Chapter 536: เวลา
ตอนที่เขาผนึกคำสาป ฟางหยวนก็วิเคราะห์ความทรงจำกระจัดกระจายเหล่านั้นที่ถาโถมเข้าใส่ประสาทสัมผัสของเขา
รูปมากมายแวบผ่านดวงตาของเขาเชื่อมโยงกับภาพที่เขาเคยเห็นตอนที่ข้ามมาสู่อาณาจักรนี้เป็นครั้งแรก
“ไม่! มีข้อมูลมากกว่านี้...”
เจตจำนงเวทย์ของฟางหยวนพุ่งสูงและเขาก็มองเห็นภาพต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในทะเลความทรงจำนั้นเปลี่ยนไป
เวลาดูเหมือนจะหมุนย้อนกลับอย่างประหลาดและภาพเหล่านั้นก็เริ่มเชื่อมต่อเข้าหากัน
มันคืออุกกาบาตสีม่วงที่เป็นประกายระยิบระยับ มันมีหางที่ลุกโพลงเป็นทางยาว และตกลงมาในอาณาจักรเนตรสีม่วงนี้โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าแต่อย่างใด!
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง มันตกลงไปในโลกหลังความตาย ‘โลกภายใน’!
ตูม!
ความวุ่นวายและกระแสประหลาดนั้นเปลี่ยนโลกหลังความตายไปอย่างสมบูรณ์ และมันก็เปลี่ยนไปเป็นช่องว่างมิติอันเลวร้ายและบิดเบี้ยวอย่างยิ่ง
ถึงตอนนี้ คนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น
เขาดูดีในแบบชั่วร้ายและแผ่พลังรุนแรง เขายังแบกรับชะตากรรมอันแข็งแกร่งเอาไว้ภายในร่าง
“โลกหลังความตายนั้นผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลถานไถ ข้าจำต้องค้นลึกลงไปให้ถึงสาเหตุของเรื่องนี้!”
ด้วยความเชื่อมั่นในความสามารถของตนและความรักตระกูลของตนอย่างรุนแรง เขาทำลายกฏที่ใหญ่ที่สุด-- ผ่าน ‘ประตู’ ไปทั้งที่ยังมีชีวิต เข้าสู่โลกหลังความตาย!
ชายผู้นั้นก็คือ... ถานไถโม่เยี่ย!
โชคไม่ดี เรื่องราวนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ
ตอนที่เขาเปิดประตูสีทองแดงครั้งแรกด้วยมือมนุษย์ของเขา กฏนั้นก็ถูกทำลายลงไป ความวุ่นวายและความผิดปกติที่สั่งสมอยู่ในโลกหลังความตายมานานปีก็ถูกปลดปล่อยเข้าสู่โลกจริง คำสาปอันทรงพลังก็ถือกำเนิดขึ้น!
“ข้าจะรับผิดชอบทุกภัยพิบัติบนโลกเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่จุดกำเนิดของภัยพิบัตินี้ในโลกหลังความตายต้องได้รับการแก้ไข!”
ถานไถโม่เยี่ยมุ่งมั่นบุกทะลวงเข้าไปในโลกหลังความตาย ลึกเข้าไปในช่องว่างมิติขั้นสูง ที่ซึ่งอุกกาบาตสีม่วงเป็นประกายสถิตอยู่
…
ภาพนั้นจบลงตรงนี้ แต่ฟางหยวนก็สามารถคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“ถานไถโม่เยี่ยผู้นี้... เป็นผู้ที่ถูกกำหนดให้ยิ่งใหญ่ บางทีเขาอาจจะเป็นตัวแทนของความพยายามและการดิ้นรนของอาณาจักรนี้?”
เห็นได้ชัดเจนว่า ความพยายามของถานไถโม่เยี่ยนั้นในที่สุดแล้วก็สูญเปล่า
เขาไม่เพียงหล่นลงไปในโลกหลังความตาย แต่ความต้องการปกป้องตระกูลของตนและช่วยโลกนี้ก็ยังเปลี่ยนไปเป็นคำสาปที่ฝังรากอยู่ในหมู่บ้านผนึกปิศาจและในที่สุดแล้วยังทำลายล้างตระกูลถานไถ!
พูดให้เบาที่สุดแล้วก็คงต้องบอกว่า มันช่างย้อนแย้งเป็นที่สุด
ไม่ต้องพูดถึงว่าการกระทำของเขานั้นสุดท้ายแล้วยังถูกเหล่าทายาทของเขาเข้าใจผิด และชื่อของเขายังกลายเป็นสิ่งต้องห้ามไปด้วย
“ให้ข้าคิดดูก่อน...”
จิตใจของฟางหยวนราวกับฟันเฟืองหมุนบดอย่างรวดเร็ว
“ตั้งแต่ต้นแล้ว ก็เป็นอุกกาบาตสีม่วงที่ตกลงไปในโลกหลังความตายและเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของที่นั่น ก่อกำเนิดและแพร่พันธุ์คำสาปและความวุ่นวายทั้งหมด การถือกำเนิดของถานไถโม่เยี่ยนั้นเป็นความพยายามของโลกนี้ที่จะช่วยตัวมันเองจากความโกลาหลรุนแรงเหล่านี้งั้นหรือ?”
เจตจำนงของโลกนี้นั้นเป็นตัวตนอันแข็งกระด้าง เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันซับซ้อนเช่นนี้ มันก็ทำได้แต่เพียงรับมือด้วยวิธีการเช่นนี้เท่านั้น
โชคไม่ดี ในการใช้งานมนุษย์นั้น มักจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเสมอ
ถึงแม้ว่าถานไถโม่เยี่ยจะเติบโตแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับต้นกำเนิดปริศนา
ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขายังทำไม่ถูกต้อง และการเปิด ‘ประตู’ นั้นก็เหมือนกับการเปิดกล่องแพนโดร่า เป็นขั้นตอนสำคัญในการสาปโลกภายนอกนั่น!
“แรกเลย มันก็เป็นเพราะการเปิด ‘ประตู’ ที่เป็นผลให้ตระกูลถานไถต้องคำสาปจากประตู ถัดมา ชื่อของถานไถโม่เยี่ยเองก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นคำสาปอันไม่อาจเอ่ยถึง... การรอดชีวิตของตระกูลถานไถก็นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างแท้จริงแล้ว!”
ฟางหยวนกำหมัดแน่น
“ตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าที่ด้านหลัง ‘ประตู’ นั้นเป็นอะไร ข้าจะจัดการกับมัน!”
ถึงตอนนี้ เขาก็ถูกขับออกจากช่องว่างระหว่างมิติเวลาและกลับสู่โลกจริง
“มันถูกผนึกเรียบร้อยแล้ว... คำสาปที่สี่ของข้า!”
ฟางหยวนพึมพำกับตัวเอง
คำสาประดับผิดแผกนี้นั้นเกิดจากพลังและความมุ่งมั่นของถานไถโม่เยี่ยและถูกบิดเบือนไปโดยพลังของอุกกาบาตสีม่วงเป็นประกายนั่น มันกลายไปเป็นตัวตนอันผิดปกติที่สามารถควบคุมเวลาและมิติได้ด้วยพลังอันร้ายกาจของมัน!
ผลประโยชน์ที่ฟางหยวนได้รับจากการผนึกคำสาปนั้นยอดเยี่ยมมาก
“ชื่อ: ฟางหยวน (ถานไถเมี่ยหมิง)
พลังกาย: 50.0 (100)
พลังลมปราณ: 50.0 (100)
พลังเวทย์: 50.0 (100)
สายวิชา: นักปราบผี
วิทยายุทธ์: ปราบผี (สูงสุด), การปรุงยา (สูงสุด), วิชาคว้าจับกรงเล็บอินทรี (สูงสุด)
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 6)], [เนตรเพลิงสีทอง (ระดับ 1)], [ร่างผนึกวิญญาณ (ระดับ 4)]”
‘ร่างผนึกวิญญาณ (ระดับ 4): ร่างกายนี้เป็นอาวุธที่สามารถผนึกผีร้ายได้ เจ้าสามารถผนึกผีใด ๆ ที่เจ้าได้พบเข้าไปในร่างของเจ้า! เจ้าอยู่ที่ระดับสี่ และสามารถผนึกผีร้ายได้ 4 ตน! เจ้าสามารถเลือกปลดปล่อยผีออกจากร่างได้!’
“หลังจากค่าสถานะเพิ่มขึ้น ข้าก็จะมีความสามารถในการควบคุมมิติเวลา?”
ฟางหยวนปลดปล่อยผนึกออกเล็กน้อย
คำสาปอันไม่อาจเอ่ยถึงนี้นั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคำสาประดับผิดแผก แต่กลับมีผลต่อฟางหยวนเพียงเล็กน้อยเมื่อปลดปล่อยออกมา เส้นผมของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีเงินยวงของน้ำแข็ง
“การผสานคำสาประดับผิดแผกทั้งสามเกือบจะสมบูรณ์แล้ว!”
ฟางหยวนนั้นพึงพอใจกับความก้าวหน้าของตนมาก
“ในห้าปีต่อจากนี้ ต่อให้ข้าสามารถผนึกปิศาจได้เพียงปีละหนึ่งตน ข้าจะก็สามารถผนึกอุกกาบาตสีม่วงนั้นได้โดยสมบูรณ์เมื่อวัฏจักรยี่สิบปีวนมาอีกครั้ง!”
เขาสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าอุกกาบาตสีม่วงนั้นเป็นสิ่งที่ตัวตนระดับสูงกว่าทิ้งเอาไว้ในอาณาจักรนี้ เป็นสิ่งซึ่งน่าจะนำมาจากอาณาจักรหัวใจปิศาจ
มีเพียงแค่สิ่งที่หลงเหลือเอาไว้โดยตัวตนระดับสูงกว่าที่สามารถฝ่าฝืนกฎแห่งธรรมชาติถึงจะทำให้เกิดหายนะกระจายไปทั่วโลกได้
“นี่คือ... หมู่บ้านผนึกปิศาจ?”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ ที่เป็นผืนหญ้าขจีและพบว่าหมู่บ้านเดิมนั้นถูกทำลายไปแล้ว
หลังจากฟางหยวนจัดการกับคำสาปนั้นแล้ว วิญญาณที่ในหมู่บ้านก็หายไป เส้นเวลาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติตอนที่เขามาถึงหมู่บ้านนี่ครั้งแรก
“ข้าสงสัยว่าเจี๋ยเส่อกับคนที่เหลือกำลังทำอันใดอยู่กัน?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขาแก้ปัญหาเรื่องคำสาปได้แล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถทนรับมือเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง พวกเขาก็น่าจะปลอดภัย
“หืม? นั่นใคร?”
ฟางหยวนวิ่งตามเสียงวุ่นวายไป
ในหมู่บ้าน ตรงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของคุณนายตงฮวานั้นกลายเป็นกองเศษซากกองหนึ่ง
“อมิตาภพุทธ... กรุณารับคำขออภัยจากอาตมา ประสกหม่า ประสกฟางหยวนนั้นสละตนเองเพื่อทำลายคำสาปของหมู่บ้านนี้และช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณนับสิบ เขาได้สะสมกรรมดีและคงจะได้ขึ้นสวรรค์หลังจากเสียชีวิตไป!”
เป็นเสียงที่คุ้นเคย ย่อมต้องเป็นพระเจี๋ยเส่อ แต่มันกลับเป็นเสียงที่ทุ้มต่ำกว่าเดิมมาก
“ไม่... ฉันเชื่อว่าพี่ฟางหยวนไม่ตายไปง่าย ๆ เช่นนี้ เขาน่าจะถูกกักเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง!”
นี่ก็เป็นอีกเสียงที่ฟางหยวนคุ้นเคยเช่นกัน เป็นหม่าเสี่ยวหลิง
‘ทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้? แล้ว... ทำไมเจี๋ยเส่อถึงได้แน่ใจนักว่าข้าตายแล้ว?’
ฟางหยวนสงสัยและเลือกที่จะไม่ปรากฏตัวออกไปเดี๋ยวนั้น
“อาตมาก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเช่นกัน แต่อาตมาได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหลายคนและพวกเขาล้วนบอกอาตมาว่าเมื่อคำสาปถูกทำลาย ผู้รอดชีวิตทั้งหมดย่อมกลับมาสู่ปัจจุบัน...”
เจี๋ยเส่อถอนหายใจและนำกระถางธูปออกมาเตรียม เขาจุดธูป และจากนั้นก็เริ่มสวดมนต์
“ไม่... ไม่มีทาง มันเพิ่งผ่านไปห้าปีเท่านั้น!”
เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ฟางหยวนจึงพบว่าหม่าเสี่ยวหลิงนั้นสลัดรูปลักษณ์วัยเยาว์ของเธอทิ้งไปแล้วและเปลี่ยนไปเป็นสาวงามผู้หนึ่ง
“คนผู้นั้นไม่ตายง่าย ๆ หรอก ฉันไม่เชื่อ ต่อให้เป็นอีกสิบปี หรือห้าสิบปี!”
“เฮ่ย... เด็กโง่ ผ่านมาห้าปีโดยไม่มีข่าวคราวใด ๆ ย่อมหมายถึงข่าวร้าย... เขาจากไปแล้ว หลายคนก็ทุกข์ตรม...”
เจี๋ยเส่อสวดมนต์เสร็จก็ถอนหายใจอีกครั้ง
“หะ... ห้าปี?!”
ในใจฟางหยวนนั้นมีเสียงกริ่งเตือนดังลั่น
“ข้าจากไปถึงห้าปี?”
ฟางหยวนรีบสงบใจลงและพิจารณาเจี๋ยเส่อและหม่าเสี่ยวหลิงอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเหตุใดพวกเขาถึงได้ดูประหลาดตา
เจี๋ยเส่อและหม่าเสี่ยวหลิงนั้นดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วตอนนี้ มันเหมือนกับพวกเขาอายุเพิ่มขึ้นห้าปีในชั่วข้ามคืน!
“บ้าชะมัด!”
ฟางหยวนเข้าใจได้แล้วตอนนี้
“มันเป็นเพราะคำสาปมิติเวลานั่น! เวลานั้นบิดผันในช่องว่างมิตินั้นและประกอบกับการผนึกและย่อยตัวตนนั้นในช่องว่างของมิติเวลา ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้สึก แต่ห้าปีก็ผ่านไปในระหว่างกระบวนการนั้น! มันต้องเป็นผลงานของคำสาปนั่น!”
คำสาปมิติเวลานั้นไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่มันก็ขโมยเวลาห้าปีของชีวิตเขาไป!
นี่เป็นความเสียหายใหญ่หลวงของฟางหยวน
“เฮ่ย... กระทั่งประสกฟางยังจากไปแล้ว คำสาปก็กระจายไปทั่วโลก ตามข้อมูลที่อาตมามี ตระกูลถานไถนั้นเผชิญหน้ากับวัฏจักรยี่สิบปีอีกครั้งแล้ว กระทั่งถานไถกุ่ยหูก็ยังหนีไม่พ้นในคราวนี้ เขาได้เตรียมตัวจากไปสู่คฤหาสน์ถานไถและเตรียมเข้าสู่นรก... มีคำทำนายว่าหากตระกูลถานไถล่มสลายไป ความสยองขวัญอันแท้จริงก็จะปรากฏขึ้นในโลกนี้! มันจะกลายเป็นนรกบนดิน!”
“นักปราบผีในรุ่นของอาตมาจะทำทุกอย่างที่พวกเราทำได้เพื่อเอาชนะนรกนั่นและแก้วิกฤตครั้งนี้!”
ใบหน้าเจี๋ยเส่อเผยแววมุ่งมั่น
“หากประสกฟางกำลังมองพวกเราจากบนสวรรค์ เขาจะช่วยพวกเรา”
“ท่านพูดถูก ฉันช่วยท่านแน่นอน!”
ฟางหยวนจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังกระถางธูปพร้อมหัวเราะ
เจี๋ยเส่อถอยกรูดไปหลายหลาและตั้งท่าป้องกัน
“เฮ่ย! แกเป็นปิศาจชนิดไหนกัน?”
“อ๊า!”
หม่าเสี่ยวหลิงกรีดร้องและขว้างขวดน้ำยาใส่ฟางหยวน
“ฉันบอกว่า...”
ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้ออย่างง่าย ๆ และผลักน้ำยาออกไปจากร่าง เขาดูรำคาญนิด ๆ
“เธอไม่เชื่อว่าฉันตายแล้ว แต่พอเห็นหน้ากลับขว้างน้ำยาใส่ฉัน นี่เธอหมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย?”
“อมิตาภพุทธ ประสกเป็นคนหรือว่าประสกเป็นผี?”
เจี๋ยเส่อเหยียดตัวตรงแล้วถามอย่างระมัดระวัง
อย่างไรเสีย ฟางหยวนนั้นก็เก่งกาจเกินรับมือตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ หากเขาตาย เขาอาจจะกลายไปเป็นตัวตนอันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคำสาปมิติเวลา!
“เป็นคนแน่นอนสิ!”
ฟางหยวนกลอกตา
“มันก็แค่ฉันใช้เวลานานไปสักหน่อยในช่องว่างมิติเวลาจัดการกับคำสาปนั่น มันผ่านมาห้าปีแล้วเหรอ? มีผู้ใดรอดชีวิตอีกบ้าง?”
“ประสกคือประสกฟางจริง ๆ น่ะหรือ? ... ตอนนั้น อาตมาถูกลากเข้าไปในอีกมิติหนึ่งและถูกบีบให้ต้องรับมือกับกองทัพผีนับไม่ถ้วน อาตมาเกือบจะได้ไปพบกับพระพุทธองค์แล้ว...”
เจี๋ยเส่อไม่แน่ใจว่าจะเชื่อฟางหยวนได้หรือไม่ แต่ก็ยังตัดสินใจเล่าเรื่องราวออกไป
“โชคดี กองทัพผีสลายไปในนาทีสุดท้ายและอาตมาก็ถูกพากลับมาที่จุดเดิม หลังจากนั้น อาตมาก็พบกับถานไถกุ่ยหูที่ทางเข้าหมู่บ้าน ตอนนั้น ทุกคนในหมู่บ้านก็หายไปโดยไร้ร่องรอย ... พวกเราสองคนอยู่รอประสกที่นี่ถึงสามเดือน แต่ก็ไร้ผล ในที่สุด พวกเราก็ยอมแพ้แล้วจากไป”