินกับความตรงเผงนั่น ยังไม่ทิ้งความเป็นตุลาไว้ก็ตรงนี้
"แล้วเธอจะกลับเลยไหม?" เธียร์เลือกจะถามแทน
"จะไล่แล้วหรือไง?"
ตุลย์เวอร์ชั่น 2020 ดูทั้งดุและโตมาก แต่ก็ยังเป็นตุลาอยู่ดีนั่นแหละ
"ใช่ที่ไหน เรากลัวเธอรอ อีกตั้งนานกว่าเราจะเลิก..."
"พี่เธียร์~" ขนมรุ้งรีบเข้ามาอีก เธอเกรงสายตาของตุลย์หน่อยๆ
"หนมจะบอกว่าพี่เธียร์กลับได้เลยนะวันนี้ นี่เลยหนมสรุปงานให้แล้ว จริงๆช่วงนี้พี่เธียร์ไม่ต้องอยู่ออฟฟิศจนกว่าจะส่งแบบงานเลยนะ ไปเร็วๆ เดี๋ยวพี่ตุลย์ เอ่อ โทษค่ะลืมตัว คุณตุลย์รอ" ขนมรุ้งเอ่ย เธอตกใจที่ตัวเองเผลอเรียกพี่ตุลย์ตามประสาแฟนคลับ แต่อดีตดาราหนุ่มกลับยิ้มพอใจ
"เรียกอย่างที่คุ้นก็ได้พี่ไม่ถือ"
เรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้นถ้าส่งเสริมเขาอย่างนี้ แถมยังพูดจาเข้าหู
"ชิ เรียกคุณลุงดีกว่า เขาเป็นพ่อหนมได้เลยนะ"
"เธียร์!" ตุลย์เรียกเสียงดุ
"ลุงอะไรพี่ตุลย์ยังไม่แก่สักหน่อย ไปเร็วค่ะๆ"
"นี่ครับผมเก็บของมาให้แล้ว" เบย์เดินมาพร้อมกระเป๋าถือของรุ่นพี่
"เอ๊ะเราสองคนนี่ยังไงกัน.." เธียร์มัวแต่สับสนไม่ทันได้เห็นว่าตุลย์ยกนิ้วโป้งให้กับอีกสองคนที่ก็ยกยิ้มว่าพวกเขานั้นทำหน้าที่พ่อสื่อแม่สื่อได้ดีมาก
บนรถเปิดเพลงโปรดเพลงเก่าที่เขาเคยไปฟังสดด้วยกัน เธียร์ฮัมดนตรีคลอเบาๆ
"สนิทกันมากหรอ?"
"หืม?"
"ก็ลูกค้าคนนั้น เธอสนิทมากหรอ?"
"อ๋อ ก็ใช้คำว่าสนิทไม่ได้หรอก ร่วมงานกัน 2-3 ครั้ง แต่งานใหญ่มากๆทุกครั้ง"
"เขาก็เลยชอบเธอเลยสิ?"
น้ำเสียงติดจะงอนนั่นคืออะไรกัน
ตุลาของเขาช่างขี้น้อยใจยิ่งกว่าใคร
"ก็แฟนเธอเก่ง"
เธียร์พูดก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
พูดเองก็เขินตัวเอง
แต่ถ้าได้เห็นหน้าที่ยิ้มกรุ้มกริ่มของคนขับคงจะเขินเสียยิ่งกว่านี้ ตุลย์เอื้อมมือมาคว้าเข้าที่มือเรียวบนตักคนข้างๆ จับมันมาจูบแผ่วเบา
"เธออย่าไปน่ารักแบบนี้กับใครนะ"
"เวลาไม่ทำให้ความขี้หวงเธอลดลงเลยหรือไง?"
"ใครหวง?"
อิษวัตทำเป็นไม่รู้เรื่อง
Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาก่อน ตุลย์เลยปล่อยมืออีกคนและกดลดเสียงเพลงจากปุ่มบนพวงมาลัยให้
"สวัสดีครับคุณชาญ...ได้สิครับ จริงๆแล้วคุณชาญไม่ต้องโทรมาเองก็ได้ ...ครับไม่มีปัญหาครับ ครับ สวัสดีครับ"
เธียร์รับและคุยเพียงแค่ครู่เดียวก็วางไป ก่อนจะหันมาเห็นว่าตุลาของเขาเงียบไปอีกหน
"เป็นอะไร?"
"ยอมรับก็ได้.."
"หืม?"
"หวง หวงมากด้วย! แต่เพราะเป็นงานหรอกนะ" เธียร์ได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะร่วน
"ลุงเอ๊ย!" เธียร์หยิกแก้มคนขับเบาๆ
บรรยากาศบนรถอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น คลอกับเสียงเพลงโปรดของคนทั้งคู่ เสียงเพลงของนักร้องผมยาวผู้ล่วงลับ ที่เขาสองคนเคยได้ไปฟังมาด้วยกัน
________________
"เธอ เราไม่พร้อม.." ทฤนห์เอ่ยกับคนข้างกาย เมื่อตอนนี้เขายืนอยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
"ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ดูสิ..ใครอยู่ข้างๆเธอ" ตุลย์กุมมืออีกคนไว้แน่น
"มันจะไม่มีอะไรทั้งนั้น ต่อไปนี้เผชิญความจริงไปด้วยกัน จะเจ็บปวดแค่ไหน หรือจะต้องก้าวผ่านอะไรก็ตาม เธียร์มีตุลย์เสมอนะ" เธียร์พยักหน้ารับ กระชับมือหนาไว้แน่น ก่อนที่ใบหน้าสองคนจะเอื้อมหากัน
"อะแฮ่มๆ นี่มันที่สาธารณะ" ธีร์ที่เดินตามหลังมาขัดจังหวะสองคนเอาไว้จนต้องถอยตัวออกห่างกัน
"เจริญแล้วน้องกู รู้นะครับว่ารักกันมาก แต่ห่างกันบ้างก็ได้ บ้านช่องก็กลับไม่เป็นแล้ว นี่ยังจะ..โอ๊ยย ไม่จะอยากจะพูด"
"ก็ไม่ต้องพูดเลย ไปได้แล้ว เดินนำไปเลย" เธียร์ออกปากไล่
"ใช่ซี้ ไอ้ธีร์พี่ชายที่แสนดีมันเก่าแล้วนี่ เดี๋ยวนี้เขามีคนใหม่แล้ว"
"บ่นอะไร ตามมา.." เธียร์หันออกมากวักมือเรียก
ห้องอาหารถูกจัดโต๊ะไว้สองโต๊ะสำหรับครอบครัว โต๊ะหนึ่งมี ธรรมและภรรยา ลูกชายคนเดียวคือ ธาร นั่งข้างๆ และแมนมาร่วมด้วย ตรงข้ามมีเธียร์ ตุลย์ ธีร์ ส่วนอีกโต๊ะเป็นเด็กเล็กสำหรับลูกสะไภ้และหลานๆของธารและแมน
"ผมไม่อยากจะเชื่อ.." แมนเอ่ย ตายังคงมองเธียร์ไม่วาง
"ต้องเชื่อแล้ว ถ้าพี่จำได้ วันนั้นเราสองคนก็คุยกับคนๆนี้.." ธารว่า
"มันไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่มันก็ไม่อยากจะเชื่อ" แมนว่า
"ผมด่ามันแทบตายหลังจากวันนั้น ว่าคำที่มันพูดเป็นสิ่งที่แย่มากๆ และผมก็ไม่เจอคุณอีกเลย ถามไอ้บอลมันก็ไม่รู้" แมนพูดถึงวันวาน
"พวกเรายังพูดเรื่องนี้กันเสมอ และระวังเรื่องการสอนลูกมากๆ ที่มันจำหน้าคนๆนั้นได้แม่นก็คงเพราะมันฝังใจกับคำพูดอย่างนั้นด้วยล่ะ พี่แมนทั้งด่าทั้งสอนเป็นเดือนๆเลย" ธารเสริม
"ก็ได้ไอ้บอลมันฝากมาเตือนแกนี่ ยิ่งมันไม่เจอพี่คนนั้นของมันก็ทำเอามันรู้สึกผิด ทางนี้ก็รู้สึกผิดไปด้วยยิ่งกว่า" แมนบอก
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนั้นพวกคุณยังเด็ก คงยังไม่ทันคิด... ไม่ถือสาอะไรอีกแล้ว อีกอย่างต้องขอบคุณคุณบอลวันนั้น เขาทำให้ผมผ่านความจริงนั้นมาได้" เธียร์ก้มหน้า ตุลย์บีบมือไว้แน่น
"แต่ดูคุณสิ คุณยังเหมือนเดิมแล้วยังเป็นน้องเจ้าธารมันอีก ไปหาไอ้บอลมันสิ... มันต้องหัวโกร๋นแน่" แมนเอ่ยขำขัน เธียร์ได้แต่ยกยิ้ม คนอื่นก็ฟังอย่างสนใจ
"ขอถามอะไรตรงๆได้มั้ย" ธารว่า
"ครับ?"
"แล้วทำไมถึงเกลียดพ่อนัก ขอโทษนะที่ต้องพูดแบบนี้.."
"เอ่อ ผมว่า..." ธีร์พยายามเบี่ยงประเด็น
"แม่เธอสอนให้เกลียดพ่อหรือเปล่า ขอโทษนะที่ต้องถามตามตรง แต่ทางนี้ให้เขาส่งเสียรับผิดชอบตลอด ให้ไปมาหาสู่ได้..ฉันแค่สงสัย" ภรรยาของพ่อเขาเอ่ยถาม
"นี่คุณ!" พ่อเขาทำท่าจะปราม
"ไม่เลยครับ บ้านผมไม่เคยสอนให้เกลียดพ่อ แม่มีแต่จะไม่พูดถึง แต่ก็ไม่เคยสอนเราแบบนั้น ติดไปทางจะดุมากกว่าถ้าใครพูดถึงพ่อไม่ดี แม่ให้เหตุผลแค่ว่าพ่อมีอีกครอบครัวทำให้มาอยู่กับเราไม่ได้" ธีร์พูดด้วยฉุนเล็กๆ
"แล้วทำไมน้องเธอถึงตั้งแง่นัก?" ภรรยาคุณพ่อเขาถาม
"เพราะผมเห็นแม่ร้องไห้... ทุกครั้งที่พูดถึงพ่อแม่จะแอบไปร้องไห้ เราชอบแอบไปฟังแม่คุยกับป้า เธอพูดถึงเรื่องไม่ดีของพ่อ แม่จะยิ่งร้อง มันไม่ยากหรอกครับจะทำให้เด็กคนนึงฝังใจ" เธียร์อธิบายสบตาทั้งพ่อและภรรยาของเขา จนตุลย์ต้องบีบมือให้กำลังใจ
"แต่แม่เธอก็ไม่ผิดหรอก เพราะไม่รู้... แต่คนที่รู้แล้วทำผิดนี่สิ.." เธอมองสามีด้วยสายตาตำหนิ
"แต่พ่อก็รับผิดชอบและทำมันดีที่สุดนะแม่" ธารปรามมารดาตน
"ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่านะครับ" แมนช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น
"อืม เห็นคุณไปร่วมขบวนเรียกร้อง แถมยังชวนให้คนออกมาสนับสนุนเรื่องสมรสเท่าเทียม" ธรรมพ่อของเธียร์ถามตุลย์
"ครับ ผมเรียกร้องเรื่องนี้มานาน ผมถูกห้ามไม่ให้แสดงออกมากเกินไป ตอนนี้ไม่มีพันธะแล้วเลยอยากจะทำเต็มที่"
"ไม่กลัวจะเสียภาพพจน์หรอคะ?" ภรรยาคุณพ่อเอ่ย แต่ตุลย์กลับตอกด้วยความหนักแน่น
"ผมทำเพื่อความเท่าเทียมของมนุษย์ และไม่เถียงว่าผมทำเพื่อตัวเอง..." ทุกคนนิ่งเงียบ
"ยังไงล่ะ?" บิดาของคนที่เขากุมมือถาม
"ผมจริงจังกับเธียร์ และผมมองไปไกลมากกว่าอนาคต ผมไม่ได้ขออนุญาตนะครับ ผมเพียงอยากบอกให้พ่อของคนที่ผมรักได้รับรู้ ผมจะผลักดันเรื่องนี้เพื่อชีวิตคู่ของเราสองคน ผมจะดูแลเขา" ตุลย์ในตอนนี้ทั้งหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่
"ผมจะไปห้ามอะไรได้ล่ะ ผมไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น คงต้องถามทางโน้นเขาละ.." เขากล่าวยกไปทางธีร์ที่นิ่งเงียบไป
"เขาดูแลน้องได้ เผลอๆจะดีกว่าผมเสียอีก" ธีร์เหมือนจะมีน้ำตาคลอหน่อยๆ
"อ้าวๆ กลายเป็นงานเสียน้ำตาซะแล้ว เดี๋ยวก็พลอยร้องไปด้วยคน" ภรรยาของพ่อเธอบอก
ก่อนที่เสียงหัวเราะจะกลับมา เมื่อได้ลองเปิดใจแล้ว ครอบครัวที่เขาได้ทำความรู้จักใหม่ก็ไม่ได้แย่
ไม่แย่เลยต่างหาก
ถ้าเขาเปิดใจรับเร็วกว่านี้...
ถ้าตอนที่แม่ยังอยู่ทุกอย่างลงตัว...
ชีวิตก็คงจะสุขกว่านี้
ภาพถ่ายครอบครัววันนี้ถูกถ่ายไว้โดยตุลย์ที่อาสาเก็บความทรงจำครั้งนี้ไว้
เธียร์จะยังรักและไม่ลืมแม่เสมอ
และเธียร์กับธีร์จะก้าวเดินต่อไปในชีวิต
แบบไม่เกลียดพ่ออย่างที่แม่เฝ้าสอนเรา...
ให้เขาได้รับผิดชอบเติมเต็มความเป็นพ่อที่เขาไม่ได้มีโอกาสทำ...
•••••••••••⏱•••••••••••
๑๗ กันยายน ๒๕๖๓