ตอนที่ 20 ศิษย์ผู้คิดหนี
ตอนที่ 20 ศิษย์ผู้คิดหนี
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
การสร้างวินัยที่ดีให้กับเหล่าศิษย์สาวกในระยะยาวนั้นเป็นงานที่ยากลำบากมาก
ลู่โจวได้ลุกขึ้นมา ตัวเขาได้เอามือไขว้ไปที่หลังก่อนที่จะจ้องมองไปยังด้านนอกศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขานั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าการเดินทางข้ามมิติในครั้งนี้จะเป็นเหมือนกับโอกาสครั้งใหม่หรือเป็นคำสาปกันแน่
ถ้าหากมีการแข่งขันว่าใครกันที่สามารถเดินทางข้ามมิติแล้วน่าสมเพชมากที่สุด ตัวเขาเองก็เชื่อได้อย่างเต็มใจว่าลู่โจวนั่นแหละจะต้องได้รับชัยชนะไปโดยไม่มีคู่แข่ง
ไม่นานนักหยวนเอ๋อก็ได้พาหมิงซี่หยินและด้วนมูเฉิงเดินเข้ามาที่ศาลา
"ท่านอาจารย์! "
"ท่านอาจารย์! "
ลู่โจวหันกลับมาก่อนที่จะเหลือบตามองลูกศิษย์ทั้ง 2 คน ตอนนี้ค่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินยังคงเหลืออยู่ที่ 59% และแม้ว่าเขาคนนี้กำลังคิดเคลือบแคลงใจสงสัยลู่โจวผู้เป็นอาจารย์อยู่ แต่ดูเหมือนว่าค่าความจงรักภักดีของเขาจะไม่ได้ลดต่ำลงอีกต่อไป ส่วนค่าความจงรักภักดีของด้วนมูเฉิงนั้นเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเขามีค่าความจงรักภักดีอยู่ที่ 65% ค่าความจงรักภักดีของเขาค่อนข้างที่จะเพิ่มขึ้นมาอย่างคงที่
มีเพียงหยวนเอ๋อศิษย์คนเล็กเท่านั้นที่มีค่าความจงรักภักดีสูงที่สุด และตอนนี้ลู่โจวก็เชื่อใจเธอที่สุดแล้ว
"เหตุผลที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะว่าข้าอยากจะให้พวกเจ้าทำอะไรบางอย่างให้กับข้าซะหน่อย"
"ท่านอาจารย์ แค่บอกพวกเราว่าท่านต้องการอะไร พวกเราจะอุทิศทั้งตัวและหัวใจเพื่อที่จะทำงานที่ท่านอาจารย์ฝากฝังไว้ให้สำเร็จเอง" ด้วนมูเฉิงพูดก่อนที่จะโค้งคำนับให้
"โจวจี้เฟิงได้แปรพักตร์ออกจากสำนักดาบสวรรค์มาเป็นที่เรียบร้อย พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบในการตามร่องรอยของเจ้านั่นต่อไป ด้วยระดับความสามารถของเจ้านั้นแล้วการที่จะเข้ารวมสำนักใหม่นั้นก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร ถ้าหากพวกเจ้ารวบรวมข่าวอะไรมาได้ก็รีบรายงานให้ข้าได้ฟังซะ"
"เจ้าสี่"
"ครับท่านอาจารย์"
"ข้าน่ะอยากจะมอบภารกิจพิเศษให้กับเจ้า...ในชีวิตในอดีตที่ผ่านมาของข้า ข้าได้ก่อกรรมทําเข็ญมามากมาย ตัวข้ายังได้สั่งสอนศิษย์วายร้ายทั้งเก้าที่ทำให้ทั้งโลกจะต้องสั่นสะเทือนไปด้วยความกลัว และเพราะความผิดบาปนั่นเองที่ทำให้ข้ารู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ ข้าน่ะอยากให้เจ้าช่วยชำระบาปแทนสำนักของพวกเราซะ"
"ชำระบาป! " คำนั้นที่หมิงซี่หยินได้ยินทำให้ตัวเขาถึงกับตกใจ ตัวเขารีบคุกเข่าลงก่อนที่จะพูดออกมา "ท่านอาจารย์ แม้ว่าตัวข้านั้นจะมีวรยุทธ์อยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่ตัวข้านั้นยังมีวรยุทธ์ที่ด้อยไปกว่าทั้งศิษย์พี่ใหญ่อย่างยู่เฉิงไห่...และศิษย์พี่ร้องอย่างยู่ฉางตง...อยู่มาก ความจริงแล้วตัวข้ายังมีวรยุทธ์ที่ไม่อาจเทียบได้แม้แต่กระทั่งน้องหกอย่างน้องหญิงเทียนซินซะด้วยซ้ำไป ศิษย์น้องหญิงที่เป็นเจ้าของของวิเศษอย่างห่วงเหล็กแห่งความเร้นลับนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์ น้องหญิงได้สังหารผู้คนนับไม่ถ้วนโดยใช้สมบัติพิเศษของเธอ ศิษย์กลัวว่าตอนนี้เธอจะฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์แล้ว"
สิ่งที่หมิงซี่หยินพูดออกมานั้นล้วนแต่เป็นความจริง
ด้วยอาวุธที่เทียนซินครอบครองรวมไปถึงวรยุทธ์ที่น่ากลัว และนอกจากนี้เธอยังมีศิษย์สาวกจำนวนมากที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์อีกด้วย มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอคนนั้นกำลังเกรงกลัวอยู่ ถ้าหากไม่มีอาจารย์อย่างจีเทียนเด๋า ป่านนี้เทียนซินคงจะครองโลกไปสำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อย เธอคนนี้เป็นเหมือนกับวายร้ายที่มีชื่อเสียงอันฉาวโฉ่วในโลกของยุทธภพ และเพราะเหตุนี้เองด้วนมูเฉิง หมิงซี่หยิน และจ้าวยู่ต่างก็ไม่ได้หนีออกไปจากจีเทียนเด๋า พวกเขาทั้งสามยังไม่ได้อาวุธวิเศษรวมไปถึงวรยุทธ์ที่ตัวเองปรารถนาที่จะได้ฝึกฝน
ศิษย์พี่ใหญ่ยู่เฉิงไห่ เขาคนนั้นได้ครอบครองดาบนิลโลหิตเอาไว้ ดาบเล่มนั้นเองยังเป็นดาบที่เป็นสมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์ นอกจากดาบที่ทรงพลัง เขาคนนั้นยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!
ศิษย์คนรองอย่างยู่ฉางตงเองยังมีดาบไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน ว่ากันว่าผู้ที่ครอบครองดาบเล่มนี้จะทำให้สามารถรับพลังงานทำให้ตัวเองนั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก และเมื่อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับดาบไม่มีที่สิ้นสุดได้ ตัวเขาก็จะสามารถเข้าถึงความลับสุดยอดของโลกอย่างความเป็นอมตะได้
ศิษย์คนที่หกอย่างยี่เทียนซินเองก็ครอบครองสมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์เช่นกัน เธอคนนั้นได้ครอบครองห่วงแห่งความเร้นลับ เธอคนนี้เป็นศิษย์คนโปรดของจีเทียนเด๋าก่อนที่หยวนเอ๋อจะเข้าร่วมสำนัก ในตอนที่ศิษย์คนที่หกได้รับสมบัติสรวงสวรรค์ไป ในตอนนั้นทั้งศิษย์คนที่สามและศิษย์คนที่สี่ต่างก็ยังไม่ได้รับสมบัติล้ำค่าอะไร ที่ก็คือความลำเอียงของจีเทียนเด๋านั่นเอง วันนี้ยี่เทียนซินได้กลายมาเป็นหัวหน้าของวังจันทราไปเป็นที่เรียบร้อย
หมิงซี่หยินในตอนนี้อ่อนแอเกินไปถ้าหากจะให้เขาไปสู้กับศิษย์ทั้งสามคนที่อยู่ในโลกภายนอก
"วรยุทธ์ของเจ้าแปดในตอนนี้อยู่แค่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ในระดับปฐมแห่งเต๋าเท่านั้น ในตอนนี้เจ้าน่ะฝึกฝนจนถึงระดับเต๋าผสมผสานแล้ว ถ้าจะวัดกันที่ระดับวรยุทธ์พลังของเจ้าน่ะมีมากกว่าเจ้าแปด เจ้าน่าจะต้องเริ่มจากเจ้าแปด!" ลู่โจวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
"ฮะ? "
วรยุทธ์ในขั้นศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่ 3 ระดับด้วยกัน: ระดับปฐมแห่งเต๋า, ระดับมหาโกลาหล และระดับสุดท้ายระดับเต๋าผสมผสาน
ศิษย์คนที่แปดของลู่โจวก็คือซู่ฮ่องกงนั่นเอง ในตอนนี้เขาฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ระดับปฐมแห่งเต๋าไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นตัวเขาคนนี้ก็ไม่ได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์แม้แต่ชิ้นเดียว ถ้าหากจะเทียบกันที่ระดับวรยุทธ์แล้วหมิงซี่หยินก็คงจะสามารถเอาชนะได้โดยไม่ยากเห็นอะไรนัก
"เจ้าเพิ่งจะพบกับเจ้าแปดเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรอ? " ลู่โจวได้ถามขึ้น
"ใช่ครับท่านอาจารย์ ข้าเพิ่งจะไปที่หุบเขาพยัคฆ์มา...แต่ว่า เจ้าศิษย์คนนั้นมันโง่จนเกินไป เขากำลังถูกชักนำโดยศิษย์น้องเจ็ด เจ้านั่นน่ะมันสมควรตายแล้วครับท่านอาจารย์! "
ในตอนนั้นเองความเงียบสงบก็ได้เข้าปกคลุมศาลาอีกครั้ง ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับอะไรไปในทันที แต่ตัวเขาเลือกที่จะหันหลังให้กับหมิงซี่หยินแทน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่โจวก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาและดูไร้อารมณ์ "เจ้าน่ะมานี่สิ! "
"ทะ-ท่านอาจารย์..." หมิงซี่หยินในตอนนี้ตัวสั่น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากยืนขึ้นก่อนที่จะเดินไปหาลู่โจว ในตอนที่เขากำลังเดินขึ้น ตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็รู้สึกกระวนกระวายใจ เรี่ยวแรงในการก้าวเดินของเขาค่อยๆ หายไป แต่เมื่อพยายามเดินมาได้สักพักเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าของลู่โจว
"มองตาของฉัน..."
"ท่านอาจารย์..."
หมิงซี่หยินในตอนนี้หัวใจเต้นรั่ว ใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
"ดวงตาของเจ้าน่ะกำลังแสดงความกังวลออกมาอยู่นะ...นอกจากนั้นข้ายังรู้สึกถึงพลังความผันผวนมาจากตัวเจ้าได้ เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าอย่างงั้นสินะ? "
ฟรึบ!
หมิงซี่หยินได้รีบคุกเข่าลงในทันที
"ได้โปรดอภัยให้ศิษย์ด้วยท่านอาจารย์! ศิษย์รู้อยู่แล้วว่าวรยุทธ์ของท่านอาจารย์นั้นอยู่ในขั้นที่ไม่สามารถหยั่งรู้ได้ และเพราะแบบนั้นศิษย์ก็เลยรู้สึกกลัวอาจารย์ขึ้นมา ท่าทางในการป้องกันตัวเองของศิษย์ล้วนแต่ปรากฏออกมาโดยสัญชาตญาณเท่านั้น ศิษย์ไม่ได้ตั้งใจเลยแม้แต่น้อย! "
หน้าผากของหมิงซี่หยินในตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกโชก ตัวเขารู้สึกใจหายจริงๆ
เมื่อลู่โจวสังเกตเห็นท่าทีของหมิงซี่หยิน ลู่โจวก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขารู้ดีว่าจีเทียนเด๋าในอดีตนั้นใช้วิธีที่โหดร้ายแค่ไหนในการสั่งสอนศิษย์สาวกของพวกเขามา แต่นี่มันโหดร้ายเกินไป ปรมาจารย์คนนั้นจะต้องทำโทษอย่างทารุณอยู่อย่างแน่นอน
ในฐานะที่ลู่โจวนั้นเป็นคนที่มาจากยุคสมัยใหม่ ลู่โจวรู้ดีว่าการสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยความหวาดกลัวนั้นจะส่งผลกระทบในระยะยาวยังไง หัวใจของเหล่าลูกศิษย์ของเขาจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเกลียดชัง จนเมื่อถึงวันหนึ่ง วันนั้นที่เหล่าศิษย์สาวกของเขาเตรียมพร้อมมากพอ เมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่ผู้เป็นอาจารย์เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็สามารถที่จะสังหารเขาได้อย่างไร้เยื่อใบ
และเพราะการสั่งสอนแบบผิดๆ นั้นทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันนั้นเป็นแบบนี้ไป ดังนั้นลู่โจวจะต้องระงับอารมณ์ของเขาให้ได้ เขาจะต้องไม่ใช้ความโกรธเกรี้ยวกับศิษย์ของเขา
"เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าอย่างงั้นหรอ...ใช่แล้ว ข้าก็แค่จะให้โอกาสเจ้าเท่านั้น"
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ชี้ไปที่โต๊ะน้ำชาก่อนจะเริ่มพูดขึ้นมา "บนโต๊ะนั่นมีเคล็ดวิชาเวหาพงพนาส่วนสุดท้ายวางเอาไว้ ข้าน่ะจะมอบมันให้กับเจ้า ถ้าหากวรยุทธ์ของเจ้าสูงขึ้นไปอีกขั้นแล้ว บางทีตัวเจ้าอาจจะฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์ก็เป็นได้"
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาของเขาก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาในทันที ตัวเขาได้แต่จ้องมองไปที่กระดาษแผ่นนั้นอย่างไม่คาดสายตา แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็รู้สึกสงสัยขึ้น ตัวเขานั้นควรจะหยิบเคล็ดวิชาที่ตามหามาโดยตลอดตรงหน้านี้ดีไหม
'ถ้าหากเป็นอาจารย์คนเก่า ถ้าข้าไปหยิบเคล็ดวิชาที่อยู่บนโต๊ะเข้า มือของข้าก็คงจะต้องแตกสลายหายไปแน่...'
'แต่ในตอนนี้ท่านอาจารย์นะเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสามารถขับไล่เหล่ายอดฝีมือทั้งสิบไปได้ นิสัยใจคอของท่านอาจารย์ก็เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว กิจวัตรของท่านเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน...'
'แล้วตอนนี้ตัวข้าควรที่จะรับมันไว้ดีไหม? '
หมิงซี่หยินกลืนน้ำลาย ตัวเขากำลังจะลุกขึ้นเมื่อลู่โจวพูดเสร็จ ตอนนั้นเองเรี่ยวแรงที่หายไปจากตัวก็ยังไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่ แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็สามารถคว้ากระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ได้
หมิงซี่หยินดีใจมากเมื่อเห็นเคล็ดวิชาส่วนสุดท้ายของเคล็ดวิชาเวหาพงพนา ตัวเขาที่ได้เห็นแบบนั้นรีบก้มหน้าลงก่อนที่จะพูดขึ้นมา "ขอบคุณมากท่านอาจารย์! ศิษย์จะไม่ละความพยายามที่จะชำระบาปของสำนักเราอย่างแน่นอน! "
ค่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินเพิ่มขึ้น 10% ตอนนี้เขามีค่าความจงรักภักดีอยู่ที่ 69% แล้ว
ลู่โจวที่ได้เห็นผลลัพธ์แบบนั้นได้พยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจ
"ติ้ง! คุณได้สั่งสอนหมิงซี่หยินสำเร็จ คุณได้รับแต้มบุญ 200 แต้ม"
ลู่โจวรู้ดีว่าความแข็งที่หมิงซี่หยินคนนี้มี เขายังรู้ขั้นวรยุทธ์ที่ลูกศิษย์คนนี้มีอีกด้วย แต่เพราะแบบนั้น การที่จะพึ่งพาหมิงซี่หยินให้ไปจัดการกับศิษย์คนอื่นๆ คงจะเป็นเรื่องยากเกินไป มีแต่จะต้องเพิ่มพลังให้กับหมิงซี่หยินเท่านั้น
"เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว"
หมิงซี่หยินออกไปอย่างเชื่อฟัง
ในขณะเดียวกันด้วนมูเฉิงและหยวนเอ๋อต่างก็จ้องมองไปยังลู่โจว ความอิจฉาริษยานั้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองคน
ทั้งคู่นั้นปรารถนาที่จะครอบครองอาวุธวิเศษมาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นของทั้งหมดที่จีเทียนเด๋ามีก็ได้หายสาบสูญกันไปหมดแล้ว ลู่โจวในตอนนี้ไม่อาจที่จะเติมเต็มความปรารถนาของพวกเขาทั้งคู่สำเร็จได้นั่นเอง ลู่โจวในตอนนั้นจึงได้พูดออกมาแทน "ข้าน่ะหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ"
"ศิษย์เข้าใจดีครับท่านอาจารย์! " ด้วนมูเฉิงกำหมัดของเขาก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับลู่โจว ตัวเขาที่ไม่มีธุระอะไรอีกต่อไปได้ออกไปจากศาลาแห่งนี้
ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้เม้มฝีปากของตัวเองเอาไว้ เธอที่พยายามเก็บซ่อนอารมณ์และความรู้สึกได้พูดกับลู่โจวออกมา "ท่านอาจารย์ ศิษย์ก็อยากไปทำภารกิจด้วย! "
"เจ้าน่ะยังเด็กและด้อยประสบการณ์เกินไป เจ้าน่ะอยู่กับข้านั่นแหละดีแล้ว" ลู่โจวพูดออกมา ตอนนี้เขายังต้องการให้หยวนเอ๋ออยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อคอยปกป้องตัวเขา
"ท่านอาจารย์ ท่านไม่มีภารกิจในการสอดแนมเหมือนกับที่สอดแนมโจวจี้เฟิงอีกแล้วอย่างงั้นหรอคะ? "
"ตอนนี้จ้าวยู่น่ะกำลังทำภารกิจอย่างไร้จุดหมาย บางทีนั่นอาจจะ... เป็นไปได้เหมือนกันว่าเจ้านั่นอาจจะทำภารกิจเสร็จแล้วแต่ยังไม่คิดที่จะกลับมา"
"ฮะ? " หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกตื่นตกใจในทันที เธอในตอนนั้นได้พูดออกมาอย่างไม่เชื่อตัวเองมากนัก "เป็นไปได้ว่า...ศิษย์พี่หญิงจะไม่ต้องการที่จะกลับมาอีกแล้วหรอคะ? "
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย