ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 28 : สุกี้แห้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 30 : ลักพาตัว

เรื่องสยองที่ 29 : ใครจะชั่วกว่ากัน


หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปกับการที่ผมเข้ามาอยู่ในร่างของพี่น้ำ

ผมก็เริ่มชินกับการเป็นผู้หญิงมากขึ้น อะไรต่าง ๆ มันก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ร่างกายของพี่น้ำกลับมาเป็นปกติดีแล้วทุกอย่าง พี่น้ำใช้ผมที่อยู่ในร่างของเธอเข้าไปจัดการธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ รวมถึงเข้าไปที่คอนโดของเธอเพื่อที่จะจัดการข้าวของ เสื้อผ้าที่ถูกทิ้งไว้อยู่ในห้องเกือบสามเดือน แน่นอนว่าพวกเราต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับสุจิตราอีกครั้ง เพราะเจ้าตัวเป็นคนเก็บของ เครื่องใช้ส่วนตัวของเธอ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน คีย์การ์ดคอนโดและอีกมากมายเอาไว้ ในฐานะเป็นผู้ปกครองต่อจากพ่อพี่น้ำระหว่างที่พี่น้ำนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล แต่โชคดีที่พี่น้ำตอนนี้บรรลุนิติภาวะแล้ว ทุกอย่างที่เคยเป็นสิทธิของเธอจึงถูกถ่ายโอนกลับมาหมดโดยง่าย

สองสามวันก่อน ผมถูกสุจิตราเรียกตัวไปคุยเรื่องพินัยกรรมของพ่อพี่น้ำในฐานะร่างของเธอ ผลปรากฏว่าพ่อของพี่น้ำได้แบ่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดเป็นเพียงสองส่วน คือของสุจิตราและของมิ้งค์ โดยที่พี่น้ำได้เงินกลับมาเพียงบางส่วนเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก ผมกับพี่น้ำก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ว่าพ่อของพี่น้ำจะจัดการเรื่องพินัยกรรมแบบนั้น แต่เราก็ยังไม่อยากจะกะโตกกะตากมากอยากหาหลักฐานมาก่อนว่ามันอาจจะไม่ใช่พินัยกรรมจริง

พี่เอกทำหน้าที่ช่วยพวกเราอย่างเต็มที่โดยการสืบหาประวัติของทนายฝั่งของสุจิตรา ซึ่งตอนนี้กำลังหาหลักฐานว่าพินัยกรรมที่พ่อพี่น้ำทำไว้มันเป็นของปลอม ผมเองก็ต้องเข้าไปพบกับคนหลายคนในฐานะร่างของพี่น้ำ ทั้งเพื่อนและคนรอบตัวของพี่น้ำ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าตัวได้กลับมาแล้ว มันเลยเป็นอาทิตย์ที่วุ่นวายสุด ๆ

ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้ำกับมิ้งค์ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ มิ้งค์ดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นร่างของพี่น้ำฟื้นแล้ว ผมเองก็เล่นบทบาทเป็นพี่น้ำที่พูดคำตอบคำเหมือนที่พี่น้ำเคยทำ เข้าใจดีว่าถ้าจะให้เข้าไปทำดีกับมิ้งค์เลยมันคงดูแปลก เพราะที่ผ่านมาพี่น้ำไม่ใช่ว่าจะญาติดีกับมิ้งค์สักเท่าไร ตอนนี้เจ้าตัวก็คงเข้าใจแล้วว่าแม่กับลูกไม่เหมือนกัน หลังจากได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งที่ตัวเองไม่ได้ใช้สายตาที่มีอคติมอง อีกอย่างพ่อของพี่น้ำคงได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของมิ้งค์ไปแล้วก่อนเจ้าตัวจะถูกส่งไปยังอีกภพโดยไอ้คีย์ ตอนนี้ผมเองก็ได้แต่สงสารมิ้งค์ ที่ยังไม่รู้อยู่คนเดียวว่าแม่ตัวเองเป็นคนยังไง

ผมเคยบอกกับพี่น้ำว่าจะขอแยกไปอยู่คอนโดพี่น้ำแทน เพราะกลัวพี่น้ำลำบากใจว่าเราต้องมานอนห้องเดียวกันทุกคืน ไหนจะกลัวพี่เอกเข้าใจผิดเรื่องระหว่างเราอีก ถึงแม้ผมจะโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก ๆ แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของเธอเหมือนกัน ผมไม่แน่ใจอยู่ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่น้ำมันคืออะไรกันแน่ เจ้าตัวเองก็ยังไม่ได้พูดออกมา

พี่น้ำบอกว่าให้อยู่แบบนี้ไปก่อน เพราะยังไงเราก็ต้องสวมบทบาทเป็นกันและกัน มันง่ายกว่าเวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมากับร่างกาย ซึ่งผมคิดว่ามันก็ถูก ... เพราะตอนนี้

ผมกำลังนอนปวดท้องอยู่บนเตียง ...

3 ชั่วโมงก่อน

“เฮ้ย !”

ผมที่กำลังอาบน้ำอยู่ดี ๆ ก็ร้องลั่นออกมาอย่างตกใจเมื่อสังเกตเห็นของเหลวสีแดงที่อยู่ที่พื้นห้องน้ำ แทบจะทำอะไรไม่ถูก รู้ว่ามันคืออะไร เพราะสองสามวันก่อนผมรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลา เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด ลืมคิดไปเลยว่าผู้หญิงทุกคนจะมีอาการแบบนี้ในทุก ๆ เดือน

“พี่น้ำ ! ช่วยด้วย !”

หลังจากนั้นผมก็ออกมานอนซมที่เตียง ไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นประจำเดือนของผู้หญิงมันจะทรมานขนาดนี้ โชคดีที่ผมไม่ย้ายไปอยู่ที่คอนโดพี่น้ำคนเดียว ไม่งั้นผมตายแน่

พี่น้ำคอยดูแลและให้คำแนะนำผมตลอด โชคดีที่วันนี้พวกเราไม่มีเรียน ไอ้คีย์กับไอ้ชาเลยเข้ามากวนประสาทผมเป็นระยะให้หงุดหงิดเล่นเป็นพัก ๆ แก้เบื่อ โดยมีกระเป๋าร้อนวางอยู่ที่ท้องของผม เพื่อให้บรรเทาอาการปวดลงเวลาต่อปากต่อคำกับไอ้ชา

ช่วงเย็นของวัน อาการผมก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ รู้สึกเข็ดมาก อยากกลับเข้าร่างตัวเองขึ้นมาเลย ทุกวันนี้ก็มานั่งฝึกสมาธิพร้อมกับพี่น้ำเหมือนกัน เพื่อหาทางทำให้วิญญาณตัวเองออกมาจากร่างได้ พี่น้ำเหมือนจะทำได้ดีขึ้นมากตามคำบอกเล่าของไอ้คีย์ ส่วนผมนั่งสมาธิทีไรเป็นหลับทุกที แต่ก็พยายามเต็มที่เพื่อที่จะทำให้วิญญาณของเราสองคนกลับเข้าไปอยู่ในร่างเดิมเหมือนปกติ

ขณะที่ผมกับพี่น้ำกำลังนั่งสมาธิอยู่ที่กลางห้องนั่งเล่นของคอนโด เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นมา ทำให้ทั้งผมและพี่น้ำลืมตาขึ้น ไอ้คีย์เป็นคนเดินออกไปเปิดประตูให้กับแขก ปรากฏให้เห็นเป็นร่างของพี่เอกที่กำลังเดินยิ้มกว้างเข้ามาในห้อง ตั้งแต่ผมกลับเข้ามาในร่างพี่น้ำ ไอ้พี่เอกก็กลายเป็นแขกประจำวันของคอนโดเราไปแล้ว

จะมาทำไมทุกวันวะเนี่ย ...

เหม็นขี้หน้าจะตายแล้วโว้ย ...

พี่เอกมาถึงก็ตรงเขาไปหาพี่น้ำทันทีพร้อมดึงมือพี่น้ำให้ลุกไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน ปล่อยให้ผมฝึกนั่งสมาธิอยู่คนเดียว

แล้วตอนนี้มันจะยังมีสมาธิได้อยู่ยังไง ผมเองก็รีบลุกเดินตามไปนั่งที่โซฟาเช่นกัน

“น้ำ ตอนนี้นักสืบของผมพอจะสืบประวัติของคนที่ทำพินัยกรรมพ่อของน้ำได้แล้วนะ หมอนั่นเหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล ชอบทำคดีผิดให้กลายเป็นถูกอยู่บ่อย ๆ เรากำลังหาช่องโหว่เพื่อจัดการอยู่ แล้วก็ผมส่งคนเข้าไปที่ออฟฟิศมันเพื่อหาหลักฐาน อีกไม่นานน่าจะทราบเรื่อง” พี่เอกพูดขึ้นมา เหลือบตาหันมามองผมนิดหนึ่งอย่างไม่พอใจที่ผมตามมานั่งข้าง ๆ พี่น้ำด้วย แต่ผมไม่สนใจส่งยิ้มให้เขาแบบกวน ๆ

“จริงหรอเอก น้ำอยากให้ความจริงเปิดเผยเร็ว ๆ จัง ว่าพวกมันทำชั่วอะไรไว้บ้าง ขอบคุณเอกมากนะที่ช่วยน้ำขนาดนี้” พี่น้ำพูด

“ไม่เป็นไร เราเป็นแฟนกันนี่นา”

จุกชะมัด ... นี่ผมมานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย

“อีกไม่นานหรอกน้ำ ทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย น้ำไม่ต้องห่วง แค่หาทางสลับร่างคืนกับหมอนั่นให้ได้ก็พอ” พี่เอกพูดหันหน้ามามองหน้าผมแวบหนึ่ง

ผมไม่ปฏิเสธหรอก จริง ๆ ไอ้พี่เอกนี่ก็มีประโยชน์เยอะเหมือนกัน เพราะผมเองก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นเพื่อพี่น้ำ ผมเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่งเท่านั้นเอง คอนเน็คชันก็ไม่มี เงินยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความหวังที่จะเอาใจพี่น้ำมาครอบครองมันช่างริบหรี่เหลือเกิน

แอบกลัวเหมือนกันว่าไม่อยากให้ถึงวันที่พี่น้ำกลับเขาร่างตัวเองเลย ...

ผมกลัวคำตอบ ...

ร่างของปกรณ์เดินเข้ามาภายในบ้านของสุจิตราด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว หลังจากที่เขาเพิ่งรู้ว่าทนายความได้เข้ามาพูดคุยเรื่องของพินัยกรรมของคนที่อุ้มชูเขามาตลอดชีวิต ซึ่งเสร็จสิ้นไปได้เมื่อไม่กี่วันก่อน ทุกคนที่เกี่ยวข้องถูกเรียกมาฟังหมด รวมถึงน้ำ ลูกสาวคนโตที่เพิ่งจะฟื้นจากการนอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรามาเกือบสามเดือนเต็ม

เขาต้องไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศอยู่สามสี่วัน จึงไม่ได้เข้าร่วมฟังพินัยกรรมอันนี้ แถมไม่รู้ด้วยว่าสุจิตราจะทำเรื่องนี้ขึ้นมาลับหลังเขา ทั้ง ๆ ที่เขากับสุจิตราวางแผนกันไว้อย่างดิบดีว่าจะทำพินัยกรรมฉบับใหม่ขึ้นมายังไง โดยมีเขาที่มีชื่ออยู่ในนั้นด้วย แล้วอยู่ดี ๆ สุจิตรากลับพลิกลิ้นทำอะไรโดยที่ไม่ปรึกษาเขาสักคำ ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ไปต่างประเทศไม่กี่วันเรื่องมันจะพลิกขนาดนี้ ทั้งเรื่องร่างของน้ำฟื้นขึ้นมา ทั้งเรื่องการแบ่งพินัยกรรม

โชคดีที่เขามีสายแฝงตัวอยู่ในคนของสุจิตราเลยทราบข่าว ประกอบกับไอ้ทนายนั่นมันหน้าเงิน เป็นนกสองหัวที่แค่เขาจ่ายเงินมันก็ยอมปริปากพูดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่เขาไปต่างประเทศ แถมเรื่องของยัยน้ำกับไอ้เอกที่เขาส่งรินไปทำลายความสัมพันธ์ของพวกมันทั้งคู่กับหายเงียบไปกับสายลม ไม่ได้ข่าวคราวกลับมา ดูเหมือนว่านังนั่นจะทรยศเขาไปแล้ว

แต่ช่างมันก่อน ... เรื่องเงินสำคัญกว่า

ปกรณ์เดินเข้ามาถึงภายในบ้านก็เห็นสุจิตรากำลังนั่งสไลด์จอมือถือจิบชาอย่างเพลิน ๆ เจ้าของบ้านเงยหน้าขึ้นมองแขกเมื่อรู้สึกตัวถึงผู้ที่มาเยือน พร้อมกับส่งยิ้มให้

“กลับมาแล้วหรอปกรณ์ เหนื่อยไหม” สุจิตราพูดออกไป

“คุณทำแบบนี้หมายความว่าไง ! ผมไปต่างประเทศแค่สามสี่วัน ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้” ปกรณ์พูดออกไปอย่างหงุดหงิด

“เรื่องอะไร”

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง เรื่องพินัยกรรม คุณทำแบบนี้ได้ยังไง !” ปกรณ์พูด เข้าไปยืนประจำหน้ากับสุจิตราที่ตอนนี้สุจิตราก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันเมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของคนตรงหน้าเธอ

“ฉันไม่มีเวลาแล้ว ใครจะไปคิดว่ายัยน้ำมันจะฟื้นขึ้นมาแบบนั้น แผนที่จะจับพวกมันในข้อหาลักพาตัวพังไปหมด สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือจัดการเรื่องพินัยกรรมให้เร็วที่สุด”

“แต่คุณควรจะบอกผมก่อนว่าจะทำอะไร ไหนคุณบอกว่าผมจะมีส่วนในพินัยกรรมด้วยไง” ปกรณ์พูด มองสุจิตราด้วยสายตาแข็งกร้าว

“ทำไมพินัยกรรมมันถึงมีแค่ชื่อคุณกับมิ้งค์แค่สองคน ถ้าไม่นับนังน้ำที่ได้แค่เศษเงินไป”

มือหนาเอื้อมไปจับไหล่ทั้งสองข้างของสุจิตราไว้แน่นก่อนออกแรงกดลงไป ใบหน้าของสุจิตราเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเช่นกัน มันเต็มไปด้วยความโกรธที่มีคนมาทำอะไรกับเธอแบบนี้ ก่อนจะสะบัดตัวออกจากมือหนาทั้งสองข้างของปกรณ์

“ฟังให้ดีนะปกรณ์ แกเป็นแค่เด็กที่พ่อนังน้ำมันเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ได้งาน ได้เงินจากบริษัทไปตั้งเท่าไรแล้ว แกจะเอาอะไรอีก ถ้าพูดถึงเรื่องที่แกทำ มันไม่ได้เศษเสี้ยวที่ฉันทำลงไปด้วยซ้ำ”

ว่าไงนะ ... สิ่งที่เขาทำมันไม่ได้เศษเสี้ยวเลยงั้นหรอ

“คุณสุจิตรา ผมช่วยคุณมาจนถึงขนาดนี้ ผมควรจะได้อะไรมากไปกว่านี้ !” ปกรณ์พูดออกมาเสียงดังลั่น

“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะปกรณ์ ฉันทนกับแกมามากพอแล้ว แกก็รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง” สุจิตราพูดกลับ มองหน้าปกรณ์อย่างเอาเรื่อง เธอไม่อยากให้ลูกสาวที่กลับมานอนที่บ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแบบนี้

“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว แกมีหน้าที่บริหารงานที่บริษัทก็ทำไป มิ้งค์อยู่ข้างบน เอาไว้แกสงบสติอารมณ์ได้ค่อยมาคุยกันว่าจะเอาเงินเท่าไร”

ปกรณ์เริ่มได้สติเมื่อเห็นสายตาของสุจิตรา ... เขาต้องเปลี่ยนไปใช้ไม้อ่อน

“ไหนคุณบอกว่ารักผม” ปกรณ์พูด สายตาอ่อนลงมองคนตรงหน้า รู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนน่ากลัว มันมีวิชาขืนทำอะไรที่มันไม่พอใจ อาจจะส่งผลเสียถึงตัวเขาได้ เขาต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มากกว่านี้ ตอนนี้ก็ต้องได้แต่เป็นไม้อ่อนตามใจมันไปก่อน

สุจิตรามองหน้าปกรณ์นิ่ง ๆ ก่อนแค่นยิ้มออกมาพร้อมกับหัวเราะกับประโยคที่ได้ยิน

“ปกรณ์ แกอย่ามาทำโง่ รักบ้ารักบออะไร ฉันรู้สันดานแกดี อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เลขาที่ทำงานเสร็จแกไปกี่คนแล้วล่ะ อย่าเอาคำพูดควาย ๆ แบบนั้นมาพูดกับฉัน กลับไปได้แล้ว ฉันไม่อยากฟังคำพูดอะไรจากปากแกอีก”

ปกรณ์สูดหายใจเข้าลึก ๆ กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดที่มือนูนขึ้นมา รู้สึกเหมือนโดนตบจนหน้าชา เขาหันหลังกลับช้า ๆ ก่อนเดินก้าวเท้าออกจากบ้านของสุจิตราด้วยอารมณ์เสียและหงุดหงิดเป็นที่สุด

คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากเขาแล้วถีบหัวส่งกันง่าย ๆ งั้นหรอ คนอย่างเขาใช่ว่าใครจะมาใช้งานแล้วถีบหัวส่งได้ ทุกอย่างที่สุจิตรามีในวันนี้มันก็เป็นเพราะเขา

เขาต้องการมากกว่านี้ แบบนี้มันไม่ได้เหมือนที่คุยกันไว้เลย เขาไม่ได้อะไรสักอย่างนอกจากเป็นตัวทำเงินบริหารบริษัท

ลงทุนเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางไปตั้งมาก ทั้งจ้างนักสืบตามน้ำกับเอก ส่งคนไปทำลายความสัมพันธ์ หาคนขับรถกระบะไปชน ส่งคนไปฆ่าปิดปากญาติห่าง ๆ ของน้ำที่เหลืออยู่ ...

แบบนี้เรียกว่าแค่เศษเสี้ยวงั้นหรอ

ใบหน้าหล่อเหลาของปกรณ์กัดฟันแน่น เต็มไปด้วยความโกรธ ความคมของฟันเผลอพลาดกัดไปโดนริมฝีปากของตัวเองจนเลือดซิบออกมา แต่มันไม่เจ็บเท่ากับการเจ็บใจที่มีอยู่ตอนนี้

สายตาของปกรณ์มองภาพในกระจกรถตัวเองที่ส่องย้อนไปที่บ้านหลังใหญ่โดยมีสุจิตรายืนมองอยู่ที่หน้าบ้านห่าง ๆ มันยิ่งทำให้เขากำพวงมาลัยรถแน่นเข้าไปอีก

“กูจะทำให้มึงรู้ว่าคนที่หักหลังกูมันจะมีจุดจบเป็นยังไง”

“มึงรู้จักกูน้อยไปแล้ว อีแก่โบท็อกซ์ ระวังลูกสาวมึงไว้ให้ดีเถอะ !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด