เรื่องสยองที่ 34 : คุณเป็นใคร (Part 2)
เธอเป็นอดีตไปแล้ว เข้าใจบ้างไหม
ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ฉันควรเริ่มใหม่
แต่ว่าภาพของเธอ มันยังไม่หายไป
จะทำอย่างไรก็ยังไม่ลืมเธอสักที
เธอเป็นอดีตไปแล้ว ฉันเองก็รู้
ติดอยู่แค่ใจมันคิดถึงวันที่ดี
มันคงมีสักวัน ที่ลืมได้สักที
ก็ได้แต่หวังให้ความเจ็บปวดในวันนี้ กลายเป็นอดีตไป*
MEAN - เป็นอดีต
หัวร้อนด้วยอารมณ์โกรธที่ถูกพี่น้ำอำแรง ๆ ใส่ หลังจากเข้าไปอยู่ในห้องเจ้าตัวได้ไม่นาน กลับมาห้องของตัวเองก็เจอไอ้คีย์เปิดทีวีฟังเพลงประกอบเศร้า ๆ เข้าไปอีก ผมงี้ถึงกับอยากลุกไปห้องห้องน้ำ แล้วเปิดฝักบัวแรง ๆ ให้น้ำไหลมาที่หัวแล้วนั่งลงชันเข่าเป็นพระเอกเอ็มวีซะให้ได้เดี๋ยวนั้น อะไรมันจะจังหวะดีเหลือเกิน เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
ผมเองตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าพี่น้ำรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ มันมีหลายครั้งที่ดูเหมือนพี่น้ำก็แคร์ผม แต่ก็นั่นแหละ เจ้าตัวไม่เคยพูดออกมา ผมเดินหน้าจีบเต็มที่แล้วจนถึงวันนี้ แต่สิ่งที่เจ้าตัวทำเมื่อกี้มันก็ทำให้อดน้อยใจไม่ได้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมรีบเข้าไปหาเธอหลังจากฟื้นด้วยความเป็นห่วง ทำไมถึงเอาความหวังดี ความเป็นห่วงของผมไปล้อเล่นแบบนั้น
มันไม่ตลกเลย ...
พี่น้ำกลับเข้าร่างตัวเองได้แล้วด้วย เราสองคนคงไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ผมแอบกลัวคำตอบของพี่น้ำเหลือเกินถ้าถามออกไป ยิ่งเมื่อตอนก่อนเข้าไปหาเธอ เจอกับพี่เอก เห็นทั้งสองคนนั้นคุยกันกระหนุงกระหนิงหัวเราะออกมาเบา ๆ แทบอยากเข้าไปแทรกกลาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ก็คนเขาเป็นแฟนกันนี่เนอะ ...
คิดแล้วก็ปวดใจ แถมเมื่อกี้ยังไปทำหน้าโกรธใส่เจ้าตัวอีก ... พี่น้ำจะเทใจไปให้ไอ้พี่เอกหรือเปล่านะ ยิ่งคิดยิ่งสับสน ความคิดอะไรมากมายไหลเข้ามาที่หัวเต็มไปหมด
ผมว่าผมพลาดไป ผมต้องทำตัวให้คูลกว่านี้ซิ โอ๊ย ! โธ่เว้ย !
แล้วผมก็เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้เนี่ยนะ เริ่มสับสนตัวเองว่าควรโกรธพี่น้ำดีหรือเปล่า
“โว้ย ! ไอ้คีย์ มึงเปลี่ยนช่องได้ไหมวะ” ผมร้องออกไป เสียงเพลงเศร้า ๆ ที่ดังเข้าหูตอนนี้ทำเอาอารมณ์ผมฟุ้งซ่านไปหมด ผมกลับมานอนบนเตียงคนป่วยเรียบร้อยแล้ว หันหน้าไปมองไอ้คีย์ที่นั่งดูเอ็มวีเพลงในทีวีเพลิน ๆ มันหันมามองผมแปบหนึ่ง ก่อนใบหน้านิ่ง ๆ จะขมวดคิ้วเล็กน้อยเหลือบมองต่อไปที่ไอ้ชา
“ไอ้ชา เพื่อนมึงเป็นไรวะ” ไอ้คีย์พูดออกมา
“มันอารมณ์เสียนิดหน่อย โดนพี่น้ำอำใส่” ไอ้ชาพูดตอบไอ้คีย์ไป
“ไอ้ชา เมื่อกี้กูทำหน้าโกรธมากเปล่าวะ” ผมถามไอ้ชา คิดได้ว่าบางทีเมื่อกี้อาจจะทำตัวไม่ค่อยดีเท่าไร นึกถึงตอนที่ผมเคยแอบไปขโมยจูบพี่น้ำตอนนอน แล้วไปโมโหโกรธใส่เขา จำได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่โอเคเลย ทั้งกับพี่น้ำและผม
“หึ ๆ กูยังกลัวเลย มึงทำหน้าอย่างกับจะแดกหัวพี่น้ำเข้าไป” ไอ้ชาตอบผมกลับมา
นี่มันพูดจริงพูดเล่นเนี่ย
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“นี่อยากบอกนะว่ามึงหายโกรธเขาแล้ว ทำหน้าอย่างกับคนสำนึกผิด” ไอ้ชาพูดต่อ
“เปล่าเว้ย ก็ยังโกรธอยู่ แต่แบบ ... ไอ้ที่กูทำไป มันทำให้กูเสียคะแนนเปล่าวะ กูรู้สึกเหมือนกูทำตัวไม่คูลเลยว่ะ” ผมพูดหันหน้าไปปรึกษาไอ้ชา
“โห มึงมาคิดอะไรตอนนี้ มึงทำไปแล้ว แต่จริง ๆ มึงไม่ผิดนะ มึงมีสิทธิที่จะโกรธพี่น้ำ ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“ไม่คิดได้ไงวะ กูไปทำท่าทางแบบนั้นใส่เขา จริง ๆ โกรธก็ส่วนโกรธ โกรธแล้วไม่ได้หมายความว่ากูยอมแพ้เรื่องเขานี่หว่า กูสับสนว่ะ กูควรไปง้อเขาเปล่าวะ” ผมถามมันออกไป
“มึงนี่มันเป็นคนเข้าถึงยากจริง ๆ ไอ้อิฐ กูละปวดประสาท จะโกรธหรือจะไปง้อเลือกสักทาง แต่กูว่านะ เดี๋ยวพี่น้ำก็ต้องมาง้อมึงเอง เขาอำแรงเกินไปจริง ๆ เป็นกู กูโกรธ มึงอยู่เฉย ๆ นี่แหละ” ไอ้ชาตอบกลับมา
“มึงคิดงั้นหรอวะ”
“ไหนมึงเล่าให้กูฟังดิ๊ เขาอำไรมึง” ไอ้คีย์พูดขึ้นมาบ้างหลังจากฟังผมกับไอ้ชาคุยกันสักพัก มันคงทนไม่ไหวเลยต้องถาม ว่าแล้วผมก็เล่าเรื่องที่พี่น้ำอำให้ไอ้คีย์ฟัง
“ตกลงกูเข้าไปคุยกับเขาอีกรอบเย็น ๆ ดีเปล่าวะ”
“เฮ้ย ! มึงไม่ได้ทำไรผิดไอ้อิฐ เชื่อพวกกู ไม่ต้องเข้าไปหา รอเขามาง้อมึง มึงจะได้รู้ด้วยไงว่าเขาคิดยังไงกับมึงกันแน่” ไอ้คีย์พูด
“พวกมึงมั่นใจหรอ ไม่ใช่ไอ้พี่เอกแย่งกูทำคะแนนหมดแล้วนะ”
ยิ่งตอนนี้พี่น้ำกลับเข้าร่างเดิมได้แล้ว แถมมีพี่เอกนั่งเฝ้าอยู่ในห้องอีก หมดกัน ...
“จากที่กูเชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงเป็นอย่างดี กูมั่นใจ 99.99% พี่น้ำต้องมาง้อมึงแน่นอน มึงทำท่าโกรธใส่เขาซะขนาดนั้น” ไอ้ชาพูดอย่างมันใจ
โอเค ผมเชื่อพวกมันก็ได้ ...
สองวันผ่านไป ...
หมอก็ให้ผมออกจากโรงพยาบาลได้ พี่น้ำไม่ได้เข้ามาหาผมเลย ไหนไอ้ชาบอกว่าพี่น้ำจะเข้ามาง้อผมไงวะ ตอนนี้จะออกโรงพยาบาลแล้วยังไม่เห็นหน้าเจ้าตัวสักนิด จนผมหายโกรธพี่น้ำไปนานแล้วเนี่ย สองวันที่ผ่านมาโคตรจะหงุดหงิดตัวเอง จะแวะเข้าไปหาพี่น้ำที่ห้อง ไอ้เพื่อนสองตัวก็บอกว่าไม่ต้องไป ให้รอก่อน ผมนี่โคตรอึดอัดเลย
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดของโรงพยาบาลเป็นชุดธรรมดา ก่อนออกจากห้องคนป่วยลงไปชั้นล่างของโรงพยาบาลเพื่อไปรอไอ้คีย์ ไอ้คีย์บอกจะแวะเข้ามารับผมสาย ๆ เพราะวันนี้พวกมันมีเรียนกันตอนเช้า สักพักก็มีเสียงมือถือดังขึ้นมาจากไอ้คีย์ มันบอกว่าอีกสักแปบจะเข้ามา ให้ไปรอที่ร้านกาแฟด้านล่างของโรงพยาบาล
“โอเค งั้นกูรออยู่ที่ร้านกาแฟชั้นล่างโรงพยาบาลนะ” ผมพูดออกไป ก่อนกดวางสายจากไอ้คีย์ เดินเข้าไปนั่งรอมันในร้านกาแฟ สั่งโกโก้เย็นมากินอีกแก้ว ถ่ายรูปแก้วโกโก้หนึ่งรูป เปิดไอจีตัวเองมาอัพรูปเหมือนปกติเช่นทุกวัน แต่วันนี้การแจ้งเตือนมันเยอะผิดปกติจนผมต้องจิ้มไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เฮ้ย !”
ผมร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นรูปตัวเองเกือบสิบรูปอยู่ในไอจี ตามมาด้วยสายตาของคนที่มองมาทั้งร้าน จนผมต้องก้มหัวน้อย ๆ เป็นเชิงขอโทษ ก่อนก้มลงมองมือถือของตัวเองต่อ ผมไม่เคยอัพรูปคนหรือรูปตัวเองลงไอจีเลย มีแต่รูปต้นไม้ใบหญ้า กาแฟ ภูเขา ทะเล แต่วันนี้มันมีรูปของผมที่อยู่ในไอจีเกือบสิบรูปที่ผมไม่ได้อัพเอง มันคือรูปที่ผมถ่ายให้กับพี่น้ำตอนที่เราไปเดินเที่ยวถ่ายรูปกัน
ต้องมีคนเอาแลปท็อปผมไปอัพรูปแน่ เพราะในนั้นผมก็ล็อกอินไอจีไว้ด้วย
จะเป็นใครไปไม่ได้ ... ถ้าไม่ใช่พี่น้ำ
คิดไม่ทันไร พอเงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือก็เห็นพี่น้ำนั่งอยู่ตรงข้าม เจ้าตัวส่งยิ้มให้ผมน้อย ๆ เหมือนคนรู้สึกผิด
อย่ามาทำหน้าทำตาแบบนั้น ...
ผมใจอ่อนไปตั้งนานแล้ว ...
“พี่น้ำ”
“พี่มารับแทนคีย์ มีเรื่องจะคุยด้วย เดี๋ยวพาไปส่งที่คอนโด” พี่น้ำพูด ก่อนลุกขึ้นเดินนำผมไปที่รถของเจ้าตัว ผมไม่ได้พูดอะไรเดินตามพี่น้ำไป
แค่นี้ก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว นึกว่าเขาจะไม่มาง้อผมซะแล้ว
“หายโกรธพี่ยั้งเนี่ย” พี่น้ำถามผมออกมา ตอนนี้พวกเรามานั่งอยู่ในรถโดยพี่น้ำเป็นคนขับ
“หายตั้งแต่วันนั้นแล้วครับ” ผมพูดออกไป
“หืม พูดจริงพูดเล่น” พี่น้ำถามผม เหลือบตามามองหน้าก่อนหัวเราะเบา ๆ
“จริงดิครับ ผมเป็นโกรธง่ายหายเร็วจะตาย”
พูดจบแล้วหันไปยิ้มให้กับพี่น้ำ ผมพอแล้ว ... ไม่อยากให้เรื่องระหว่างเรามันมีอะไรที่ต้องยุ่งยากไปมากกว่านี้ ไม่เห็นน่าแค่สองวันก็ทรมานใจจะขาด
“โห นี่ก็อุตส่าห์รอสักสองวัน ไม่กล้าเข้าไปหา กลัวอิฐจะยังไม่หายโกรธ”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ ว่าแต่พี่แอบเอารูปผมไปอัพลงไอจีผมทำไม”
“ใครบอกรูปอิฐ นั่นรูปพี่ทั้งนั้นเลย”
ยังมาเนียน ถึงวิญญาณจะอยู่ในร่างผม แต่นั่นมันรูปผมทั้งงั้น
“โอเค ผมยอม ... นั่นรูปพี่ครับ สรุปเอาไปอัพทำไม”
“ก็แค่อยากให้ไอจีมีรูปคนบ้างก็แค่นั้น” พี่น้ำตอบผมกลับมา หันมามอบหน้าผมแวบหนึ่ง
ผมงี้ทึ่งกับเหตุผลของพี่น้ำเลย ได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ
“ว่าแต่ เรากำลังไปไหนครับ นี่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดนี่”
“ไปหาที่คุยกัน”
ผมไม่ได้ชวนพี่น้ำคุยต่อ นั่งรถมองข้างทางไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดรถคนพี่น้ำก็มาจอดอยู่ที่สวนสาธารณะกลางเมืองที่มีแม่น้ำสายหลักไหลผ่าน พวกเราสองคนเดินเล่นไปสักพักก็มาหยุดนั่งอยู่ที่เก้าอี้มานั่งที่วิวข้างน้ำเป็นแม่น้ำที่ไหลเอื่อย ๆ เมื่อมองตรงไป แถวนี้บรรยากาศดีนะครับ ลมเย็น ๆ ต้นไม้เยอะดีด้วย ไม่มีคนมากตอนนี้เพราะคนส่วนใหญ่มักมาวิ่งเล่นออกกำลังกายกันช่วงเย็นมากกว่า
“อะให้ แทนคำขอโทษที่อำแรงไปวันนั้น” พี่น้ำพูด ก่อนยื่นคิทแคทหนึ่งชิ้นส่งให้ผม
นี่ง้ออยู่หรอ ...
“รู้ด้วยว่าผมชอบกินคิทแคท แต่ง้อด้วยคิทแคทชิ้นเดียวเนี่ยนะ” ผมถามพี่น้ำกลับไปแกล้งทำหน้าตึง ๆ แต่เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าผมแอ็คติงอยู่เลย ทำท่าจะดึงคิทแคทในมือผมกลับ
“โลภมาก”
“โอ๋ ๆ ชิ้นเดียวก็หายงอนครับ ฮ่าฮ่า พี่น้ำง้อไม่เก่งเลยรู้ตัวปะ” ผมพูดไปขำ ๆ พี่น้ำไม่ตอบอะไรมองตรงไปที่แม่น้ำตรงหน้า ก่อนเธอจะทำหน้าจริงจังแล้วพูดออกมา
“พี่ชอบวันที่อิฐพาพี่มาถ่ายรูปเล่นมากเลยรู้ไหม มันเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายมาก ๆ เหมือนกับว่าเราแค่ทำตามสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ต้องคิดอะไร ตอนนั้นพี่ถามอิฐว่า ถ้าพี่กลับเข้าร่างแล้วคำตอบยังเป็นเหมือนเดิม อิฐจะเสียใจไหม”
ผมนิ่ง พี่น้ำคงพูดเข้าเรื่องระหว่างเราสักที
“อิฐจำคำตอบตัวเองได้ไหม”
จำได้สิ ทำไมผมจะจำไม่ได้ ถ้าพี่น้ำไม่ได้รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึก ... ผมก็จะปล่อยเธอไป
ผมคงมาได้แค่นี้สินะ ...
“ได้ครับพี่น้ำ พี่น้ำยังเห็นผมเป็นน้องอยู่ใช่ไหมครับ” ผมพูดออกไป ยิ้มน้อย ๆ ให้กับเจ้าตัว พี่น้ำเลื่อนสายตาจากแม่น้ำที่ไหลเอื่อย ๆ มามองหน้าผม
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นอะ”
“ก็พี่พูดเกริ่นเหมือนกับ ...”
“เปล่า พี่ไม่ได้เห็นอิฐเป็นแค่น้อง”
ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อกี้ผมหูฝาดหรือเปล่า
“หมายความว่าไงครับ” ผมถามพี่น้ำออกไปอีกครั้ง ฉีกยิ้มกว้างคว้ามือพี่น้ำมากุมไว้
“เด็กโง่ ก็หมายความว่าเห็นเป็นอย่างอื่นไง พี่เลิกกับเอกแล้ว เราสองคนเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน หวังว่าจะได้คำตอบที่อยากรู้แล้วนะ”
โว้ยยยยยยย ! เลิกกันแล้ว เขาเลิกกันแล้ว ! ดีใจจนอยากกระโดดจนตัวลอย
“นี่พี่พูดจริงหรอครับ” ผมถามย้ำด้วยความดีใจ
“จะโกหกทำไมล่ะ”
นี่ผมไม่ได้ฝันไปจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ไหวแล้ว ผมดึงร่างพี่น้ำมากอดไว้แน่นทันที เจ้าตัวดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดผมแปบหนึ่งก่อนกอดผมตอบ พี่น้ำส่งยิ้มกว้างให้ผมหลังจากเราผละออกจากกัน ใบหน้าของเจ้าตัวที่ฉีกยิ้มกว้างในวันนี้ทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน ที่จุดเริ่มต้นไม่สวยเท่าไร
วันที่ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์กลับมหาวิทยาลัยแล้วน้ำมันหมด เจอพี่น้ำกลางทางแล้วเขาคิดว่าผมเป็นโจรดักปล้นจนเอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามาช็อต
จากคนไม่รู้จักที่บังเอิญเจอกันในวันนั้น ...
วันนี้ ... เธอทำให้ผมรักหมดหัวใจ
“งั้นเรามาคบกันนะครับ อีกอย่างเลิกเรียกผมว่าเด็กสักที ผมอายุน้อยกว่าพี่แค่ 4 ปีเอง” ผมบอกออกไป พี่น้ำหรี่ตามองผมก่อนขำออกมา
“ก็เห็นทำตัวเด็ก เห็นพี่อยู่กับเอกก็ทำหน้าเหมือนเด็กหัวร้อนที่ตีป้อมแพ้ ทำคิ้วขมวดแบบเนี้ย”
พูดจบพี่น้ำก็ทำหน้าประกอบ จะบ้าหรอ ... ผมทำหน้าแบบนั้นที่ไหน
“หยุดเลย ๆ ผมไม่เคยทำหน้าแบบนั้น” ผมบอกออกไป แต่พี่น้ำไม่หยุดล้อ ทำหน้านิ่ง ๆ ก่อนพูดกลับมาช้า ๆ
“คุณ ... เป็นใครคะ”
ยัง ยังไม่หยุดเล่นอีก ...
“พี่น้ำ เมื่อไรพี่จะเลิกล้อผมเนี่ย ผมไม่เคยทำหน้าแบบนี้เลย”
“ก็มันตลกอะ อิฐทำหน้าโคตรเหวอเลยตอนโดนอำ ทำแบบนี้จริง ๆ นะ”
“คุณ ... เป็นใครคะ เนี่ย แบบนี้เลย”
นี่จะไม่หยุดเล่นจริง ๆ ใช่ไหม ...
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่น้ำจนเจ้าตัวตั้งตัวไม่ทัน
เปลี่ยนเป็นเจ้าตัวที่ชะงักกึก แล้วทำหน้าเหวอแบบไม่ได้แกล้งแทน ใบหน้าผมอยู่ห่างกับใบหน้าพี่น้ำไม่กี่เซน ผมมองดวงตาคู่สวยคู่นั้น ก่อนขยับริมฝีปากพูดออกไปเบา ๆ
แต่มั่นใจว่าเจ้าตัวได้ยินชัดเจน
“ผม ... ก็เป็นคนที่รักพี่น้ำไงครับ”
ก็เธอทำให้ได้รู้ ... รู้ถึงคำว่ารักที่ต่างไป
รู้ ... รู้ถึงคำว่ารักที่มีความหมาย
เธอทำให้รู้ว่า ... ฉันยังมีหัวใจ
ก็เธอทำให้ได้รู้ ... รู้ถึงคำว่ารักที่หลากหลาย
รู้ ... รู้ว่าคำว่ารักมันไม่ง่ายดาย
ทำให้ฉันเข้าใจ ... ว่าหนึ่งคนนี้มันยังคงมีหัวใจ
เธอทำให้ฉันรักเธอ [เธอทำให้ได้รู้-Potato]