Ep.189 - งานเลี้ยงตระกูลซิน
3/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.189 - งานเลี้ยงตระกูลซิน
หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์นองเลือด แล้วเดินทางกลับสู่สถานชุมชน สภาพแวดล้อมช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่นี่แสนสงบสุข ไม่มีการหลั่งเลือดหรือต่อสู้ใดๆ ตลอดทั้งช่วงดึก ฉินเฟิงเลยหลับสนิทราวกับเด็กทารก
วันถัดมา ฉินเฟิงเดินทางสู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
สถานะในปัจจุบันของเขากับในช่วงก่อนหน้านี้ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
--เพราะปัจจุบันเขาคือผู้ใช้พลังในเลเวล E !
ตำแหน่งนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงยอดปิรามิดของสถานชุมชนเฉิงเป่ย!
อาสาสมัครที่เดินผ่านไปผ่านมา ทั้งหมดเหลียวมองฉินเฟิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงมีคนใหญ่คนโตมากมายมายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
ชายคนนั้นพึมพำ เฝ้ามองฉินเฟิงกับไป๋หลีมุ่งหน้าสู่ห้องผู้อำนวยการ
เมื่อเข้าไปใกล้ห้องผู้อำนวยการ ก็สามารถได้ยินเสียงที่ดังลอดออกมา
“ผู้อำนวยการหลิน ทำไมคุณต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย? อยากให้ลงมือจริงๆใช่ไหม? ระวังตัวไว้เถอะ กระดูกผุๆอย่างคุณ จะทนได้สักแค่ไหนเชียว!”
หลินเต๋อหรงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแฝงความโกรธเล็กน้อย
“เหอะ! ถึงกระดูกฉันจะผุ แต่ก็มีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ คิดหรือว่าฉันจะยอมง่ายๆ!”
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนไปทันใด
กำลังภายในถ่ายเทลงตามน่องและเท้า ย่ำลงกับพื้น ดีดตัวไปข้างหน้า ไม่กี่ก้าวก็มาถึงประตูห้องผู้อำนวยการและ--
--ปัง!
ฉินเฟิงเตะเปิดประตูอย่างไม่ลังเล
ภายในห้อง หลินเต๋อหรงกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะผู้อำนวยการเหมือนทุกที ขณะเดียวกันก็มีอีกคนหนึ่ง เป็นชายที่มีท่าทีหยิ่งผยองนั่งอยู่ตรงข้ามเขา โดยยกสองเท้าขึ้นวางพาดลงบนโต๊ะ
ชายแปลกหน้าได้ยินเสียงประตูดัง แม้จะแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดหันมา เขาเดาว่าคงไม่พ้นเป็นครูของสถานเลี้ยงเด็ก ที่ได้ยินเสียงตนข่มขู่หลินเต๋อหรง เลยอยากเสนอหน้าเข้ามาห้ามปราม
อย่างไรก็ตาม การกระทำแบบนี้มันก็ไม่แตกต่างไปจากมดคิดจะล้มช้าง!
“ไสหัวไปให้พ้น! ไม่ใช่เรื่องของแก!” ทั้งคนทั้งร่างของชายคนนั้นปะทุเดือดด้วยแรงกดดันทรงอำนาจ และมันช่วยบ่งบอกว่าเขาคือผู้ใช้พลังเลเวล F ระดับสูงสุด!
หลินเต๋อหรงเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือฉินเฟิง แววตาเขาก็ส่อถึงความกังวล แต่ในพริบตาเดียว มันก็กลายเป็นความตกตะลึง
ที่ตะลึง เพราะสายตาที่เขามองไปทางอีกฝ่าย บนหน้าอกของฉินเฟิงเวลานี้ปรากฏโลโก้เลเวล E แปะอยู่!
“ไสหัวไปให้พ้นอย่างงั้นหรอ? บางทีตอนนี้ ที่น่าจะม้วนหางกลับไปคงเป็นแกมากกว่า!” ฉินเฟิงกล่าวด้วยความโกรธ ย่างสามขุมมาข้างหน้า
เวลานี้ ชายแปลกหน้าตระหนักได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากแรงกดดันของตนเองเลย แต่ยังไม่ทันได้ตกใจ วินาทีถัดมา ทั้งร่างของเขาก็เริ่มเอนไปข้างหลังด้วยแรงดูดมหาศาล
ราวกับเป็นก้อนเนื้อไร้กำลัง ที่กำลังจะถูกโยนทิ้งไป
โชคยังดีที่เขาเตรียมตัวเอาไว้อยู่แล้ว สองมือตบลงบนที่วางแขนเก้าอี้ สองเท้าหยั่งลงบนโต๊ะเบาๆ ทั้งคนทั้งร่างดีดกายลอยคว้างกลางอากาศ ก่อนจะหมุนตัวไปอีกทางหนึ่ง ร่อนลงมาอย่างสวยงาม เผชิญหน้ากับฉินเฟิง
ฉินเฟิงในเวลานี้ มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก หลังจากที่ชายคนนั้นเห็น จึงระบุตัวตนของฉินเฟิงได้ทันที เขาอุทานตกใจ
“ฉินเฟิง!”
คิ้วของฉินเฟิงขมวดเข้าหากัน อีกฝ่ายเหมือนจะรู้จักตน ‘เป็นไปได้ไหม ว่าในครั้งนี้ เขามาคุกคามหลินเต๋อหรงเพราะมีเป้าหมายคือฉัน?’
ในจังหวะเดียวกัน หลังจากที่ชายคนนั้นสามาถระบุตัวตนของฉินเฟิงได้ เขาก็เลื่อนระดับสายตาลงมา มองไปยังหน้าอกของฉินเฟิง และเริ่มสั่นสะท้านอย่างไม่อยากจะเชื่อ
--เลเวล E !
ช่วงเวลานี้ ท่าทีหยิ่งผยองตลอดมาพลันหดหาย เม็ดเหงื่อขนาดเท่าลูกปัดเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก กลายเป็นตื่นตระหนกอย่างหาที่ใดเปรียบ
“ทำไมหรอ? หรือจู่ๆก็กลายเป็นใบ้? เมื่อกี้ยังเห็นเก่งอยู่เลย” ในแววตาของฉินเฟิงสาดประกายสังหาร
อีกฝ่ายจะใช้วิธีอะไรมาคุกคามตนเอง ฉินเฟิงไม่เกี่ยง แต่หากคิดมาคุกคามคนรอบข้างเขา ฉินเฟิงมีหรือจะยอม?
ไม่ว่าจะหลินเต๋อหรง , โจวฮ่าว ล้วนเป็นคนที่ฉินเฟิงเปลี่ยนแปลงโชคชะตา ดังนั้นเขาไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้
เพราะนั่นคือข้อพิสูจน์ว่าเขาสามารถต่อต้านฟ้าดินได้!!
ชายคนนั้นเมื่อได้ยินคำถามของฉินเฟิง ก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
มิอาจเปล่งวาจาก้าวร้าวได้อีกต่อไป กระทั่งกลืนน้ำลายลงคอยังยากลำบาก สุดท้ายฝืนใจตัวเองกล่าวว่า
“ฉิน … ไม่สิ ผู้ว่าการฉิน ฉันคือพ่อบ้านตระกูลซิน ที่มาในคราวนี้ เพราะอยากจะเชิญคุณ เข้าร่วมงานวันเกิดครบรอบ 60 ปีของท่านผู้นำตระกูล”
ฉินเฟิงหัวเราะหยัน
“ตระกูลซินของคุณ มีวิธีการเชิญผู้คนที่วิเศษจริงๆ”
หลินเต๋อหรงเก็บกำลังภายในกลับคืน เดิมเขาต้องการยอมสู้ตายอย่างมีเกียรติ ดีกว่าอยู่อย่างไร้ซึ่งมัน แต่ใครจะไปคิด ว่าจะเป็นอีกครั้งที่ฉินเฟิงทำให้เขาต้องประหลาดใจ
นับตั้งแต่การฉีดยากระตุ้นพลัง เวลาเพิ่งผ่านไปได้แค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง แต่ฉินเฟิงกลับสามารถทะยานขึ้นมาได้ถึงจุดนี้!
เป็นพัฒนาการที่รวดเร็วชนิดต่อต้านสวรรค์ชัดๆ!
“ทุกครั้งที่ใกล้ถึงวันเกิดของผู้นำตระกูลซิน พวกเขามักจะเชื้อเชิญแขกจากทุกสารทิศ นอกจากนี้ยังมีการประชันศิลปะการต่อสู้ภายในงาน และมอบทรัพยากรเป็นรางวัล ไม่ว่าจะทายาทรุ่นเยาว์ตระกูลซินหรือบุคคลทั่วไปก็สามารถเข้าร่วมได้ ดังนั้นพวกเขาเลยส่งคนมาเชิญ … แต่งานเลี้ยงในครั้งนี้ต้องแฝงจุดประสงค์ร้ายเอาไว้แน่ๆ” หลินเต๋อหรงกล่าวเสียงหม่น
ซึ่งที่อธิบายไปข้างต้นนี่เอง คือเหตุผลที่ว่าทำไมหลินเต๋อหรงถึงปฏิเสธคำเชิญจากตระกูลซิน
แต่เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านที่มาเชิญกลับคิดทำร้ายหลินเต๋อหรง แล้วลักพาตัวเขาไป เพื่อบีบบังคับให้ฉินเฟิงยินยอมบุกเข้าถ้ำเสือด้วยตนเอง
แต่ยังไม่ทันจะเริ่มต้น ฉินเฟิงก็ดันมาจับโป๊ะได้ซะก่อน
ฉินเฟิงย้อนนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ หลักจากคิดตริตรอง เขาก็เข้าใจ
“ผู้อำนวยการ ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณต้องเจอกับอะไรแบบนี้”
“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”
ขอแค่มีฉินเฟิง อะไรมันก็ดูเหมือนจะกลายเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยจริงๆ
แต่สำหรับพ่อบ้านตระกูลซิน … นี่มันเรื่องใหญ่!
สายตาของฉินเฟิงเบนกลับมาที่พ่อบ้านอีกครั้ง แววตาที่อ่อนโยนในยามมองหลินเต๋อหรง แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
“ในเมื่อมาเชิญถึงที่กันขนาดนี้ ตกลง ฉันจะไป ส่งจดหมายเชิญมา!” ฉินเฟิงตะคอกสั่ง
พ่อบ้านชักฝีเท้าถอยไปหลายก้าว เขาไม่กล้าหันหลังให้ฉินเฟิง พยายามเอื้อมมือไปคลำๆลงบนโต๊ะทำงานของหลินเต๋อหรงอย่างกระวนกระวาย เมื่อสัมผัสได้ถึงบัตรเชิญสีทอง ที่แต่เดิมถูกวางทิ้งไว้อย่างหยิ่งผยอง เขาก็หยิบมันขึ้นมา และยื่นให้แก่ฉินเฟิง
“ผู้ว่าการฉิน ในเมื่อฉันส่งคำเชิญเสร็จสิ้นแล้ว ก็ไม่คิดรบกวนอะไรอีก ขอตัวลา!”
พ่อบ้านแทบรอไม่ไหว อยากจะวิ่งหนีไปตอนนี้ให้มันพ้นๆ
แต่คนอย่างฉินเฟิง มีหรือจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปง่ายๆ?
อย่างแรกเลย หากวันนี้ฉินเฟิงไม่ตั้งใจมาพบกับหลินเต๋อหรง มันจะเกิดอะไรขึ้น?
ดังนั้น เจ้าสารเลวคนนี้จะต้องได้รับบทเรียน!
“ฉันบอกตอนไหนว่าจะปล่อยคุณไป?” ฉินเฟิงวางมือลงบนไหล่ของชายคนนั้นโดยตรง ทางฝั่งพ่อบ้าน มิใช่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะหลบเลี่ยง แต่ตนกลับค้นพบว่าไม่อาจหลบเลี่ยงได้ต่างหาก
“ก่อนหน้านี้คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณพยายามที่จะหักกระดูกของผู้อำนวยการใช่ไหม? ได้ งั้นเรามาดูกัน ว่าถ้าเป็นตัวคุณเองที่โดน มันจะรู้สึกยังไง!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ มือของฉินเฟิงก็พลันเกร็งแน่น
เป๊าะ!
เสียงกระดูกหักดังลั่น สะบักไหล่ของพ่อบ้านถูกฉินเฟิงบดขยี้จนแตกเป็นเสี่ยงอย่างกระทันหัน
“อ๊า!” พ่อบ้านกรีดร้องน่าสังเวช
ฉินเฟิงเอื้อมไปคว้าจับไหล่อีกข้างของอีกฝ่าย เพราะยังไงซะ พ่อบ้านก็เป็นแค่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F9 มีหรือจะสามารถขัดขืนเขา?
มองไปยังมือของฉินเฟิงที่สลับตำแหน่งไปอีกทาง พ่อบ้านก็อดไม่ได้ที่จะหน้าซีดเผือด เร่งเร้ากำลังภายในออกไปปกป้องร่างกาย
ปัง!
ฝ่ามือของฉินเฟิงตกลงบนไหล่อีกข้างอีกครั้ง --หนึ่งกำลังภายในปะทุโหมขึ้นมาปกป้อง อีกหนึ่งกำลังภายในระเบิดฟาดตบลงมา พริบตาเดียว ผลลัพธ์ก็ถูกตัดสิน
เป๊าะ
สะบักไหล่อีกข้างส่งเสียงดังลั่น
คราวนี้พ่อบ้านกัดฟันไม่กรีดร้องออกมา เร่งเร้ากำลังภายในลงสู่ขา พุ่งปราด ฉีกออกไปอีกทางอย่างกระทันหัน
ความรวดเร็วนี้ว่องไวเป็นอย่างมาก พ่อบ้านตระกูลซินหักใจไม่พุ่งไปทางฉินเฟิงที่ขวางประตู เขาหักเลี้ยว และ --กระโจน!
เพล้ง!
เสียงกระจกแตกร้าว อีกฝ่ายตัดสินใจช่างหัวเรื่องภาพพจน์ ยอมกระโดดหนีลงจากหน้าต่าง!
สำนักงานของหลินเต๋อหรงตั้งอยู่ชั้นบนสุด การกระโดดลงจากที่นี่ หากเป็นคนธรรมดา จะต้องตายแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ สถานการณ์จะแตกต่างออกไป ผลปรากฏว่าสองเท้าของพ่อบ้านประกบลงบนพื้นผนังราวกับตีนตุ๊กแก สับฝีเท้าไต่ลงสู่เบื้องล่าง เผ่นหนีสุดกำลัง
ฉินเฟิงเดินเข้าไปใกล้หน้าต่าง พลังสมาธิถูกกระตุ้นใช้งาน เศษกระจกที่แตกร้าวมิได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน หนึ่งมือวาดออก ระเบิดกำลังภายในอย่างบ้าคลั่ง ถ่ายเทลงไปในเศษกระจกเหล่านี้
“ไปเลย!”
เศษซากกระจกแหลมนับไม่ถ้วนพุ่งลงสู่เบื้องล่าง
แม้ระยะทางจะไกล แต่ก็สามารถได้ยินถึงเสียงร้องน่าเวทนา พร้อมกับเสียงโครม! ของบางสิ่งบางอย่างร่วงกระแทกลงกับพื้น