ตอนที่ 10 : หากข้าไม่ได้กิน เช่นนั้นเจ้าตาย!
“เด็กหนุ่มเช่นเจ้าไม่รู้จักการชื่นชมสิ่งที่ดี หนึ่งพันแต้มจะทำให้เจ้าอิ่มไปทั้งปี!” ผู้ดูแลสูงวัยพูดไม่ออกเล็กน้อยหลังจากได้ยินเซี่ยงเส้าหยุน
เซี่ยงเส้าหยุนลังเลก่อนจะกล่าว “หืม นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? ศิษย์ผู้นี้เพิ่งข้าร่วมตำหนักยุทธ์เมื่อวาน! ศิษย์พี่ที่ไร้หัวจิตหัวใจของข้า จื่อฉางเหอไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยงเส้าหยุนเรียกชื่อของจื่อฉางเหอออกมาตรง ๆ ผู้ดูแลสูงวัยไม่อาจอดกลั้นจนตัวสั่น ผู้อาวุโสทุกคนของตำหนักยุทธ์ล้วนมีอำนาจ ศิษย์ผู้ใดกันกล้าเรียกนามออกมาโดยตรง?
“แต้มจะถูกมอบจากตำหนักยุทธ์เพื่อให้เป็นรางวัล มันเป็นรูปแบบหนึ่งของเงินตราซึ่งจะสามารถใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินได้ แต่เราจะเก็บมันไว้ในแผ่นหยกจะไม่ทำเป็นเหรียญหรือแผ่นกระดาษ ภายในตำหนักยุทธ์ แต้มเหล่านี้ไม่เพียงแต่ซื่ออาหารแต่รวมถึงอาวุธ ทักษะ และวิธีการฝึกตน! นี่เป็นสิ่งที่แต้มที่เจ้ามีจะสามารถใช้ได้ เจ้าจะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น! เข้าใจหรือยัง?” ผู้ดูแลเก่าแก่อธิบายช้า ๆ
“ทำไมท่านไม่พูดให้มันเร็วกว่านี้!” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นออก เมื่อเขาได้รับแผ่นหยกก็มุ่งไปยังตำแหน่งของโรงอาหาร เขาหิวเกินกว่าจะเปรียบกับอะไรได้
“ทำไมถึงต้องเร่งรีบขนาดนั้น? แผ่นหยกนี้จะต้องใช้หยดเลือดของเจ้าเพื่อยืนยันก่อนจะสามารถใช้งานได้ นับจากนั้นแผ่นหยกจะเป็นสิ่งติดตัวเจ้าไปตลอด ดังนั้นจงดูแลมันให้ดี!” ผู้ดูแลสูงวัยเตือนอย่างเคร่งเครียด
ก่อนที่บทสนทนาจบลง เซี่ยงเส้าหยุนก็หายไปนานแล้ว ผู้ดูแลสูงวัยส่ายหัวพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น “เป็นเด็กที่ใจร้อนเสียจริง!”
เซี่ยงเส้าหยุนพุ่งมายังด้านนอกของโรงอาหาร เขากัดนิ้วอย่างแรงพร้อมป้ายเลือดบนแผ่นหยก เมื่อได้ทำสัญญากับแผ่นหยกด้วยเลือดเรียบร้อยแล้วตัวเลขหนึ่งพันจึงได้ปรากฏขึ้น
“เจ้าสิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นศิลาที่ใช้บันทึกที่ทำออกมาชุ่ย ดูไร้ราคา” เซี่ยงเส้าหยุนรำพึงกับตนเอง เขาถือแผ่นหยกไปหาผู้ดูแลโรงอาหารและถามหาอาหาร
ผู้ดูแลโรงอาหารบอกต่อเขา ว่าโรงอาหารแห่งนี้เป็นของส่วนรวม มีไว้สำหรับแจกจ่ายอาหารไร้ค่าใช้จ่าย ส่วนที่ต้องใช้แต้มซื้อหานั้นไม่มี มีแต่เหลาอาหารในตำหนักยุทธ์จึงใช้แต้มแลกเปลี่ยนเป็นอาหารได้
“อะไรกันอีก! เหตุใดแค่อาหารเล็กน้อยจึงหายากเพียงนี้!?” เซี่ยงเส้าหยุนคลั่งเพราะหิวโหย กับผู้ฝึกตนระดับล่างเช่นเขา หนึ่งคือต้องการอาหารเพื่อเป็นพลังงาน โดยเฉพาะกับวันนี้ที่ใช้พลังงานอย่างคลุ้มคลั่งไปมหาศาล นี่ก็เกือบจะหนึ่งวันแล้วตั้งแต่อาหารมื้อล่าสุด มันยิ่งทำให้ยากอดทนไว้ ขณะเขาคิดไปยังเหลาอาหาร ได้มีสามร่างเผยต่อหน้าขวางทางเอาไว้
“เจ้าพวกนี้มันตามติดอย่างกับภูตผีสิงสู่!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวพร้อมเลียริมฝีปาก ยามนี้ผู้ใดคิดขวางไม่ให้เขาได้กินอาหาร เช่นนั้นพวกมันก็อับโชคแล้ว
“เหอะ เหอะ นี่เจ้าหิวจนเป็นบ้าไปแล้วงั้นรึ? จะไปยังโรงอาหารเพื่อหาอาหารงั้นสิ?” โกวจื่อหัวเราะเยาะเย้ย
“ข้าจะนับถึงสาม ถ้าหากยังไม่ไปให้พ้นหน้าข้า เราได้เห็นดีกัน!” เซี่ยงเส้าหยุนกราดเกรี้ยว
“เช่นนั้นจงแสดงให้ข้าเห็น! เจ้าจะเอาชนะพวกข้าได้อย่างไรกัน? กฎของศิษย์ชั้นนอกระบุไว้ นอกเหนือจากเวลาอาหารแล้วมีเพียงเวลาเดียวที่เหล่าศิษย์จะสามารถต่อสู้ได้คือต้องสู้ที่ลานประลองเท่านั้น!” โกวจื่อกล่าวด้วยความมั่นใจ
ผู้ใดก็ตามที่กล้าฝ่าฝืนกฎของตำหนักยุทธ์จะต้องถูกลงโทษ
“สาม!” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มนับ
“ข้ารอให้เจ้าอัดข้าอยู่นะ เจ้าเศษขยะ!” โกวจื่อยื่นศีรษะเข้าไปใกล้เซี่ยงเส้าหยุน
ทันใดนั้นเซี่ยงเส้าหยุนก็พุ่งใส่
*เสียงกระแทก*
“อ๊ากกกกก!”
เสียงดังกึกก้องไปทั้งโรงอาหาร เสียงร้องแห่งความเจ็บปวด
“ข้าพบเห็นพวกวายร้ายมาก็ไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวายร้ายหน้าโง่ขอให้ผู้อื่นทุบตีตนเอง!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนอย่างดุร้าย
ใบหน้าโกวจื่อเผยรอยนิ้วสีชมพูอ่อน นอกจากนี้ยังมีเลือดไหลจากมุมปาก ผู้ใดพบเห็นย่อมกล้ากล่าวว่าเซี่ยงเส้าหยุนโจมตีหนักมือไม่ใช่น้อย
“เวรเอ้ย เจ้ากล้าดียังไงมาต่อยข้า! จัดการมันซะ!” โกวจื่อตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เด็กหนุ่มระดับพื้นฐานขั้นหกเคลื่อนไหวเข้าหาเซี่ยงเส้าหยุน
แม้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะรวดเร็วและรัดกุม เซี่ยงเส้าหยุนนั้นเร็วกว่าพวกเขามากนัก! อย่างไรเสีย เขาไม่ได้ยกหมัดสู้กับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาไม่ได้มีเจตนาจะสู้จึงทำแต่เพียงหลบไปด้านหลัง เขาได้หยิบอิฐขึ้นมาจากพื้น
ในขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสองพยายามโจมตีเซี่ยงเส้าหยุน ในฐานะศิษย์ชั้นนอกของตำหนักยุทธ์พวกเขาทั้งสองได้ฝึกฝนวิชายุทธ์กันมาบ้าง แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นวิทยายุทธ์พื้นฐาน มันก็มากพอทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองมีฝีมือการต่อสู้ เด็กหนุ่มทั้งสองเริ่มตั้งท่าเตรียมสู้ เด็กหนุ่มคนแรกต่อยไปยังใบหน้าของเซี่ยงเส้าหยุน ในขณะที่อีกคนเตะไปยังท่อนล่างของเขา
“หากข้าไม่ได้กิน เช่นนั้นพวกเจ้าตาย!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องตะโกนสุดเสียง ร่างนั้นหลบเลี่ยงการโจมตีปราดเปรียว ขณะนี้หยุดที่ตรงหน้าหนึ่งในเด็กหนุ่ม ก้อนอิฐในมือกลายเป็นอาวุธไร้ผู้ต้าน มันฟาดลงใส่ศีรษะเด็กหนุ่ม!
เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายได้รับผลกระทบโดยตรงยังศีรษะ เลือดไหลออกมาในขณะที่ดวงตาเขากลอกไปมา เขาเป็นลมในทันที สหายของเขาตกใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ยอมถอยกลับ แต่กลับส่งลูกเตะเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน
พลังของลูกเตะนี้ย่อมเหนือล้ำระดับหนึ่งจนเกิดเป็นเสียงแหวกสายลม หากเป็นเซี่ยงเส้าหยุนที่ยังไม่บรรลุระดับพื้นฐานขั้นหก เขาคงไม่อาจหลบเลี่ยงมันได้ ทว่าขณะนี้ ตัวเขาเลือกที่จะตอบโต้ลูกเตะนี้ด้วยลูกเตะของตนเองได้!
แคร่ก!
เมื่อลูกเตะปะทะต่อกัน เสียงกระดูกหักดังให้ได้ยิน ร่างอีกฝ่ายถอยหลังจากเซี่ยงเส้าหยุน เด็กหนุ่มผู้นั้นไม่อาจยืนด้วยขาทั้งสองได้แล้ว ยามนี้ร้องออกเสียงดัง “ขาข้า! ขาหักแล้ว!”
เขาได้สัมผัสกับศักยภาพของร่างกายของเขาภายในหอคอยแห่งขีดจำกัด เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มที่จะแสดงผลลัพธ์ของการเสริมความแข็งแกร่งทางกายจากการอาบยามาตลอดเก้าปี ด้วยกำลังกายเซี่ยงเส้าหยุนไม่เป็นสองรองใครในระดับพื้นฐานนี้แน่
กับเด็กหนุ่มผู้นี้ คิดเผชิญหน้ากับเซี่ยงเส้าหยุนคือแส่หาเภทภัย ช่องว่างระหว่างทั้งสองมากเกินไป เซี่ยงเส้าหยุนจึงคว้าอิฐขึ้นอีกครั้งก่อนฟาดใส่เด็กหนุ่ม ชะตากรรมครั้งนี้ย่อมเหมือนครั้งก่อนที่ล้มลงหมดสติ
ในเวลาเพียงอึดใจ เซี่ยงเส้าหยุนจัดการสองคู่ต่อสู้ที่ระดับทัดเทียมกัน ผู้คนทำได้เพียงแต่ยอมรับเคล็ดวิชาอิฐอันร้ายกาจนั้น ขณะนี้นึกถึงครั้งยังแข็งแกร่งในบ้านตระกูลตนเอง บ่อยครั้งเขามักใช้อิฐสอนสั่งข้ารับใช้ที่ไม่เชื่อฟัง
โกวจื่อตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าสหายทั้งสองจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้ มองไปยังเซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังใกล้เข้ามา โกวจื่อหัวเราะอย่างโฉดชั่ว “เจ้าคิดว่าอาศัยโชคเอาชนะสองคนนี้แล้วจะเอาชนะข้า ผู้ซึ่งอยู่จุดสูงสุดของระดับพื้นฐานที่เจ็ดได้งั้นหรือ? โง่เง่านัก!”
กำปั้นวายุ!
ด้วยรวบรวมสายลมรอบด้านมาไว้รอบกำปั้น เพียงหนึ่งหมัดก็มากพอทำให้หินแหลกสลายสะท้านถึงฟากฟ้า! หมัดนี้ของโกวจื่อได้อัดแน่นซึ่งกำลังกายภาพ มันมีพลังมากพอทำลายก้อนหินหนักครึ่งตันได้โดยง่าย
ด้วยสูดลมหายใจเข้าลึก เซี่ยงเส้าหยุนปล่อยหมัดตอบโต้ คิดประมือกับเขาด้วยกำลังกายถือเป็นการแส่หาเภทภัยสู่ตนเอง
“อ๊ากกกกก!”
สองหมัดปะทะต่อกัน เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น ไม่ต้องกล่าวว่าเสียงร้องนี้เป็นของผู้ใด ย่อมเป็นโกวจื่อ
ทว่าโกวจื่อชักมือกลับได้ทันเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงแรงจากหมัดของเซี่ยงเส้าหยุน มันเป็นเพราะจังหวะเหมาะเจาะจึงหลบพ้นจากกระดูกหักเหมือนสหายทั้งสอง แต่กระนั้นมือของเขาก็ยังต้องสั่นเพื่อความเจ็บปวดขนาดยากยกขึ้น
“เจ้าผู้อ่อนแอ คิดหาเรื่องต่อข้าครั้งแล้วครั้งเล่างั้นหรือ? ครั้งนี้ข้าจะทุบตีเจ้าจนร้องเป็นสุนัข!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกน อิฐที่อีกมือหนึ่งได้ฟาดหวดเข้าใส่ใบหน้าโกวจื่ออย่างโหดเหี้ยม
โกวจื่อร้องเจ็บปวดรวดร้าว เลือดไหลออกจากจมูกเป็นทางยาว เซี่ยงเส้าหยุนยังไม่เลิกรา เขายังทุบตีทั้งศีรษะและใบหน้าโกวจื่อ
*แคร่ก!
ก้อนอิฐแตกออกหลังจากที่กระแทกยังหัวของอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า
“ดูเหมือนหัวของเจ้าจะแข็งมากนัก ก้อนอิฐถึงกับแตก!” เซี่ยงเส้าหยุนยอมแพ้ก่อนจะมองไปยังโกวจื่อผู้น่าสงสาร
“จะ-เจ้า คุณชายอู่จะต้องไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! อ๊ากกกกก!” โกวจื่อร้องไห้ออกมาด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด
เซี่ยงเส้าหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมโยนก้อนอิฐที่แตกทิ้งและประกาศออกมา “แม้เป็นราชันสวรรค์มาห้ามไม่ให้ข้าได้กิน เช่นนั้นข้าก็จะทุบตีมันจนตกตาย!”