ตอนที่แล้วบทที่ ๒๑
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๒๓

บทที่ ๒๒


ทวนเข็มนาฬิกา

โดย ศศิศิลป์

••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

บทที่ ๒๒

ตาคู่สวยกระพริบสู้กับแสงของไฟสีขาวของโรงพยาบาล เกือบ 2 วันเต็มๆที่ทฤนห์นอนไม่ได้สติ เขาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบ

"เธียร์ ... พ่อ เธียร์ฟื้นแล้ว" เสียงคุ้นเคยทำเอาเธียร์ยิ้ม นั่นเป็นเสียงของพี่ชายเขา

"ธีร์.. พ่อ.."

เขาเรียกคนที่ยืนอยู่รอบๆ รู้ทันทีว่ากลับมาจากอดีตแล้ว นี่คือเกือบ 20 ปีที่เขาได้จากมา

20 กว่าปีที่แล้วของเขามันเพิ่งผ่านมาเมื่อหลังจากรถชนนี่เอง ว่าแล้วเขาก็ปวดหัวขึ้นมา เวทิศกดเรียกหมอเข้ามาดูอาการ

"แม่... อึก แม่" เสียงแผ่วเบาและเหมือนคนขาดน้ำ

"หิวน้ำใช่ไหม รอหมอมาก่อนนะ" ธีร์ลูบหัวน้องเบาๆ

"เจ็บไหมลูก..." คนเป็นพ่อเอ่ยถามแผ่วเบา

ก่อนที่หมอจะเข้ามาทำการตรวจร่างกายและพูดคุยสอบถาม

"โดยรวมปกติดีนะครับ ต้องสังเกตอาการหลังจากฟื้นต่อว่าเป็นไปในลักษณะไหน ยังไงอยากให้ญาติๆ ดูแลใกล้ชิดมีอะไรผิดปกติเรียกหมอได้ทันทีเลยนะครับ" แพทย์วัยกลางคนเอ่ยก่อนจะเดินออกไป

ธีร์ป้อนน้ำให้น้องชาย หลังจากได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ต้องระวังอะไร

"โชคดีมากเลยนะที่ฟื้นตัวเร็ว รู้ไหมใจหายแค่ไหน..นอนไปตั้ง 2 วันเลยนะ"

น้องชายยกยิ้มก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าให้พี่ชายเพียงคนเดียวโผกอด

"ทำไมอ้อนจัง หืม?"

"คิดถึง.." เธียร์บอก

"วันนี้วันที่เท่าไหร่?" คนเจ็บถามต่อ

"ฮ่าๆ ลืมวันลืมคืนแล้ว ก็หลังคริสต์มาส 2 วันไง... รถชนสภาพน่ากลัวมากเลยนะ ดีที่คาดเข็มขัด.." ธีร์ว่า

"ปลอดภัยแล้วนะลูก.. พ่อใจหาย กลัวว่าจะเสียลูกไป.." บิดาเอ่ย กลัวก็กลัวว่าลูกจะไล่หรือตอกกลับ

แต่เปล่าเลยท่าทีของลูกชายคนเล็กเปลี่ยนไป

"ทำไมพ่อไม่บอก...ว่าเราเป็นลูกเมียน้อย.."

"ธ เธียร์...ม พูดอะไรวะ?" ธีร์งง ยืนมองน้องชายนิ่ง

"ลูกรู้ได้ยังไง" พ่อเขาหันมองพี่ชาย แต่ธีร์ส่ายหน้าว่าเขาไม่ได้พูด

"ทำไมไม่บอก ..แล้ว... นี่..รู้ด้วยหรอ?" เธียร์ถามพี่ชาย

"เราอย่าเพิ่งคุยกันเรื่องนี้ดีไหม ไว้หายดีก่อ-"

"เธียร์ย้อนเวลาไป.." เธียร์พูดแทรกก่อนพี่ชายเขาจะเอ่ยอะไร

ทำเอาพี่ชายและพ่อมองหน้ากันอีกครั้งอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะเรียกหมอเข้ามาดีไหม

"ไม่ต้องตามใคร ไม่ต้องหาว่าเธียร์บ้าหรอก ถ้าพ่อไม่เชื่อ.."

"..."

"เธียร์รู้เพราะพ่อเอาฟิล์มไปล้างที่ร้าน 20 ปีก่อน เธียร์ทำงานที่นั่น ในนั้นมีฟิล์มรูปที่พ่อถ่ายของทั้ง 2 ครอบครัว เธียร์ไปยืนด่าพ่อหน้าบ้านว่าพ่อฆ่าแม่ พ่อจะแจ้งตำรวจ ไม่รู้ว่าพ่อจำได้ไหม?" เขาเล่าทั้งหัวเราะเบาๆ แต่ตอนนี้บิดาช็อกตาตั้ง

"น นี่..." คนพ่อคิดทบทวน เรื่องราวผ่านมานาน แต่เขาจำได้พอเลือนราง และเรื่องรูปนั่นก็จริง

แกรก

เสียงประตูเปิดเข้ามา เป็นธารที่เข้ามา

"ฟื้นแล้วหรอ ผมเอาของมาเยี่ยม.." ธารเดินเข้ามาพร้อมเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

"คนนี้ใช่มั้ย ธาร พี่ชายต่างแม่ของผม ลูกเมียหลวง.." เธียร์เดา ยิ่งทำเอาทุกคนตกใจ

"จำเราได้ไหม? ..." ทฤนห์เอ่ยถามพี่ชายอีกคน

"นี่เขารู้แล้วหรอ?" ธารกลับถามคนในห้อง แต่ไม่มีใครให้คำตอบ

"ถ้าทุกคนไม่เชื่อว่าเพราะรถชนมันทำให้ผมย้อนไป 20 ปีที่แล้วมา ..."

"...." ธารเลิกคิ้ว แต่พ่อเขาทำท่าให้ตั้งใจฟังเสียก่อน

"ตอนผมย้อนไปเพื่อนของบอลชื่อแมน เป็นญาติฝ่ายแม่ของคนๆนี้ พาผมไปหาเด็กประถมคนหนึ่ง เด็กคนนั้นเล่าเรื่องลูกเมียน้อยว่าชื่อเหมือนผมเลย และใช่...คนที่เขาเจอก็คือลูกเมียน้อยที่ย้อนเวลาไปนั่งคุยกับเขานั่นแหละ" เธียร์บอกด้วยใบหน้านิ่ง

ธารรีบให้ลูกสาวไปนั่งที่อื่นก่อน พ่อเขาและธีร์หันไปถามธารว่าที่พูดนั้นจริงหรือไม่ และได้คำตอบคือการพยักหน้า

"เกือบปีที่ผมย้อนไปอยู่ในยุคนั่น ผมได้รู้หลายเรื่องเลยนะ ได้เจอแม่ด้วย... แม่ตอนที่ยังสวย ตอนที่บ้านเรายังอบอุ่น...เสียดายเป็นปีเดียวกับที่ครอบครัวเราพังไม่เป็นท่า... แต่ถ้าผมรู้ผมอาจจะไม่เปลี่ยนชื่อเป็นทฤนห์เพราะเกลียดพ่อก็ได้ มันเจ็บปวดเกินกว่าจะเกลียดใครลง" เธียร์เริ่มเล่าเหมือนคนเพ้อฝัน

"แต่ผมยืนยันว่าทั้งหมดนี่จริง... ไม่รู้ทำไมมันถึงพาผมกลับมาใน 2 วัน หลังจากผมรถชน ทั้งที่ผมไปอยู่ที่นั่นมาเกือบปี แต่ไม่สำคัญหรอก..."

ธีร์ลูบหัวน้องชายป้อยๆ ไม่รู้จะพูดอะไร และมันเหลือเชื่อ เขาเพียงคิดแค่ว่าน้องชายอาจจะยังตกใจ แต่พ่อและธารกลับเชื่อไปแล้วเกินครึ่ง เพราะทั้งหมดพวกเขาพบมากับตัว

"ธีร์เป็นพี่ที่ดีเสมอเลยนะ ดีมากมาตลอด..."

"อืม มีน้องคนเดียวนี่นะ" ธีร์ดึงเอาเก้าอี้มานั่งชิดเตียง ลูบมือน้องชายป้อยๆ

"แล้วคนที่รถชนล่ะ อีกฝ่ายเป็นใคร?"

ธีร์มองหน้ากับพ่อและพี่ชาย

"ตุลย์...ตุลย์ อิษวัต"

คำที่พ่อเอ่ยทำเอาเธียร์ตาเบิกโพลง น้ำตาไหลพราก

รถเข็นคนป่วยถูกพามายังหน้าห้องอีกห้อง เป็นผู้ป่วยพิเศษเดี่ยวที่ยังต้องดูแลใกล้ชิด

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ธีร์เคาะเพื่อบอกความต้องการ คนที่มาเปิดเป็นเต้

"เธียร์..." เขาเรียกชื่อ ก่อนที่จะเปิดประตูให้ธีร์เข็นเข้าไปพร้อมคนบนรถที่สะอื้นไห้

ตาของคนในชุดผู้ป่วยจ้องไปจุดเดียวคือร่างบนเตียงนั่น ..

"ตุลย์ ฮึก ก ตุลย์..." เธียร์เรียกก่อนจะสะอื้นจนตัวโยน

"หายไปไหนมา..." เต้ถาม

"มันรอมาตลอดเลยนะ ...รอมาตั้ง 20 ปี" โตเสริมอีกคน ทำเอาธีร์ตาโต ที่คนนอกกลับพูดเรื่องราวปะติดปะต่อนี่ได้กับน้องชายเขาได้

"ผ ผม...เพิ่งกลับมา 20ปีของผม มันเพิ่งผ่านมา ฮึก เมื่อวันก่อนนี้เอง...ข เขาเป็นยังไงบ้าง.." เธียร์บอกทั้งร้องไห้

"ไม่อยากจะเชื่อเลย.. แม่ยังไม่อยากจะเชื่อ" มารดาของตุลย์เดินเข้ามาหาเขา ประคองใบหน้าเปื้อนน้ำตา

"หนูคือเด็กคนนั้นเมื่อ 20 ปีก่อนหรอกหรอ ที่หนูเคยเล่าเป็นเรื่องจริงหรอนี่... เด็กที่ตุลย์รักนักหนา คนที่หายไปใต้ศาลนั่นหรอ?" เธอร้องไห้ด้วยอีกคน เธียร์พยักหน้าทั้งน้ำตา

"ฟื้นสิมึง...ไอ้ตุลย์ เขามาหามึงแล้วนี่ไงวะ" เต้พูดกับน้องชายที่มีสายระโยงระยาง

"นี่ทุกคนจะบอกผมว่า เคยพบกับน้องชายผมเมื่อ 20 ปีก่อนหรอครับ? " ธีร์ยังไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้พ่อเขาก็ตกใจด้วยอีกคน พวกเขายืนคุยกันที่หน้าห้องคนป่วย

"ผมยังเคยพาเขาไปหาคุณที่หน้าบ้าน โดนคุณไล่ออกมาแถมยังจะแจ้งตำรวจ ผมคิดว่าเขาบ้าที่ไปยืนด่าคุณ จนได้มาเจอเขาและเป็นเขาที่เคยพบจริงๆและคุณที่เป็นพ่อเขาจริงๆ" เต้เล่าเรื่องราว มองไปยังคนในห้องผ่านกระจกของประตู

เธียร์นั่งกุมมือตุลย์ไม่ไปไหน มีต๋อยคอยปลอบอยู่ข้างๆ

"ไม่อยากจะเชื่อ.." ธีร์ส่ายหน้า

"เชื่อเถอะ... คุณเชื่อได้ เรามีหลักฐานด้วยซ้ำ น้องชายผมรอเขามาตลอด" โตว่า

ก่อนที่ไม่นานบ่วงและอ๋องจะเดินเข้ามาพร้อมด้วยถุงใบหนึ่ง

"นี่ครับ พี่ให้ผมเอาของพวกนี้มาทำไม" บ่วงถามยื่นถุงให้โต

เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่เจ้าตัวกลับชวนทุกคนเดินเข้าไปในห้องพัก หยิบกล่องออกมาจากถุง ด้านในเก็บภาพมากมายหลายใบไว้ และสมุดบันทึก

"ตุลย์เก็บมันไว้ตลอดเลยนะ ทั้งภาพถ่ายและบันทึก มันอาจจะเก่าไปหน่อย ขาดไปบ้าง แต่มันเก็บไว้อย่างดีที่สุดแล้ว..." โตบอก ทำเอาเธียร์ยิ่งน้ำตาไหล

บ่วงและอ๋องยืนช็อคกว่าใครเพื่อน

"จะบอกว่าคนที่โดนต้นไม้ทับหายไปต่อหน้าผมวันนั้น คือคนที่นั่งอยู่ตรงนี้หรอพี่" อ๋องชี้เธียร์

"เชี่ย นี่คือการย้อนเวลาหรอวะ" บ่วงเอ่ยขนลุกเกรียว

"ฮึก ก นานมากเลยใช่มั้ยตุลย์... ร เราเพิ่งกลับมานะ ขอโทษที่มาหาช้าขนาดนี้" เธียร์ลูบมือคนป่วยแผ่วเบา

"คือยังไงนะ หลังจากรถชนเมื่อวานซืนนี้เธียร์ย้อนกลับไปหาเราเมื่อ 20 ปีที่แล้ว อยู่ที่นั่นทั้งปี... แต่ตัวเขายังอยู่ที่นี่ตลอดนี่ แล้วก็ฟื้นขึ้นมาแบบเพิ่งกลับมาจากอดีตเนี่ยนะ..." ธีร์งง

"ผมไม่รู้ว่านี่ช่วยหรือเปล่า ภาพวงจรปิดตอนชนบันทึกไว้ได้.." เต้วางไอแพดลงบนโต๊ะ เป็นภาพตอนเกิดอุบัติเหตุบริเวณนั้นแบบสโลว์ เผยให้เห็นว่าเธียร์หายไปจากจุดเกิดเหตุครู่นึงหลังจากชนจริงๆ แต่ไม่มีใครทันสังเกต

บ่วงและอ๋อง และธีร์ย้อนดูเป็นร้อยหน

ส่วนคนอื่นๆประจักษ์รับรู้หมดแล้ว ว่าทั้งหมดเชื่อมโยงกัน

"เชี่ย 1 นาทีกับ 1 ปี แปลว่าเขาเพิ่งกลับมาหรอ... แล้วไอ้ตุลย์ใช้เวลารอตั้ง 20ปี..." อ๋องว่า

เธียร์ได้ยินก็ร้องไห้อีกรอบไม่ยอมปล่อยมือตุลย์ไปไหน

.

.

.

คนที่เพิ่งฟื้นต้องกลับมายังห้องพักฟื้นของตนเอง

ธีร์ยังคงดูรูปน้องชายจากภาพฟิล์มเมื่ออดีตไม่หยุดหย่อน เขาดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่อยากจะเชื่อ

ส่วนพ่อของเขานั่งอ่านบันทึกของเธียร์ทั้งน้ำตา

เจ้าของสิ่งของพวกนั้นนั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง

"เขาต้องทรมานแค่ไหนที่รอผม... ผมเพิ่งกลับมาผมยังคิดถึงเขา ฮึก ยังเห็นเขานอนเจ็บปวดไม่ไหว ฮึก เลย" เธียร์ร้องไห้อีกครั้ง

ทำเอาธีร์วางทุกอย่างเดินเข้าไปหาน้อง เขานั่งบนเตียงกอดน้องชายไว้

"ไม่เอานาเธียร์ไม่เอา.... ต้องดีใจสิ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ไปใช้ชีวิตที่นั่นนะ น่าอิจฉาชิบหาย" ธีร์พยายามสร้างบรรยากาศดี แต่น้องชายหลับเอาแต่ส่ายหัว

"ฮึก แต่เมื่อวันก่อนยังมีแม่อยู่เลยนะ เธียร์ไปเฝ้าแม่เกือบทุกวัน ทิ้งจดหมายไว้ให้เขาด้วยซ้ำก่อนมา... สมุดที่พ่ออ่าน เมื่อวันก่อนมันยังใหม่เอี่ยม ฮึก ตอนนี้ อึก มันผ่านมาตั้ง 20 ปีเลยนะ"

.....

บอกตรงๆว่ายอมรับไม่ได้

เมื่อได้เห็นของต่างๆที่วันก่อนมันยังใหม่เอี่ยมอยู่ในสภาพที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลายิ่งรับไม่ได้ เหมือนจิตใจกำลังตั้งรับ

เธียร์เอื้อมไปหยิบเครื่องบันทึกอันเก่าที่คุ้นเคยกดมันฟัง

'ตุลย์... ฮัลโหลๆ ได้ยินปล่าว คิดถึงเธอจัง  ...รักด้วย'

เสียงที่เขาบันทึกไว้เอง เธียร์ยิ้มขำออกมา

"มันใช้เสียงนี้ฟังมาตลอดเลยนะเวลาคิดถึง ไม่ยอมให้พัง ซ่อมแล้วซ่อมอีก" นั่นคือคำที่เต้บอกเขาตอนเต้ยื่นเจ้าเครื่องนี้ให้

'เอาแล้วนะ 1-2-3 เธียร์... คิดถึงเธอจัง คริสต์มาสอีกแล้วนะ มีเพลงมาร้องให้ฟังด้วย..ชื่อเพลงรอวันจะได้พบ... แต่งให้เธอคนเดียว...'

เสียงของตุลาที่พูดต่อในเทปก่อนจะร้องเพลง ด้วยเพราะระบบการบันทึกเก่าๆ มันมีเสียงแทรกเล็กน้อย แต่ทำเอาคนฟังแทบขาดใจ

เธียร์กดเล่นมันซ้ำไปซ้ำมา

"เรื่องทั้งหมดนี่มันพิสูจน์ไม่ได้ หมอได้อ่านและดูทั้งหมดแล้ว บอกได้แค่ว่าสภาพจิตใจเขากำลังช็อค ถ้าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริง เขากำลังรับไม่ได้กับความเปลี่ยนไปกระทันหันของเวลา หรือเรื่องสะเทือนใจ ..." จิตแพทย์กล่าวกับธีร์และบิดา

"ผมไม่ได้หวังให้คุณหมอเชื่อ แต่พวกเราทุกคนพร้อมเชื่อเขา ตอนนี้น้องผมเหม่อลอย เอาแต่ดูสิ่งของพวกนั้นซ้ำไปซ้ำมา" ธีร์ว่ามองไปยังตนบนเตียงที่ทั้งกดเล่นเสียงนั่นจนเขาท่องได้ และอ่านบันทึกซ้ำไปซ้ำมา

"ยังไงเราต้องเยียวยากันต่อ เรื่องของจิตใจสั่งกันให้ทำอย่างต้องการไม่ได้หรอกครับ" จิตแพทย์ว่าด้วยความหนักใจ จนพ่อของคนป่วยต้องขอบคุณและปล่อยตัวไป

(ภาพกรวดน้ำทำบุญที่ศาล)

tl.issawat : คิดถึงเธอจัง วันนี้มาทำบุญที่นี่อีกแล้วนะ

tl.issawat : คริสต์มาสทีไรก็คิดถึงทุกที เมื่อไหร่จะได้เจอ. #YourOctober

tl.issawat : วันเกิดปีที่ 26 ...อายุเท่ากันแล้วนะ #อยู่ไหนทำไมยังไม่มาอวยพร

tl.issawat : ภาพเมื่อตอนวันเกิดปีที่ 26 ...ตอนอายุเท่ากัน #ปีนี้อยู่ไหนทำไมยังไม่มาอวยพร

tl.issawat : วันเกิดปีที่ 35 ... ยังอยากจะ 25 อยู่เลย แก่แล้วจะยังรักไหม?

#ตุลย์เพ้อถึงใคร

#อิษวัตพ่อแห่งความเสรีทางเพศ

แฮชแท็กต่างๆ เธียร์ไล่ย้อนดูมันทั้งหมด

มือเรียวเลื่อนดูหน้าฟีดของโซเชียลคนที่ยังไม่ตื่น อีกคนพร่ำหาเขามาตลอด แคปชั่นพวกนี้ถ้าไม่รู้ก็คงคิดว่าเขาพูดไปตามประสา ส่วนเขาใช้ชีวิตแบบไม่รู้อะไรเลย

ทุกบทสัมภาษณ์ ทุกคอนเสิร์ต และหลายๆเพลงของปีนเกลียวมีเขาเป็นแรงบันดาลใจเสมอ อีกคนมักจะแฝงคำพูดอะไรบางอย่างที่สื่อถึงเขา

ยิ่งทำให้เธียร์ร้องไห้

"พอแล้วลูก พอแล้วนะ ตุลย์เขาตื่นมาเขาก็ไม่ชอบใจหรอกที่เราเป็นอย่างนี้" แม่ของตุลย์ค่อยๆ กอดปลอบและดึงมือถือออกจากอีกคน

"เธียร์ขอโทษนะ ขอโทษนะคนดี ขอโทษ..." เธียร์ก้มหน้าลงเอามือซุกกับคนที่นอนหลับอยู่

"ไม่ใช่ความผิดใครนะลูก ไม่เอาไม่ร้องแล้ว" ต๋อยกอดปลอบ

เกือบอาทิตย์แล้วที่ตุลย์ไม่ฟื้น

ตัวเขาเองปลอดภัยจนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่มาเฝ้ารออีกคนทุกวัน วันนี้เขาเลือกที่จะขอให้เต้พามายังที่ๆหนึ่งเป็นเพื่อนเขา

"ตลกว่ะ มายืนด้วยกันอีกครั้ง กูนี่แก่หงำเหงือกเลย อีกคนยังเหมือนเดิมเป๊ะ" เต้พึมพำมองตัวเองสลับกับคนข้างๆ

สองคนยืนอยู่หน้าร้านขนาดสองห้อง เป็นกระจก ชื่อร้านมีป้ายโตๆที่ถูกเปบี่ยนจาก พรชัย เป็นคำว่า "ตำนาน" ทำเอาเธียร์ยกยิ้ม เป็นคำที่เขาเคยบอกชัยไว้เอง

"สักวันเดี๋ยวก็แก่ตามไป พี่ก็ยังเป็นคนเฟี้ยวผมทรงรากไทรของผมอยู่นะ" เธียร์แซวกลับ

ก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าไปในร้านที่แอร์เย็นเฉียบด้านใน

ชัยในวัย 50 ปีค่อยๆลดแว่นลงมา

"มึง.." คนสูงวัยพึมพำเรียกเขา

"พี่...ผมกลับมาแล้ว" เธียร์บอกก่อนจะยกมือไหว้และเดินเข้าไปหา

คนในร้านงงกันเป็นแถบ แม้แต่ภรรยาและลูกชายที่โตเป็นหนุ่มแล้วของเขา

"มึงกลับมาจริงๆ มึงมาจริงๆ..." เขาเอ่ยอย่างดีใจ สุ้มเสียงที่เริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่พี่ชัยก็ยังเป็นพี่ชัยของเขา อีกคนวางกล้องในมือก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอด

"มึงกลับมาจริงๆ กูรอตั้งนาน... กูหามึงแทบตายรู้ไหม?" ชัยเอ่ยน้ำตารื้น

ก่อนจะผลักออก เดินไปเปิดตู้กระจกที่ใส่ภาพไว้มากมาย หยิบรูปที่ติดอยู่ที่ผนัง ออกมายื่นเทียบกับใบหน้าปัจจุบัน

"เหมือนเมื่อวานนี้เอง เหมือนเมื่อวานที่มึงมาบอกกูว่าจะไปจัดการทุกอย่างให้ตุลย์มันฟื้นแล้วมึงก็ไม่กลับมาอีก.." ชัยว่า

ภาพในมือเขาสั่นริกๆ

"ไม่ใช่แค่เหมือน สำหรับผมมันเพิ่งผ่านมา ผมเพิ่งกลับมาจากที่นั่น เมื่อวานพี่ยังเป็นหนุ่มหล่ออยู่เลย ไม่กี่วันพี่เปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว.." ดวงตาของเขาสั่นไหว

รับไม่ได้ที่คนรอบตัวแก่ไปหมดแล้ว

เต้ทนฟังไม่ได้เลยเลือกจะเดินออกไป

"มันก็ต้องแก่ไปตามกาลเวลา ลูกกูโตแล้วนะ นี่ก็เจ๊หมวยข้างร้านของมึง" เธอมองมาทั้งงง ทั้งไม่อยากจะเชื่อ...

เจ๊หมวยคนนั้นวันนี้ก็อายุมากแล้ว

"ผม... มันไม่ยุติธรรมเลยใช่มั้ยพี่ ที่ผมไม่ได้ผ่าน 20 ปีนั้นมาด้วยกัน" เธียร์มือสั่น หยิบภาพในวันวานมาดู สำหรับเขามันไม่นานมานี้เองจริงๆ

จิตใจที่ยังรับมันไม่ได้ เจ็บปวดเหลือเกิน

"วันนี้ผมก็ยังอยากจะทำทุกอย่างให้เขาฟื้น... เหมือน 20 ปีก่อนที่ผมจากมาเลยพี่ ผมกลับมาที่นี่แล้วตุลย์ก็ยังนอนหลับอยู่อีก.."

"เดี๋ยวมันก็ตื่น แล้วตื่นมาครั้งนี้มันจะดีใจชิบหายเลยล่ะที่เจอมึง รู้มั้ยครั้งก่อนกูตามหามึง หาทุกซากกิ่งไม้ยังไม่เจอ ไอ้ตุลย์มันซึมไปเป็นปี มันคิดถึงมึงมา 2 ทศวรรตเลยนะ" ชัยบอก

"แล้วพี่อ้วนล่ะพี่ แกไปอยู่ที่ไหนแล้ว.."

"มันไปหามึงอย่างที่มันเข้าใจ.."

"..." เธียร์ทำหน้างง

"มันโดนรถชนตายเกือบสิบปีแล้ว เสียดายที่ไม่ได้อยู่เจอมึงด้วยกัน" ชัยเอ่ยเศร้า

เธียร์น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ

"มันคิดว่ามึงตายแล้ว ความตายสำหรับมันก็คิดว่าคงไปอยู่เป็นเพื่อนมึง แต่ให้ได้คิดอย่างนั้นก็คงสบายใจมันล่ะ" ชัยว่า

ก่อนมือเหี่ยวๆนั้นจะหยิบภาพที่อ้วนถ่ายคู่เธียร์ออกมา

"ชีวิตมันเสเพลไปหน่อยช่วงหลัง เป็นไปตามเวรตามกรรมแหละนะ ...ส่วนกูตอนนี้ก็ครบวงจรแล้ว ชีวิตแก่ๆก็สุขดี ก็เปิดร้านฟิล์มต่อไป กูบอกแล้วฟิล์มไม่มีวันตาย... และเป็นตำนานอย่างที่มึงว่า" ชัยบอกมองอย่างภูมิใจ

เธียร์ก็พลอยยิ้มไปด้วย

ก่อนที่เต้วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น

"รีบไปกัน ตุลย์ฟื้นแล้ว..."

ตุลย์ หรืออิษวัตในเวลานี้ นั่งพิงกับเตียงที่ถูกปรับให้สบายตัวคุยกับแพทย์อยู่ เธียร์ก้าวเท้าเข้าไปหาค่อยๆด้วยใจที่เต้นไม่หยุด

แพทย์พยายาลเดินสวนออกมา ทำให้คนบนเตียงมองมาทางเขาพอดี อีกคนตาโตขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง

"เธียร์..." เสียงเรียกแผ่วเบา

"...." เจ้าของชื่อเดินเข้าไปหาก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างเตียงนั่น

"จำได้หรือยัง จำเราได้หรือยัง..."

คำถามถูกตอบด้วยการสวมกอดอย่างเต็มแรง เป็นกอดที่เต็มไปด้วยน้ำตา

ไม่ใช่แค่เขาสองคน พี่ชายและแม่ก็ต่างก็ซึ้งใจกับการรอคอยของตุลย์ที่สิ้นสุดลง

"กลับมาแล้วหรอ กลับมาแล้วใช่ไหม?" อีกคนพร่ำถามเขาแผ่วเบา

"กลับมาแล้ว เรากลับมาหาเธอแล้ว ฮึก ก ขอโทษ รอนานเลยใช่มั้ย ขอ อึก ก โทษนะ" เธียร์ตอบไม่ยอมปล่อยจากอ้อมกอดอุ่น

"ไม่เป็นไร ชู่ววว อย่าร้องไห้นะ แล้วก็อย่าไปไหนอีก..." ตุลย์บอกเขาทั้งปลอบทั้งเช็ดน้ำตา

เธียร์ประคองใบหน้าไว้ มองความเปลี่ยนแปลงไป ทั้งมือ ทั้งแววตา

นิ้วโป้งส่งไปเกลี่ยน้ำตาของตุลย์ออกเช่นกัน

"แก่ไปมากเลยใช่มั้ย มันตั้ง 20ปีแน่ะ ไม่ใช่ตุลาคนเดิมของเธอใช่ไหม... จะยังรักหรือเปล่า?"

คำถามทำเอาเธียร์สะอื้นอีกครั้ง

"ไม่พูด...อ อย่าพูด คนเดิม เป็นตุลาคนเดิมของเรา เธอยังเป็นคนเดิม... ถ้าเธอยังเหมือนเดิม เราก็จะรักเธอเหมือนเดิม.." เธียร์บอกเสียงสั่น

"ไม่เปลี่ยนเธียร์ ...20 ปีผ่านไปไม่เคยเปลี่ยน"

แล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันอีกครั้ง

คนหนึ่งโหยหา...

คนหนึ่งใจหาย...

สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ

ไม่ว่าจะเป็นตุลาหรืออิษวัต

ไม่ว่าจะเป็นเด็กชายวีราทรหรือนายทฤนห์

ความรักก็ไม่เคยเปลี่ยนไป...

•••••••••••⏱•••••••••••

๑๖ กันยายน ๒๕๖๓

ยังไม่จบนะคะทุกคน

กว่าจะรักกันไม่ใช่ง่ายๆ

เราจะไม่ทิ้งทุกคนไว้กับความซาบซึ้งยินดีเพียงเท่านี้แน่นอน

ตอนที่แล้วบทที่ ๒๑
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ ๒๓
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด