เรื่องสยองที่ 31 : กรรมตามสนอง
“เดี๋ยว ไอ้ปูนอย่าเพิ่งวาง ไอ้ปูน ! เกิดไรขึ้น”
ผมได้แต่พูดกรอกเสียงไปตามสายแบบนั้น แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาอีกแล้ว สายจากไอ้ปูนถูกกดวางไป ผมเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน เมื่อเย็นนี้หลังจากกลับมาจากถ่ายรูปเล่นกับพี่น้ำ ผมก็จำได้ว่าเหมือนเห็นป้ายประกาศโฆษณาอันใหญ่ ซึ่งเป็นละครเวทีจากคณะนิเทศศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่มิ้งค์เล่นเป็นนางเอกเมื่อสามสี่วันก่อน เลยกะชวนพี่น้ำไปดูละครเวทีด้วยกัน จึงโทรไปเพื่อถามรายละเอียดจากไอ้ปูน แต่คุยกันได้ไม่ทันไรก็เหมือนจะเกิดเรื่องขึ้น ผมได้ยินเสียงไอ้ปูนเรียกชื่อมิ้งค์ขึ้นมา
คิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร
“มีอะไรหรือเปล่าอิฐ เห็นทำหน้าแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แถมร้องโวยวายด้วย มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่น้ำพูดทักผมขึ้นมา เจ้าตัวกำลังนอนมาร์กหน้าอยู่บนเตียงลุกขึ้นมามองผม
“ไม่แน่ใจอะพี่ แต่เหมือนมันจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่างกับมิ้งค์”
“เกิดอะไรขึ้นอิฐ ทำไมอะ มิ้งค์เป็นอะไร” พี่น้ำรีบถามผมขึ้นมาทันที ลอกแผ่นมาร์กหน้าออกจากใบหน้าตัวเอง
“ผมได้ยินคร่าว ๆ ว่ามิ้งค์ถูกจับตัวไป” ผมพูด
เมื่อกี้ได้ยินเสียงกี้ตะโกนร้องขึ้นมาเหมือนอยู่ใกล้ ๆ ไอ้ปูนในมือถือ พี่น้ำฟังผมพูดจบก็ร้องออกมาอย่างตกใจปนเป็นห่วง ผมรู้ว่าเจ้าตัวถึงแม้จะเพิ่งยอมญาติดีกับมิ้งค์เพราะพ่อของตัวเองขอไว้ แต่ลึก ๆ คงเป็นห่วงมิ้งค์เหมือนกัน เพราะมิ้งค์ก็เป็นน้องสาวของเธอ ถึงแม้จะคนละแม่ก็เถอะ
“ใคร ใครจับไปอะ แล้วยัยเด็กบ้านั่นมันไปมีปัญหากับใครเนี่ย พี่สัญญากับพ่อไว้แล้วนะ ว่าต้องทำดีกับยัยนั่น ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำไงดีอิฐ แจ้งตำรวจดีไหม” พี่น้ำพูดออกมายาวเหยียดแบบรน ๆ ลุกขึ้นมาเดินวนไปวนมารอบห้อง
“พี่น้ำใจเย็นก่อน เดี๋ยวผมขอโทรหากี้แปบ กี้น่าจะอยู่กับไอ้ปูน” ผมพูด กดเบอร์โทรหากี้ทันที รอเพียงไม่นานผมก็ได้ยินเสียงกี้รับสาย แต่เหมือนจะฟังไม่ค่อยถนัดสักเท่าไร เพราะกี้น่าจะนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ เสียงลมจึงแทรกเข้ามาจนแทบไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง
“กี้ กี้มันเกิดอะไรขึ้น !” ผมพูดกรอกสายไปในมือถือ
“พี่ไม่ค่อยได้ยินเลย พูดดัง ๆ หน่อย” ผมพูดออกไปซ้ำอีกรอบ ปลายสายเหมือนพยายามตะโกนตอบกลับมา
“มิ้งค์ถูกใครก็ไม่รู้จับขึ้นรถตู้สีดำไปค่ะ กี้ก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นใคร ปูนกำลังขับรถตามไปอยู่”
“แชร์โลมาด้วยกี้ เดี๋ยวพี่รีบตามไป รถมีป้ายทะเบียนหรือเปล่า” ผมรีบบอกกี้ไป
“ไม่มีค่ะพี่อิฐ”
“โอเค ค่อย ๆ ขับตามมันไป ระวังตัวด้วย” ผมพูดกับน้องก่อนกดวางสายไป เปิดแอพพลิเคชันที่กี้ได้แชร์โลเคชันมาให้ ซึ่งดูเหมือนตำแหน่งของกี้กำลังจะเคลื่อนที่ไปบริเวณเส้นทางออกไปนอกเมือง
“ว่าไงบ้างอิฐ” พี่น้ำถามผมขึ้นมา
“ผมให้กี้แชร์โลเคชันมาให้แล้ว เดี๋ยวเรารีบตามไป ส่วนตำรวจผมคิดว่าแจ้งไว้ก่อนก็ดี แต่กลัวพวกนั้นมันจะทำอะไรมิ้งค์ ไม่รู้ว่าพวกมันลักพาตัวมิ้งค์ไปทำไม นี่สุจิตราไปขัดผลประโยชน์อะไรจากใครหรือเปล่าพี่” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย มิ้งค์ดูเป็นเด็กที่ไม่น่าสร้างปัญหา หรือสร้างศัตรูให้กับใครได้ จะมีก็แต่แม่ของเธอนั่นแหละ
“พี่ไม่รู้หรอก เกลียดขี้หน้ากันขนาดนั้นจะไปสนใจได้ยังไง” พี่น้ำตอบผมกลับมา
“พี่น้ำรออยู่นี่นะ เดี๋ยวผมตามไปดูเอง” ผมพูด ทำท่าจะเดินออกจากห้องเพื่อไปช่วยเหลือรุ่นน้องของตัวเอง ทั้งปูนและกี้ รวมถึงมิ้งค์ด้วย
“จะบ้าหรออิฐ นั่นร่างพี่นะ จะไปก็ไปด้วยกันนี่แหละ พี่ไม่ยอมให้ร่างพี่ไปเสียงอันตรายหรอก”
จริงของพี่น้ำ ... ผมก็ลืมคิด
“โอเค ๆ ระวังตัวด้วยนะครับ”
ว่าแล้วผมกับพี่น้ำก็ออกมานอกห้องก่อนเข้าไปเคาะประตูเรียกไอ้คีย์กับไอ้ชา พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ให้ฟัง ไอ้ชาที่กำลังจะนอนตาสว่างทันทีเมื่อรู้ว่ากี้ตามพวกนั้นไปด้วย พวกเราเลยรีบลงจากคอนโดก่อนขับรถตามโลเคชันของกี้ที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเรื่อยจนเกือบจะออกนอกเมืองแล้ว พวกผมไม่ลืมที่จะโทรแจ้งตำรวจไว้ก่อนพร้อมแชร์โลเคชันไป แต่ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ของการลักพาตัวมิ้งค์ไปในครั้งนี้เลยบอกกับตำรวจว่าอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม
1 ชั่วโมงก่อนหน้า
ที่บ้านของสุจิตรา ร่างของปกรณ์เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร พร้อมกับชายในชุดดำอีกเกือบห้าหกคนที่เดินตามหลังของเขามา มองหาเพียงไม่นาน สุจิตราก็เดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เจ้าตัวมองลงมาที่ชู้รักของตัวเอง จริง ๆ จะเรียกว่าชู้ก็ไม่ถูก เพราะปกรณ์ก็เป็นแค่คนที่เธอคิดว่าน่าจะได้ประโยชน์ร่วมกัน มีความสุขร่วมกันเป็นครั้งคราว ทำงานนู่นนี่นั่นให้กับเธอไม่ต่างอะไรจากสุนัขรับใช้
“แกมาทำไมไอ้ปกรณ์ มีสติพร้อมจะคุยว่าอยากได้เท่าไรแล้วใช่ไหม” สุจิตราพูดออกไป มองร่างตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเธอ
“ปากดีนักนะอีแก่ พวกมึงจับมัน” ปกรณ์พูดใส่หน้าสุจิตราพร้อมกับบอกลูกน้องตัวเองให้เข้าไปจับตัวสุจิตราเอาไว้ ซึ่งลูกน้องของเขาก็พุ่งตัวเข้าไปจับทันที สุจิตรามองไปยังรอบ ๆ ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“พวกมึงไม่กลัวตายก็เข้ามาสิ”
พูดจบเจ้าตัวก็หลับตาพึมพำอะไรบางอย่างออกมา ชายที่พุ่งเข้าไปจับตัวสุจิตราล้มลงไปกองกับพื้น ชักดิ้นชักงออย่างเจ็บปวด พยายามจะถอดเสื้อของตัวเองออกมา ตะปูอันใหญ่ค่อย ๆ ทะลุผ่านชั้นผิวหนังออกมาบริเวณท้อง ตามมาด้วยเลือดที่ไหลออกมาราวกับท่อประปาแตก นั่นทำให้ลูกน้องของปกรณ์ที่จะพุ่งตัวเข้าไปจับตัวสุจิตราแตกฮือ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเพื่อนร่วมงานของตัวเอง
ปกรณ์กัดฟันแน่น เขารู้อยู่แล้วว่าจัดการกับสุจิตรามันไม่ง่าย ถ้าพลาดคือพลาด แต่โชคดีที่เขาเตรียมของที่จะใช้จัดการสุจิตรามาด้วย
คนที่มันเล่นของต่ำ ๆ ... มันก็ต้องเจอกับของต่ำ ๆ
“มึงคิดว่ามึงเก่งมากใช่ไหม” ปกรณ์พูดออกมา ในมือหยิบขวดน้ำที่มีของเหลวสีแดงข้นจนเกือบเป็นสีดำออกมาจากกระเป๋าถือของตัวเอง ก่อนเปิดฝาออกแล้วสาดของเหลวนั่นใส่ไปที่สุจิตราที่กำลังพูดพึมพำ บริกรรมคาถาใส่ลูกน้องของเขา ทันทีที่ของเหลวนั่นโดนตัวสุจิตรา เจ้าของร่างก็ลืมตาขึ้นมา มองของเหลวที่เลอะเทอะตัวเองพร้อมกับกลิ่นเหม็นชวนอาเจียน ก่อนเจ้าตัวจะร้องกรี๊ดร้องออกมาด้วยความขยะแขยง มันเป็นของต้องห้ามสำหรับคนมีวิชา เพราะจะทำให้ของเสื่อม
เลือดประจำเดือน ...
ในสายตาคนทั่วไปอาจจะมองไม่เห็น แต่รอยสักด้วยอักขระมากมายที่อยู่ภายในตัวสุจิตรากลายเป็นไอสีดำสนิทก่อนลอยหายออกมาจากเจ้าตัว สุจิตรากรีดร้องราวกับคนบ้า
“คนอย่างมึงต้องเจอกับของต่ำ ๆ แบบนี้ ! ไหน มึงจะปล่อยอะไรออกมาได้อีก” ปกรณ์พูดออกมาพร้อมแสยะยิ้ม เดินเข้าไปใกล้กับสุจิตรา พอสิ้นวิชา เจ้าตัวก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงวัยสี่สิบกว่าธรรมดา สายตาของสุจิตรามองหน้าปกรณ์อย่างเจ็บแค้น ลูกน้องสองคนเข้ามาจับตัวเธอไว้แน่น แต่เหมือนเจ้าตัวยังไม่สิ้นฤทธิ์ สุจิตราพ่นน้ำลายใส่หน้าปกรณ์ทันทีเมื่อใบหน้านั้นเดินเข้ามาใกล้เธอ
ปกรณ์ปาดน้ำลายบนใบหน้าตัวเองทิ้ง ใบหน้าหล่อเหลาจ้องไปที่ใบหน้าสุจิตราด้วยความโมโห ก่อนมือหน้าจะตบลงไปบนใบหน้าฉาดใหญ่จนเลือดกบปาก
เพียะ !
“ไอ้ปกรณ์ มึง !” สุจิตราพูดออกมาก่อนพ่นคำด่าออกมาไม่หยุด แต่คนฟังไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ยกมือขึ้นมาบีบคางของสุจิตราไว้แน่นให้หยุดพูด
“มึงคิดว่ามึงเก่งนักหรออีแก่ ! ไม่มีวิชา มึงก็ไม่ต่างอะไรกับอีแค่กระ... ตัวหนึ่ง !”
“อ่อ อีกเรื่อง ... กูอยากจะรู้จัง เวลากูได้ลูกสาวมึง มึงจะทำหน้ายังไง กูจะทำให้มึงดูสด ๆ เลย”
“อย่ายุ่งกับลูกกู ไอ้ปกรณ์ มึงมันเลว ! ไอ้อกตัญญู !” สุจิตรากรีดร้องออกมาดิ้นพล่านหนักกว่าเดิมเมื่อปกรณ์พูดถึงลูกสาวของตัวเอง
“มึงไม่มีสิทธิพูดคำนั้น ฆ่าผัวตัวเอง วางแผนฆ่าลูกเลี้ยงเพื่อจะเอาสมบัติ แถมหักหลังกูอีก มึงมันดีมากนักนี่ !”
พูดใส่หน้าสุจิตราจบ ใบหน้าของชายที่มีดีแต่ใบหน้า แต่จิตใจชั่วช้าเกินบรรยายก็หันหลังกลับให้สุจิตราก่อนเดินไปที่รถ โดยมีคำพูดไล่หลังให้ลูกน้องทำตาม
“หาอะไรมาอุดปากมันแล้วพาขึ้นรถได้แล้ว มึงทำพินัยปลอมมาได้ ทำไมกูจะทำใหม่อีกไม่ได้ ! ถ้าทั้งมึงกับอีมิ้งค์ตายไปพร้อมกัน ทุกอย่างก็เป็นของกู”
ปัจจุบัน
ร่างของสุจิตราถูกจับมัดไว้ที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง ข้าง ๆ ตัวเธอมีมิ้งค์ที่นั่งอยู่ไม่ห่างในสภาพถูกเอาผ้ายัดปากไว้ไม่ต่างกันเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้อง เมื่อมิ้งค์เห็นแม่ของตัวเองก็พยายามดิ้นเข้าไปหา แต่เชือกที่มัดตัวเธอไว้ทำให้เธอขยับตัวไปไหนมาไหนไม่ได้ ปกรณ์เดินมาหยุดที่ด้านหน้าของมิ้งค์ มือหนาค่อย ๆ สัมผัสไปตามเรียวแขนขาวของมิ้งค์ ใบหน้าหันไปมองแสยะยิ้มให้กับสุจิตรา ในขณะที่มิ้งค์พยายามขยับหนีอย่างขยะแขยง คนเป็นแม่แทบจะน้ำตาไหลออกมาเมื่อเห็นลูกเป็นแบบนั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ทำตามที่กูบอกซะ ไม่งั้นนอกจากลูกมึงแทนที่จะได้เป็นเมียกูแค่คนเดียว จะกลายเป็นเมียของลูกน้องกูหมดนี่” ปกรณ์พูด เดินถือปากกาและกระดาษแผ่นหนึ่งมาวางไว้ที่โต๊ะด้านหน้าของสุจิตรา
“มีไรจะพูดงั้นหรอ” ปกรณ์พูดต่อเมื่อเห็นสุจิตราทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่สามารถพูดได้เพราะมีผ้าอุดปากไว้อยู่ มือหนาเลยดึงผ้าออกให้
“ปล่อยมิ้งค์ไป อย่าทำอะไรมิ้งค์ ฉันจะทำทุกอย่างตามที่แกต้องการ ให้ฉันกราบก็ยอม” สุจิตราพูด พนมมือขึ้นมามองคนตรงหน้า พอถึงตอนนี้ทุกอย่างที่มีก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกสาวของตัวเอง
“มึงไม่มีสิทธิมาต่อรองกับกูอีแก่ เซ็นซะ แล้วกูจะคิดดูอีกที”
สุจิตรายกมือที่ถูกแก้มัดขึ้นมาอย่างเลือกไม่ได้ ก่อนปลายปากกาจะจรดลงไปบนแผ่นกระดาษแผ่นนั้น พร้อมกับลายนิ้วมือเธอที่ถูกยื่นไปประทับลงบนกระดาษด้วย ปกรณ์หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูหลังจากสุจิตราเซ็นเสร็จพร้อมกับหัวเราะ เขาแสยะยิ้มให้กับสุจิตราพร้อมกับเอาผ้าไปยัดปากและให้ลูกน้องจับเธอมัดมือไว้เหมือนเดิม สุจิตราดิ้นพล่านพยายามจะทำตัวเองให้หลุดพ้นจากการพันธนาการแต่ก็ทำไม่ได้
“พอถึงพรุ่งนี้เช้าก็จะมีข่าว เศรษฐีนีแม่ม่ายพร้อมกับลูกสาวได้ขับรถยนต์ออกจากตัวจังหวัดกลางดึก แต่เผลอหลับในรถยนต์พลิกคว่ำเกิดการระเบิด ไฟคลอกเสียชีวิตคาที่ทั้งคู่ แบบนี้ดีไหมครับ” ปกรณ์พูดออกมา
“แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ... กูขอลูกสาวมึงก่อนละกัน”
“อยากรู้จังน้า ลีลาลูกสาวจะเด็ดเท่ากับลีลาของแม่ไหม ถึงเวลาสำคัญแล้วสิ” ปกรณ์พูด มองหน้ามิ้งค์แบบยิ้ม ๆ สลับกับใบหน้าของสุจิตรา ใบหน้าของมิ้งค์มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนา ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเธอให้รอดพ้นจากสัตว์นรกเลว ๆ ตรงหน้า
แต่ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เสียงอะไรที่เหมือนกับก้อนหินกระทบกับผนังโกดังก็ดังขึ้นมา ทำให้ปกรณ์หยุดชะงักกับสิ่งที่กำลังจะทำทันที เขาหันไปมองหน้าลูกน้องตัวเองที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“ตอนมึงจับตัวอีมิ้งค์มา มีใครตามมาหรือเปล่า” ปกรณ์พูดออกไป ถามแบบไม่ไว้ใจลูกน้องตัวเอง
“คิดว่าไม่มีนะครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งพูดออกมา
“มึงใช้คำว่าคิดหรอไอ้โง่ ! แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร พวกมึงออกไปดูสิ ทำไมกูมีลูกน้องโง่แบบนี้วะ มึงจะยืนเอ๋อกันทำไม ! มึงคิดว่าตอนนี้กูมีอารมณ์ทำอะไรอีมิ้งค์หรือไง” ปกรณ์ด่าออกมาเป็นชุดตวาดดังลั่นใส่ลูกน้องตัวเอง
“ครับนาย”
ไม่นานลูกน้องของเขาสี่ห้าคนก็เดินออกไปด้านนอกของโกดังเพื่อตรวจสอบเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
พวกผมขับรถตามตำแหน่งโลเคชันที่กี้แชร์ให้จนมาหยุดอยู่บริเวณถนนเส้นเปลี่ยวเส้นหนึ่งที่ไม่มีรถขับผ่านมากเท่าไร ข้างทางก็ไม่มีบ้านเรือน ไอ้คีย์หยุดรถลงเมื่อสังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของผมที่ไอ้ปูนยืมไปใช้จอดอยู่ที่พุ่มไม้แถวนั้น พวกเราเลยเลือกที่จอดไว้ที่ด้านหน้าซอยทางเข้าตรงนั้นเช่นกัน ซึ่งลึกเข้าหน่อยจะเห็นโกดังเก็บของอยู่ด้านใน มีแสงไฟเปิดอยู่พร้อมกับรถตู้สีดำสองคันอยู่บริเวณด้านหน้า
“ไอ้ปูน เป็นไงบ้าง” ผมพูด เข้าไปถามไอ้ปูนที่หลบอยู่กับกี้บริเวณแถวนั้น ผมบอกมันเองว่าให้อยู่ดูลาดเลาก่อน อย่าทำอะไรพลีพลามเดี๋ยวจะไม่คุ้มเอา
“พวกมันเข้าไปสักพักแล้วพี่ พอดีมันมีรถตู้อีกคันตามมา ผมกับกี้เลยเลือกหลบข้างทางก่อน” ปูนพูด
“เอาไงดี เข้าไปเลยไหม รอตำรวจไม่ได้การแน่” ผมพูด หันไปมองคนอื่น ๆ ตอนนี้ผมก็ใจร้อนเหมือนกัน
“เอางี้ แบ่งเป็นสองกลุ่ม เดี๋ยวกูจะเข้าไปทางด้านหลังทำเสียงหักเหความสนใจพวกมัน ส่วนพวกมึงแอบเข้าไปดูว่าพวกมันมีประมาณกี่คน ทำอะไรกันอยู่ โอเคนะ” ไอ้คีย์พูดออกมา
ความจริงไอ้คีย์ไม่มีสิทธิมายุ่งเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องของมนุษย์ มันทำผิดกฎยมทูตอีกแล้วที่เข้ามาช่วยเหลือพวกเราแบบนี้ อีกอย่างมันก็แสดงพลังออกมาให้คนทั่วไปเห็นไม่ได้มากด้วย พวกเราพยักหน้าทำตามที่ไอ้คีย์บอก ก่อนแบ่งกลุ่มเดินเข้าไปในซอยนั่น โดยมีผม พี่น้ำ ไอ้ปูน แอบเข้าไปทางด้านหน้าโกดัง ไอ้คีย์ ไอ้ชา และกี้เข้าไปทางด้านหลัง
หวังว่ายังไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับมิ้งค์นะ ...