TGDS ตอนที่ 11 : ภาพติดตา
โมบี้นั้นคำนวณความเร็วในปัจจุบันของเขา เขาน่าจะไปถึงหอพักได้ภายใน 30 นาที อย่างไรก็ตามนี่มันใช้เวลานานเกินไป และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถเดินย้อนกลับไปเป็นเส้นตรงได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกจับได้โดยทีมช่วยชีวิต ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ทางอ้อม นั่นจะทำให้เขาช้าลงไปอีก 20 นาทีเป็นอย่างน้อยที่สุด
ในขณะที่โมบี้เริ่มรู้สึกหมดหนทางและกำลังจะยอมแพ้ต่อชะตาอันโหดร้ายของเขา ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเขามี แต้มสถานะที่สามารถใช้ได้อีก 105 แต้มที่สามารถเลือกจะเพิ่มค่าสถานะได้
โมบี้รู้ว่าเขาต้องทำอะไร แต่เขาไม่เต็มใจที่จะทำมัน เพราะมันจะทำให้แผนการในอนาคตของเขานั้นยุ่งยาก
โมบี้โวยวาย "ไอ้บ้าเอ้ย" ในขณะที่เขาใช้ 75 แต้มของเขาไปเพิ่มค่าความคล่องตัว แม้ว่าเขาจะลังเลที่จะทำ เพราะมันจะให้ค่าสถานะของเขานั้นไม่สมดุลอย่างมาก แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะรอดพ้นจากการถูกจับได้ในครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องทำมัน
จากนั้นโมบี้ก็เพิ่ม 30 แต้มที่เหลือให้เป็นค่าความแข็งแกร่ง เขารู้ว่าตอนนี้เขานั้นเป็น กลาส แคนน่อนไปเรียบร้อยแล้ว (กลาส แคนน่อน คือ ศัพท์ในเกมสำหรับพวกพลังโจมตีสูง ป้องกันต่ำ)
เขาแทบจะไม่มีค่าความอดทนเลย แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เพราะด้วยความเร็วที่มากพอ เขาสามารถพึ่งพาความสามารถในการหลบหลีกแทนที่จะอดทนต่อการโจมตี ดังนั้นจึงทำให้ความอดทนมีความสำคัญน้อยลงไปในตอนนี้
ปัญหาคือว่าถ้าการโจมตีของเขามันทำให้ศัตรูรู้สึกแค่จั๊กจี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่ความเร็วจะสูงแบบนั้น นั่นคือเหตุผลที่เขาเทแต้มที่เหลือทั้งหมดลงไปในค่าความแข็งแกร่ง
โมบี้พุ่งออกไปในป่าด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เขารวดเร็วยิ่งกว่าเดิม 4 เท่า เมื่อพิจารณาจากค่าประมาณก่อนหน้านี้ เขาน่าจะไปถึงหอพักได้ภายใน 15 นาที นั่นหมายความว่าเขาควรจะไปถึงหอพักได้ก่อนเวลาเคอร์ฟิว
ความเร็วสูงสุดก่อนหน้านี้ของ โมบี้คือ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่คือความเร็วสูงสุดสำหรับมนุษย์ที่ไม่มีความสามารถ แต่คนที่มีความสามารถนั้น สามารถมีความเร็วเท่านี้ได้อย่างง่ายดายด้วยความพยายามเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เนื่องจากค่าสถานะส่วนใหญ่ของเขาอยู่ในด้านความคล่องตัว ความเร็วของเขาจึงอยู่ที่ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าความเร็วสูงสุดก่อนหน้านี้ถึง 4 เท่า
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นโดยรวมประมาณ 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อแต้มที่เขาเพิ่มให้ค่าความคล่องตัว นี่ทำให้ความเร็วของเขามันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
โมบี้ใช้ประสาทสัมผัสที่เลเวลอัพขึ้นมาใหม่เพื่อระบุระยะทางและทิศทางที่แน่นอน ที่ทีมช่วยชีวิตกำลังมุ่งหน้ามา สิ่งนี้ทำให้โมบี้สามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำให้เขาปลอดภัยได้
ตอนนี้เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ขอเพียงแค่เขาวิ่งผ่านป่าและพยายามทำเสียงให้เบาที่สุด
ค่าสถานะใหม่ของเขาตอนนี้คือ:
-------------------------------------
ค่าสถานะ
-------------------------------------
ชื่อ: โมบี้ เคน
เผ่าพันธุ์: ปีศาจระดับต่ำ
เลเวล: 10
XP ไปยังเลเวลถัดไป 0/1000
ระดับพลัง: 1990
พลังชีวิต: 120/120
พลังปีศาจ: 25/25
อัตราการฟื้นฟูพลังปีศาจ: 12 หน่วย / ชั่วโมง
ความแข็งแกร่ง: 53
ความคล่องตัว: 98
ความอดทน: 23
ความฉลาด: 25
พลังจิต: 15
แต้มสถานะที่สามารถใช้ได้: 0
-------------------------------------
************************************
ขณะนี้ทีมทีมช่วยชีวิตอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 200 เมตรจากจุดที่นาฬิกาส่งสัญญาณ
พวกเขาเริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าที่มาจากปลายทาง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่ามีบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่กังวลมากนัก เนื่องจากอาจเคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ มันเหมือนกับว่าพวกเขาคุ้นเคยกับงานของพวกเขานั้นดี
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารมืออาชีพที่ได้พบเห็นและมีประสบการณ์มากมายในชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวกับสิ่งที่กำลังจะได้เห็น
เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาทุกคนต่างมองไปยังที่เกิดเหตุด้วยสายตาที่หวาดกลัว มันเป็นความรู้สึกที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสมาหลายปีแล้ว พวกเขาบางคนอดไม่ได้ที่จะอาเจียน ในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็นนี้
อวัยวะภายในและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน หญ้าเกือบทั้งหมดในบริเวณนั้นถูกย้อมเป็นสีแดงจากเลือดทั้งหมด
ชิ้นส่วนทั้งหมดของร่างกายผิดรูปและงอในท่าที่แปลกประหลาด ที่ส่วนของมือนั้น เล็บทั้งหมดถูกฉีกออกหมดและนิ้วก็หักไปทุกนิ้ว
ก้อนหินก้อนหนึ่งตรงนั้นแตกร้าวอย่างรุนแรง มันชุ่มไปด้วยเลือด และมีฟันจำนวนมากกระจายอยู่รอบๆ
ศีรษะของนักเรียนคนหนึ่งถูกตัดออกอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาไม่สามารถจดจำใบหน้าของเขาได้เลย เขารู้ว่าเป็นใครจากรายงานสั้น ๆ และรูปภาพที่พวกเขาได้รับมาเพื่อใช้ระบุตัวตนของนักเรียนเท่านั้น
เขาไม่มีฟัน จมูกหัก โครงสร้างกระดูกใบหน้าทั้งหมดคดและงอผิดรูป และผมบางส่วนของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวจากสีดำก่อนหน้านี้ การแสดงออกทางสีหน้าของเขาในขณะที่เขาเสียชีวิตเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจพวกเขามากที่สุด การแสดงออกของใบหน้านั้นคือ ใบหน้าของใครบางคนที่มีความหวังแบบผิด ๆ เพียงเพื่อที่มันจะถูกทำให้พังทลายในช่วงเวลาต่อมาด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทีมช่วยชีวิตไม่สามารถช่วยอะไรได้ นอกจากรู้สึกสงสารอย่างมาก นี่จะเป็นภาพติดตาสำหรับพวกเขาไปเป็นเวลาอีกหลายปี
พวกเขาใส่ชิ้นส่วนของร่างกายทั้งหมดไว้ในแหวนเก็บของอย่างไม่เต็มใจ เพื่อนำกลับไปให้พยาบาลทำการชันสูตรพลิกศพ
ขณะนี้ทีมช่วยชีวิตได้แยกออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะนำร่างของเอริคกลับมาเพื่อทำการชันสูตรพลิกศพ อีกกลุ่มจะอยู่และค้นหาในพื้นที่เพื่อหาผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องสงสัยที่อาจเป็นไปได้
************************************
ตอนนี้เป็นเวลา 23:50 น. ในที่สุด โมบี้ก็มาถึงห้องพัก ในหอพักของเขาอย่างปลอดภัย
โมบี้ควบคุมระดับพลังของเขาโดยสัญชาตญาณ ให้กลับลงมาที่ 800 ในทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู
จากนั้นเขาก็สแกนรหัสนักศึกษาของเขาเพื่อปลดล็อคสำเร็จ เมื่อเขาเอื้อมมือไปเปิดประตูเขาสังเกตเห็นมือที่เปื้อนเลือดของเขา จากนั้นเขาก็มองดูเสื้อผ้าทั้งหมดที่สวมใส่อยู่ พวกมันชุ่มโชกไปด้วยเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นเขาก็จำได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องของหอ เขาใช้ร่วมกับคนอื่น ๆ อีก 2 คน
"แม่งเอ้ย ทำไมฉันถึงได้โง่แบบนี้!" โมบี้สาปแช่งตัวเบา ๆ
ถ้าเขาเปิดประตูและเพื่อนร่วมหอพักของเขาทั้งสองคนตื่นอยู่ เขาคงจะอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มาก ๆ จากนั้นเขาคงจะต้องใช้มาตรการที่รุนแรงเพื่อปิดปากพวกเขา โมบี้ไม่ต้องการทำเช่นนั้น เพราะมันจะมีโอกาสสูงที่เรื่องพวกนี้จะย้อนกลับมาที่ตัวเขา เขาต้องเดิมพันกับโอกาสเล็กน้อยที่พวกเขาจะหลับไปแล้ว เพื่อที่เขาจะได้ทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างปลอดภัย
มือของโมบี้สั่นอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่เคยรู้สึกกังวลขนาดนี้มาตลอดชีวิต มือของเขาค่อย ๆ เอื้อมไปที่มือจับของประตู ขณะที่มันนั้นสั่นหนักกว่าเดิม เขาจับที่มือจับของประตูแน่น ใบหน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาราวกับน้ำตก ที่ไหลมาจากความเครียด
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเริ่มสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าช่วยเขา ทันใดนั้นความเครียดอย่างบ้าคลั่งที่กำลังปั่นป่วนในหัวก็ทำให้เขาเสียสมาธิ เขาเปิดประตูออกโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อมองช่องว่างของประตูที่เปิดออกเล็ก ๆ นั่น โมบี้ก็สังเกตเห็นแสงจ้าส่องผ่านเข้ามา
"บ้าชิบ! ฉันทนไม่ไหวแล้ว! ทำไมชีวิตมันมักจะโหดร้ายกับฉันแบบนี้” โมบี้สาปแช่งอยู่ในใจ ขณะที่ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของเขาฉายชัดในความรู้สึกของเขาอีกครั้ง