ตอนที่ 7 : เก้าดวงดาวเขย่าสวรรค์
ณ มุมเปลี่ยวที่แยกออกจากสวนชั้นนอกของตำหนักยุทธ์ มีเด็กหนุ่มน่าเวทนาผู้หนึ่งกำลังเลียบาดแผลของตน
เหอะ ข้าที่เคยเป็นถึงนายน้อยอันทรงเกียรติของสำนักระดับเจ็ด ตอนนี้กลายเป็นตกต่ำขนาดถูกกลุ่มเด็กน้อยทำร้ายได้ นี่มันช่างเสื่อมเสียยิ่งนัก! เด็กหนุ่มครุ่นคิดเช่นนี้กับตนเอง
เด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นใครไปได้นอกจากเซี่ยงเส้าหยุน? ในโรงอาหาร เขาไม่สามารถทนต่อการห้ำหั่นของพวกสุนัขรับใช้ได้ เขาทำได้เพียงปกป้องใบหน้าอันหล่อเหลาของตนและพุ่งออก หลบหนีออกมายังสถานที่เปล่าเปลี่ยวนี้ด้วยตนเอง
ถ้าหากมีแม้เพียงสักคนได้ยินเซี่ยงเส้าหยุนกำลังพูดกับตนเอง พวกเขาคงจะต้องเผยความกลัวออกมาเป็นแน่! สำนักระดับเจ็ด! นั่นเป็นอำนาจอันเลิศล้ำ! ในแต่ละระดับในแขนงของผู้ฝึกยุทธ์นั้นแยกออกเป็นเก้าขั้น ซึ่งคล้ายคลึงกับสำนักของแคว้นเก้าเทพนั้นแบ่งระดับชั้นออกเป็นเก้า เหนือขึ้นไปเพียงหนึ่งชั้น นั่นหมายถึงอิทธิพลและผู้หนุนหลังมากมาย
จริงอยู่ที่เซี่ยงเส้าหยุนเรียกตัวเขาเองว่าคุณชายอัจฉริยะแห่งสำนักระดับเจ็ด! ถ้าหากว่าพวกเขาได้ยินดังนี้แน่นอนว่ามันจะทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นแน่ เขาร่วงหล่นไปยังจุดที่เขาพยายามเพื่อที่จะเข้ามายังตำหนักยุทธ์ สำนักที่ไม่มีการจัดอันดับ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้เป็นคุณชายที่เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ!
เรื่องราวทั้งหมดมีเพียงเซี่ยงเส้าหยุนที่รู้ หวนคืนไปยังเวลาเหล่านั้น ตัวเขาไม่สนใจและเป็นอิสระที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาชอบที่บ้านเกิด ถ้าหากเขาไม่มีอะไรทำระหว่างวัน เขาก็จะอ่านหนังสือและตำราเพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับแคว้นเก้าเทพเช่นเดียวกับการฝึกฝนเต๋า
อีกทางหนึ่ง เขาคงจะไปรวบรวมเหล่าสัตว์อสูร สั่งการให้คนรับใช้ทั้งหลายคอยติดตามรวมไปถึงบุตรหลานของเหล่าผู้อาวุโสไปขุดหาสถานที่ของเหล่าเซียน หรือทำลายลูกหลานเหล่าสัตว์อสูรและค้นหายาอายุวัฒนะ ในยามค่ำคืน เขาจะรอคอยเหล่าสตรีบริสุทธิ์ที่พร้อมเสนอตัวมาให้ กล่าวได้ว่าเขาหาได้ขาดแคลนสิ่งใดไม่ มันเป็นอิสระที่เด็กหนุ่มต้องใฝ่ฝันถึง! น่าเสียดายที่วันเวลาเหล่านั้นได้เลือนหายไปเนิ่นนานแล้ว
“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านยังไม่ตายอย่างแน่นอน แต่บุตรของท่านไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำทรัพย์สินให้แก่เจ้าพวกคดโกง ลูกชายของท่านนั้นทำให้ท่านต้องผิดหวัง! อย่างไรเสียบุตรของท่านขอสาบานต่อสวรรค์ ข้าจะนำทุกสิ่งที่เคยเป็นของตระกูลเซี่ยงกลับคืนมาให้จงได้! ข้ายังจำได้ว่าครั้งห้าขวบได้บอกต่อท่าน ทว่าจะทำให้ตนเองถูกเรียกหาเป็นอัจฉริยะภายในสิบปี แต่แล้ววันนี้ สิบปีนั้นได้ผ่านพ้น! ข้า เซี่ยงเส้าหยุนผู้นี้จะขึ้นสู่จุดสูงสุด ทำลายสิ่งกีดขวางทั้งหมด! ไม่ว่าใครจะเข้ามาขวางข้า ข้าก็จะเหยียบย่ำ! ไม่ว่าใครต้องการจะฆ่าข้า ข้าก็จะทำลายมันให้สิ้นซาก!”
ใบหน้าขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องของเซี่ยงเส้าหยุนได้บูดเบี้ยวขึ้นอย่างมากเพราะเหตุนี้ และหมัดทั้งคู่ของเขาย้ำอยู่ที่หัวใจ ขณะที่เขาสาบานกับตนเอง จากนั้นก็คิดกับตนเอง ‘อู่หมิงเหลียง เจ้าจะเป็นก้าวแรกที่จะนำพาข้าไปสู่เป้าหมาย’
หลังจากที่เขาแยกแยะความคิดของตน เซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้กังวลกับการรักษาอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย อย่างไรเสียเขาวิ่งออกไปยังสวนชั้นนอกที่เป็นเขตฝึกฝน ในเวลานี้เขาแบกหินสองร้อยห้าสิบกิโลกรัมไว้บนหลังขณะที่เขาวิ่งไปเรื่อย ๆ ทุกขั้นของระดับพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงหนึ่งขั้นพลังได้เพิ่มขึ้นทุกห้าสิบกิโลกรัม ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าจึงสามารถยกหินหนักสองร้อยห้าสิบกิโลกรัมได้อย่างง่ายดาย
“ว้ากกกกกกกกกกกก!!!!!”
เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนดั่งเขาเป็นผู้วิปลาส
“อัจฉริยะผู้นี้หรือถูกพวกหน้าโง่โกวจื่อทำร้าย? มันจะต้องกรีดร้องดั่งภูตผี”
“เหอะ จากที่เห็นมันคงหมายมั่นฝึกฝนอย่างหนัก แต่กับผู้ที่ทำให้ตนเองอิ่มท้องยังไม่ได้หรือจะเป็นใหญ่ในภายหน้า? อัจฉริยะผู้นี้คงได้แต่ตกต่ำอยู่เช่นนั้นแล้ว”
“ถูกต้อง ต่อให้ท่านขุนนางอัสนีสีม่วงเข้าปกป้อง แต่อู่หมิงเหลียงมีจ้าวเมืองให้ท้ายอยู่ แม้แต่จ้าวตำหนักยังต้องเคารพเขาทุกครั้งที่พบ!”
“ช่างน่าเวทนาเสียจริง เราคงจะได้เห็นการล่มสลายของอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ในไม่ช้า!”
เมื่อพวกเขาเห็นเส้าหยุน เหล่าศิษย์ชั้นนอกต่างก็เผยความเห็นอกเห็นใจขณะที่พวกเขาถอนหายใจ เซี่ยงเส้าหยุนมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเซี่ยงเส้าหยุนคิดอยู่ที่นี่ก็คงต้องเผชิญความยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย อาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ถึงแม้อาหารจะไม่เพียงพอแต่ความแน่วแน่จะเป็นพลังงานสำหรับการฝึกฝน มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่งทางกายไปด้วย สำหรับใครก็ตามที่ไม่เคยได้รับอาหารเลยแม้สักมื้อ เขาจะมีเรี่ยวแรงฝึกยุทธ์ได้อย่างไรกัน?
“คุณชายอู่ ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะต้องสู้กับตัวเองอีกหลายครา” โกวจื่อได้พูดกับอู่หมิงเหลียงในอีกมุมหนึ่ง
“อัจฉริยะจะไม่แตกพังโดยง่าย เพียงกดดันต่อไปแล้วสุดท้ายมันจะแตกพังไปเอง จงจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดเมื่อข้าได้ไปเป็นศิษย์ชั้นใน ข้าย่อมดูแลเจ้าอย่างดีแน่นอน” อู่หมิงเหลียงตอบกลับ
“สบายใจได้ คุณชายอู่ ถ้าจากที่ข้าเข้าใจเขาจะไม่หนีออกจากที่นี่เป็นแน่” โกวจื่อตอบอย่างสุขใจ
สำหรับผู้ฝึกฝนระดับพื้นฐานขั้นห้า การแบกหินสองร้อยห้าสิบกิโลกรัมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เซี่ยงเส้าหยุนหมดลมหายใจชั่วขณะหนึ่งแม้จะวิ่งไปกับก้อนหินในระยะสั้น เราต่างก็รู้กันว่าเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วันนับแต่เขาได้ก้าวสู่ระดับพื้นฐานขั้นห้า ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสใด ๆ ที่จะทำให้รากฐานมั่นคงและความแข็งแกร่ง
เซี่ยงเส้าหยุนอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเขาจะไม่เสียสิ่งที่ตั้งใจไปโดยง่ายกับเรื่องแค่นี้
“ตำราราชันพิชิตจ้าวสวรรค์ ทำให้หัวใจนิ่งสงบ หยิบยืมพลังจากดวงดาวแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานปราณ”
ภายในตัวเซี่ยงเส้าหยุนมีมนต์ลึกลับปรากฏขึ้น ตำราราชันพิชิตสวรรค์ไม่ใช่สิ่งสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ จื่อฉางเหอได้มอบไว้ให้เขา อย่างไรเสียนี่เป็นวิชาโบราณที่เขาครอบครองมาเนิ่นนาน
ตำราราชันพิชิตสวรรค์เป็นสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนได้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ครั้งขี่ราชาแห่งสัตว์อสูร เขาบังเอิญพบกับดินแดนลี้ลับ ภายในดินแดนแห่งนี้เขาได้พบกับสิ่งน่าเหลือเชื่อ เป็นสถานที่อันน่าอัศจรรย์ก่อนที่จะพบกับตำราลึกลับ
เมื่อคิดย้อนกลับไปยังเวลาเหล่านั้น ความรู้สึกที่ได้พบตำราราชันพิชิตสวรรค์ ลำแสงสีขาวได้สาดส่องลงมายังตัวเขา เขาไม่อาจลืมเลือนความลึกลับของราชันพิชิตสวรรค์นี้ได้
น่าเสียดายที่วิชาโบราณนี้มีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น กระนั้นเนื้อหาวิชานี้ยังไม่สมบูรณ์ ก็ยังเหนือล้ำยิ่งกว่าวิธีการฝึกฝนที่ตระกูลของเขาตกทอดต่อกันมา
เพราะเหตุนี้เซี่ยงเส้าหยุนจึงละทิ้งการฝึกยุทธ์ของเขา ตระกูลของเขาได้ฝึกยุทธ์และเน้นการฝึกตำราราชันพิชิตสวรรค์อย่างเต็มที่ เขาอดไม่ได้ที่จะทึ่งในความมหัศจรรย์ของวิชาโบราณและหวังว่าจะฝึกฝนมันได้ ในอนาคตอันใกล้ ถ้าหากเขาสามารถพบกับชิ้นส่วนตำราที่สาบสูญไปและทำให้ตำราเล่มนี้สมบูรณ์ได้ เมื่อนั้นเขาจะปลดปล่อยพลังของตนเองอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดเบื้องต้นประการหนึ่งจึงจะสามารถฝึกวิชาจากตำราราชันพิชิตสวรรค์ เขาจะต้องมีหกดวงดาวสถิตร่าง เติมเต็มห้องโถงไปด้วยหยก! มิฉะนั้น ร่างกายจะไม่สามารถทนรับวิชาจากตำรานี้ได้
หนึ่งผังจักรราศีจะสามารถมีได้ถึงเก้าดวงดาว การจะสามารถบรรลุถึงสี่ดวงดาวถือว่าดีมากแล้ว อย่างไรเสีย ปรากฏการณ์ที่เซี่ยงเส้าหยุนทำให้เกิดห้าดวงดาวส่องสว่างบนท้องฟ้าก็เพียงพอที่จะทำให้เบื้องบนของตำหนักยุทธ์ต้องเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มิหนำซ้ำ ต้องจำไว้ว่าตำราราชันพิชิตสวรรค์มีเงื่อนไขเบื้องต้นคือการมีหกดวงดาวสถิตในตัวผู้ฝึกยุทธ์! เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าวิชาโบราณนี้จะต้องไม่ใช่ธรรมดา
ดูเหมือนเซี่ยงเส้าหยุนกล้าที่จะฝึกตำราราชันพิชิตสวรรค์ ใคร ๆ ต่างก็สรุปได้อย่างง่ายดายว่าร่างกายระดับห้าดวงดาวสถิตไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา! ถ้าหากมีเพียงสักคนมองเข้าไปในตัวเซี่ยงเส้าหยุนและเห็นดวงดาวภายในตัวของเขา จะพบว่ามีแสงแวววาวเก้าจุดทั้งร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุน ทำให้เขามีกลิ่นอายลึกลับ ทำให้ผู้ใดก็ตามที่เผลอมองจะต้องหลงใหลไปกับมันโดยง่าย
มันเป็นสิ่งเที่ยงแท้ของผู้อยู่ระดับสูง มีเก้าดวงดาวสถิตร่างสะท้านสวรรค์! ผู้ที่มีร่างสถิตระดับนี้หาได้ยากยิ่งพบเจอได้เพียงหนึ่งคนในรอบหมื่นปี ถ้าหากผู้อาวุโสจากตำหนักยุทธ์คนใดได้พบเจอกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาจะต้องเกรงกลัวจนฉี่รดกางเกงเป็นแน่
ผู้ที่มีร่างกายที่น่าทึ่งนี้ได้ร่วงหล่นและตกต่ำสู่ตำหนักยุทธ์ที่ต่ำต้อย ถ้าหากมีสักสำนักที่มีอำนาจรู้เรื่องนี้เข้า ตำหนักยุทธ์จะต้องพยายามรักษาอัจฉริยะผู้นี้เป็นแน่
แม้เซี่ยงเส้าหยุนจะคิดทบทวนความแข็งแกร่งของเขาเพื่อตำราราชันพิชิตสวรรค์ เขาพบว่าไม่เพียงแต่แขนขาอ่อนล้าน้อยลง แรงกดดันของร่างกายก็ลดน้อยลงไปมากนอกจากนี้ความแข็งแกร่งที่เขาได้รับนั้นเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่านัก!
การฝึกฝนร่างกายมีจุดมุ่งหมายเพื่อสะสมพลังแห่งดวงดาวให้ไปถึงขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพลังจากดวงดาวมาเป็นพลังปราณ ท้ายที่สุดก็จะสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นรูปเป็นร่างได้ จะถือได้ว่ามาถึงระดับดวงดาวแล้ว
เซี่ยงเส้าหยุนได้ใช้ตำราราชันพิชิตสวรรค์ เพื่อเปิดใช้พลังแห่งดวงดาวภายในตนเอง ด้วยดวงดาวทั้งเก้าทำงานร่วมกับการดูดกลืนพลังแห่งดวงดาว อัตราการเติบโตขึ้นของความแข็งแกร่งภายในตัวเขานั้นยากที่ใครจะจินตนาการถึง
โดยที่ไม่รู้ตัว นับแต่เขาเริ่มวิ่งก็ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว! เขาพบว่าแม้ตนเองจะใช้พลังงานอย่างรวดเร็ว การระเบิดพลังครั้งใหม่ได้ไหลออกมาจากส่วนลึกภายในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาอยู่ในระดับเกือบสูงสุดเสมอ เริ่มแรกเขาเพียงต้องการวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ ให้นานเท่าที่จะทำได้ อนิจจา กล้ามเนื้อของเขาหยุดไม่ให้ทำเช่นนั้น
*เสียงท้องร้องโครกคราก*
เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกว่าร่างกายของเขาค่อย ๆ อ่อนแอลง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะวางหินไปอีกด้านหนึ่ง
“บ้าเอ้ย มีคนเคยกล่าวไว้ อาหารสามารถเอาชนะวีรบุรุษได้ ข้า เซี่ยงเส้าหยุนผู้นี้เป็นอัจฉริยะแห่งสรวงสวรรค์เหนือบุรุษใด ข้าจะตกต่ำเช่นนี้หรือ?” เซี่ยงเส้าหยุดกล่าวแดกดันกับตัวเขาเอง
ณ ตอนนี้ ได้มีเสียงของเด็กสาวดังมาจากข้างกาย “ข้ามีอาหารนิดหน่อยมาให้เจ้าด้วย”