ตอนที่ 3 : ดวงดาวทั้งห้าที่ส่องแสงบนนภา
เหล่าลูกศิษย์มากมายต่างคาดเดาช่างเป็นหลักการที่น่าขัน ริ้วรอยเริ่มเผยขึ้นบนใบหน้าของจื่อฉางเหออีกครั้ง เขาได้ตวาดออกมา “พวกเจ้า หุบปากเดี๋ยวนี้! ถ้าหากพวกเจ้าไม่ยืนดูอยู่เฉย ๆ ก็กลับไปฝึกซะ”
สิ้นเสียงตะโกน ภายในลานก็ได้เข้าสู่ความเงียบงัน หรือมีผู้ใดบ้างที่ไม่หวาดกลัวจื่อฉางเหอที่อารมณ์ร้าย
เวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีเสียงร้องราวกับหมูแหวกอากาศออกมา “โอ้ย มือของข้าเจ็บชะมัด”
เมื่อหันกลับไปมอง มีใครบางคนเห็นเซี่ยงเส้าหยุนโบกมือไปมาขณะที่เดินไปมารอบ ๆ ช่างเป็นภาพที่น่าขบขัน เมื่อเห็นเช่นนั้น เหล่าลูกศิษย์ต้องกลั้นหัวเราะไว้ เพราะไม่อาจจะหัวเราะต่อหน้าจื่อฉางเหอได้
“เหอะ ถ้าหากทนเจ็บแค่นี้ไม่ได้... ก็คงเป็นแค่เศษขยะจริง ๆ” หมาป่าของจื่อฉางเหอพูดดูถูก
“เขาอายุเท่านี้แล้ว แต่เขายังคงอยู่เพียงแค่ระดับพื้นฐานขั้นสามเท่านั้น เขาคงเป็นได้แค่ขยะ”
จื่อฉางเหอตอบกลับคำของจ้าวหมาป่า “ข้าจะเปิดการใช้งานศิลาแห่งการประเมินค่าเพื่อดูว่าเจ้ามีความสามารถเพียงใด ยืนอยู่ตรงหน้าศิลาและทำจิตใจให้ว่างเปล่าซะ”
รับฟังประโยคในขณะที่มือยังสั่นเทา เซี่ยงเส้าหยุนเดินไปรอบ ๆ แล้วป่าวประกาศอย่างภาคภูมิใจ “ผลการประเมินของข้าจะต้องทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างแน่นอน!” จื่อฉางเหอใช้มือทั้งสองสร้างตราประทับ หลังจากนั้นตราประทับก็ได้กลายเป็นลำแสงสีม่วงส่องสว่างรอบ ๆ ตัวของเขา ลำแสงสีม่วงรวมตัวกันเป็นสายฟ้าปะทุที่เต็มไปด้วยพลัง
“จงตื่นขึ้น!” จื่อฉางเหอตะโกนพร้อมส่งพลังไปยังศิลาแห่งการประเมินค่า
เมื่อได้รับการกระตุ้นพลัง ศิลาแห่งการประเมินค่าก็ส่องแสงเปล่งประกายขึ้นราวกับอัญมณีล้ำค่า
เมื่อผ่านไปชั่วขณะหนึ่งคลื่นพลังก็ได้ทะลุผ่านเข้าไปยังตัวเซี่ยงเส้าหยุน ส่งผลให้ตัวเขารู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่ถึงอย่างนั้นศิลาแห่งการประเมินค่าก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีกและนั่นก็ทำให้จื่อฉางเหอรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
“ศิลาแห่งการประเมินค่าไม่เคยมีปฏิกิริยาน้อยเช่นนี้มาก่อน เขาคงเป็นขยะจริง ๆ”
“ข้าไม่เข้าใจ เขาช่างมีความสามารถที่น่าสมเพชและเขาช่างกล้ายิ่งนัก แถมเขายังมีท่านขุนนางอัสนีสีม่วงเป็นผู้คุมการทดสอบเนี่ยนะ? นี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเลย”
“จริงหรือนี่ หนึ่งผังจักรราศีสามารถมีดวงดาวได้ถึงเก้าดวง หนึ่งดวงดาวนั้นอ่อนแอ
สองดวงดาวนั้นค่อนข้างส่องสว่าง สามดวงดาวนั้นพิเศษและสี่ดวงดาวจะขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี เจ้าหนูนี่ไม่มีดาวสักดวงในตัว เขาเป็นเพียงสามัญชนจริง!”
“ฮ่าฮ่า เขาเคยพูดไว้ว่าเขาจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ นี่มันช่างน่าขัน!”
เหล่าศิษย์เริ่มพูดพล่อย สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจต่อเซี่ยงเส้าหยุน เช่นเดียวกับที่จื่อฉางเหอจะจับเซี่ยงเส้าหยุนโยนออกไปนอกตำหนักยุทธ์ อย่างกระทันหันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ศิลาแห่งการประเมินค่าถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงและธารแห่งแสงก็ได้ทะลุผ่านเมฆราวกับจะทำลายสวรรค์และรวมสวรรค์และโลกให้เป็นหนึ่งเดียว
“ศิลาแห่งการประเมินค่ามีการตอบสนอง!” จื่อฉางเหอพูด ความอยากรู้อยากเห็นของเขาเพิ่มพูนขึ้น
ชิ้ง ชิ้ง!
เมื่อมวลเมฆเหนือสวรรค์ทั้งเก้าเริ่มแยกตัว ปรากฏดาวหนึ่งดวงสุกสกาวบนฟากฟ้าและทะลุผ่านสวรรค์
“ถ้างั้น เขาก็ไม่ใช่ขยะอย่างที่ว่าไว้สิ เขาคือผู้ที่มีหนึ่งดวงดาวสถิต!” ศิษย์บางคนเริ่มอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ก่อนที่พวกเขาจะพูดจบ ดาวดวงที่อยู่คนละตำแหน่งก็เริ่มส่องสว่างขึ้นและก่อนที่พวกเขาจะตอบสนองต่อสิ่งนั้น ก็ได้มีลำแสงจากดวงดาวทะลุผ่านสวรรค์ทั้งเก้า
สามดวงดาวคือสิ่งที่พิเศษ ผู้ที่มีดาวสามดวงสถิตร่างจะพบได้หนึ่งคนทุก ๆ หนึ่งร้อยปีเท่านั้น และเขาผู้นั้นจะไปถึงระดับแปรสภาพในที่สุด
ดวงตาของจื่อฉางเหอเป็นประกาย ผู้อื่นย่อมเห็นว่ามันเผยความประหลาดใจเพียงใด “เจ้าหนูนี่มีพรสวรรค์ของจริง”
ผู้มีดาวสามดวงสถิตร่างนั้นพบเจอได้ยากยิ่งในเมืองอู่และผู้ที่ถูกสถิตร่างนั้นมีคุณสมบัติมากกว่าลูกศิษย์ชั้นนอกของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน เขาย่อมมีโอกาสที่จะได้เป็นลูกศิษย์ชั้นใน
ชิ้ง ชิ้ง!
ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง พลังแห่งดวงดาวจากดาวดวงอื่นก็ได้บินผ่านไป ยังไงก็ตาม ตอนนี้มีดาวสองดวงปรากฏขึ้นพร้อมกัน แสงที่เกิดจากดาวทั้งห้าส่องสว่างไปทั่วตำหนักยุทธ์และส่องสว่างบนท้องฟ้า แม้แต่ผู้คนที่อยู่นอกเมืองอู่ก็สามารถมองเห็นได้
ถ้าหากว่ามีดาวสี่ดวงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามราตรี คือการกำเนิดของราชา เมื่อมีดาวห้าดวงส่องแสงบนท้องฟ้า นั้นเปรียบดั่งมังกรได้ลงมาจุติเป็นจักรพรรดิ!
หลังจากการปรากฏของดาวห้าดวง เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกถึงดาวทั้งห้าที่ก้องกังวานในตัวเขา เพราะมีคลื่นความร้อนภายในตัวของเขา ทำให้เขาถูกยกระดับขึ้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับพื้นฐานขั้นห้า
“ดาวห้าดวงส่องแสงสว่างบนท้องฟ้า!! มันคือผู้มีดาวห้าดวงสถิต! ผู้ใดในโลกถึงกับมีพรสรรค์ไร้ผู้ต้านได้เพียงนี้?” มีผู้เฒ่าท่านหนึ่งจากตำหนักยุทธ์สวมอาภรสีฟ้ากล่าว เขาจ้องมองอย่างตะลึงเมื่อได้เห็นพลังแห่งดาวทั้งห้าดวงบนท้องฟ้า เขารีบพุ่งออกมาจากจุดที่เขาอยู่ มุ่งไปยังลานด้านนอกทันที
ที่ไหนสักแห่ง ผู้อาวุโสคนอื่นได้เดินออกมาจากบ้าน ตาอันฝ้าฟางของเขากลับมองเห็นอย่างชัดเจน
“ดาวทั้งห้าดวงส่องแสงบนท้องฟ้า! นั่นจะต้องเป็นสัญญาณของฤกษ์งามยามดีเป็นแน่! เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีผู้อาวุโสคนหนึ่งของเราได้พบกับโชคชะตา?” เมื่อพูดจบเขาก็ได้มุ่งหน้าไปยังสวนด้านนอกของตำหนักยุทธ์
ในขณะที่เรื่องทั้งหมดได้เกิดขึ้น เหล่าผู้คนมากมายก็ได้ออกมาจากที่พำนักของพวกเขา พุ่งตรงมายังตำแหน่งของศิลาแห่งการประเมินค่า
“ห้า... ดาวห้าดวงส่องสว่างบนท้องฟ้า! นี่ข้าไม่ได้ตาบอดใช่มั้ย!?!” จื่อฉางเหอพูดอึกอัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เหนือท้องฟ้านั้น ดูเหมือนว่าพลังของดวงดาวยังคงรวมกัน ยังไงก็ตาม ก่อนที่พลังงานจะควบแน่นเต็มที่ ศิลาแห่งการประเมินค่าก็ได้แตกออกเป็นสองส่วน
เปรี้ยง!
เซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลายก็ได้ตกใจกับความเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เขากระโดดด้วยความตกใจ วิ่งหนีออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่
“สวรรค์! อัจฉริยะที่ผ่านการทดสอบจะต้องเผชิญกับเรื่องน่าลำบาก?!” เซี่ยงเส้าหยุนโพล่งออกมาด้วยความรู้สึกผิด
“ศิลาแห่งการประเมินค่าแตกออกเป็นสองส่วน! นี่มันเกิดปัญหาอะไรขึ้น?”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า พลังงานจากห้าดวงดาวไม่ใช่เพราะตัวเขา แต่เป็นเพราะศิลาแห่งการประเมินค่าเกิดปัญหาขึ้นเอง?”
“นั่นมันอาจจะเป็นไปได้นะ ถ้าไม่อย่างนั้น ทำยังไงคนอย่างเขาถึงจะรวบรวมพลังของดวงดาวทั้งห้าได้ล่ะ? ในตำหนักยุทธ์ของพวกเราก็มีแต่ศิษย์พี่กงฉินหยินที่สามารถทำได้เท่านั้น และเธอเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองอู่”
“แต่พวกเราทุกคนก็ได้เห็นแล้วนี่ พลังจากดาวทั้งห้าได้ตกลงใส่เขาอย่างแน่นอน! แสดงว่าเขาคือผู้ที่มีดาวห้าดวงสถิตร่าง ถ้าไม่ใช่? หรือพวกเรามองผิดไป?”
เหล่าลูกศิษย์นับพันที่เพิ่งเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่างก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผู้มีดาวทั้งห้าสถิตร่าง! เจ้าสัตว์ประหลาดนี่จะต้องขึ้นไปอยู่เหนือพวกเขาได้ในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันจื่อฉางเหอก็ฟื้นคืนสติและได้สาบานกับตัวเองว่า “ข้าจะรับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์ส่วนตัวอย่างแน่นอน!”
ขณะที่เขากำลังจะพูดบางสิ่ง ได้มีเงาจำนวนมากปรากฎขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“ศิลาแห่งการประเมินค่าแตกแล้ว! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นที่นี่!” ผู้เฒ่าท่านหนึ่งเอ่ยถาม ผู้เฒ่าท่านนี้คือหนึ่งในรองจ้าวตำหนักยุทธ์ ฉิงสิวเหอ ผู้อยู่จุดสูงสุดของระดับแปรสภาพ
บรรดาศิษย์ที่นี่ไม่กล้าปิดซ่อนเรื่องราว จึงบอกกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าสถานที่จอแจ จึงกลายเป็นต่างคนต่างพูดจนไม่รู้เรื่อง
ด้วยความรำคาญ ฉิงสิวเหอตะโกนออกมาและชี้ไปที่ศิษย์คนหนึ่ง “เงียบเดี๋ยวนี้! เจ้า บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ลูกศิษย์ที่ถูกชี้ก็ตกใจจนไม่สามารถพูดออกมาได้เป็นประโยค จื่อฉางเหอจึงได้ยืนขึ้นและพูดกล่าว “ท่านรองจ้าวตำหนัก ข้าจะเป็นผู้บอกท่านว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่แทนแล้วกัน”
ดังนั้นจื่อฉางเหอจึงเล่าทุกอย่างที่เกิดให้แก่ฉิงสิวเหอฟังอย่างเรียบง่ายและรัดกุม ตอนแรกเขาไม่เต็มใจที่จะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะรับเซี่ยงเส้าหยุนมาเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของเขา ยังไงก็ตาม เนื่องจากความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นนี้ เขารู้ว่าเรื่องนี้คงปิดไว้ได้ไม่นานอยู่ดี
“เจ้าบอกว่าเจ้าหนูนี่คือผู้ที่ถูกดึงดูดด้วยพลังของดวงดาวทั้งห้างั้นหรือ?” ฉิงสิวเหอถามด้วยความตื่นเต้น ตาของเขาเป็นประกายเมื่อจับจ้องไปยังเซี่ยงเส้าหยุน ไม่เพียงแต่เขา เหล่าผู้อาวุโสต่างก็จับจ้องไปยังเซี่ยงเส้าหยุน ดวงตาของพวกเขานั้นลุกโชนไปด้วยไฟ