เรื่องสยองที่ 25 : ฝันดีนะ
ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองภาพรอบ ๆ ตัวหลังจากมีสติอีกครั้ง
ดวงตากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับแสงสว่างที่ไม่ค่อยคุ้นเคย ผมอ่อนล้าไปทั่วทั้งตัว คอแห้งผากเหมือนไปกินดินกินทรายมา หูได้ยินเสียงร้องขึ้นมาอย่างดีใจจากบริเวณรอบ ๆ เห็นพี่เต้ถือไฟฉายอันเล็กมาส่องตาผมจนต้องหันหน้าหลบเพราะแสบตา ผมพยายามลุกขึ้นแต่ก็ลุกขึ้นไม่ได้เพราะไม่มีแรงเลย ได้แต่นอนคาอยู่บนเตียงแบบนั้น เสียงที่พยามยามจะเปล่งออกไปแทบจะไม่มี รอบห้องตอนนี้ที่ผมสังเกตเห็นมีไอ้คีย์ ไอ้ชา พี่เต้ พี่เอก และตัวของผมที่มีพี่น้ำในร่างยืนมองอยู่อย่างดีใจ
“ขอ .. น้ำ” ผมพูดออกไปช้า ๆ ตอนนี้อยากกินน้ำมาก
ทันที่ผมพูดจบพี่น้ำในร่างผมก็รีบกระวีกระวาดไปรินน้ำมาใส่แก้วหาหลอดใส่พร้อมกับยื่นใส่ปากผมทันที ผมดูดน้ำจากในแก้วอย่างกระหาย สมองตอนนี้เริ่มประมวลผลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่ตอนที่ไปช่วยนำร่างของพี่น้ำออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อนหนีสุจิตรา โดนไล่ยิง มาจนกระทั่งไอ้คีย์ขับรถไม่ได้เรื่อง เบรกกะทันหันจนผมต้องเข้าไปช่วยรับร่างพี่น้ำเอาไว้ไม่ให้เซออกมาจากเบาะนั่ง แต่ ...
ผมดันเข้ามาอยู่ในร่างของพี่น้ำแทน
“มึงเป็นไงบ้างวะไอ้อิฐ กูโทรบอกใยไหมกับไอ้ปูนแล้ว เย็น ๆ พวกนั้นจะเข้ามาหามึงกัน ถึงจะยังไม่ได้เข้าร่างตัวเอง แต่อย่างน้อยมึงก็ไม่ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนแล้วนะ” ไอ้ชาพูดขึ้นมากับผมยาวเหยียด
“กู ... หมดแรง หิวด้วย” ผมพูดออกไปเบา ๆ หลังจากทานน้ำเข้าไปหลายอึกใหญ่ก็เริ่มรู้สึกชุ่มคอขึ้นมาบ้าง
“อิฐลุกไหวไหม” พี่น้ำที่อยู่ในร่างผมถาม เจ้าตัวค่อย ๆ เข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่งจากเตียงนอน ตอนนี้ผมนอนอยู่ในคอนโดที่ห้องของพี่น้ำ ผมพยักหน้าให้พี่น้ำก่อนค่อย ๆ ยันตัวขึ้นช้า ๆ โดยมีพี่น้ำช่วยประคองเอาไว้
“ปาฏิหาริย์ชัด ๆ กูไม่เคยเห็นคนไข้ที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราหลับไปสองเดือนกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้เลย” พี่เต้พูดขึ้นมา
ระหว่างที่แต่ละคนไล่ถามสารทุกข์สุขดิบอาการของผม เสียงโทรศัพท์ของพี่เอกก็ดังขึ้นมา เจ้าตัวหยิบมันขึ้นมาดู ผมเห็นเขาทำหน้าแปลก ๆ ก่อนกดรับมือถือเดินเลี่ยงไปอีกมุมหนึ่ง
“คุณมีอะไรอีก เดี๋ยวผมโทรกลับ” พี่เอกพูด
ผมได้ยินไม่ถนัดว่าเขาพูดกับใคร เจ้าตัวคุยพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อยก่อนวางสายลงแล้วเดินเข้าไปหาพี่น้ำที่อยู่ในร่างของผม ก่อนบอกกับพี่น้ำว่ามีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอก
“น้ำ ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก ผมขอตัวกลับก่อนนะ เย็น ๆ ผมจะเข้ามาหาใหม่” พี่เอกพูด
“ไม่เป็นไรหรอกเอก ถ้าเอกมีธุระก็รีบไปทำเถอะ ขอบใจมากนะที่ช่วยเหลือน้ำมากขนาดนี้” พี่น้ำพูดขอบคุณพี่เอกพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้
“แค่น้ำปลอดภัย ผมยังไงก็ได้”
พูดจบพี่เอกก็เดินออกจากห้องไป พี่เต้เข้ามาสอบถามอาการของผมต่อว่ารู้สึกยังไงบ้าง พอจะขยับแขนขยับขาได้บ้างหรือเปล่า เพราะร่างกายของพี่น้ำหลับไปค่อนข้างนานพอสมควร อวัยวะและระบบในร่างกายคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมลองขยับแขนขยับขาตามที่พี่เอกบอก แต่ก็ขยับได้ไม่มากเท่าไรเพราะไม่มีแรงเลย
“เท่าที่ดู อาการทางร่างกายไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พักฟื้นสักหน่อย หาอาหารที่ย่อยง่ายทาน แล้วก็ทำกายภาพบำบัดหัดลุกนั่งเดินไปเดินมา ไม่เกินอาทิตย์ระบบการทำงานของร่างกายน่าจะกลับมาเป็นปกติ” พี่เอกพูด
“เฮ้อ เรียนหมอไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอเรื่องสลับร่างสลับวิญญาณอะไรแบบนี้ ถ้าไม่รู้จากไอ้คีย์กับฟองมาก่อนจะจับส่งโรงพยาบาลบ้าให้หมด” เจ้าตัวพูดต่อบ่น ๆ เหมือนกับพูดกับตัวเอง
“ขอบคุณพี่เต้มากนะครับ ที่มาช่วยพวกเราไว้” ไอ้คีย์พูด
“อื้ม ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่กลับก่อนนะคีย์ ต้องกลับไปเปิดคลินิกตอนเย็นว่ะ ส่วนไอ้อิฐ ช่วงอาทิตย์นี้ก็ทำตามที่บอกละกัน ไม่น่าต้องจ้างพยาบาลมาดูก็ได้ ดูแข็งแรงกว่าที่คิด”
หลังจากนั้นไม่นานพี่เต้ก็ตามพี่เอกออกไปติด ๆ ตอนนี้เลยเหลือแค่ไอ้ชา ไอ้คีย์ แล้วก็พี่น้ำที่อยู่ภายในห้องกับผม พี่น้ำเข้ามาสังเกตร่างกายตัวเองก่อนบ่นว่าผอมจนแทบจะเหลือแต่กระดูก แถมหน้าก็โทรม เจ้าตัวบอกว่าลุกขึ้นไหวเมื่อไรจะต้องทำอะไรสักอย่างกับร่างของตัวเอง
“ว่าแต่อิฐเข้าไปอยู่ในร่างพี่ได้ไง ที่ผ่านมาเคยทำแล้วมันไม่ได้ผลไม่ใช่หรอ” พี่น้ำถามขึ้นมา
“นั่นสิผมก็สงสัยเหมือนกัน” ตามมาด้วยไอ้ชาที่พูดต่อ
“ไม่รู้สิ ตอนนั้นไอ้คีย์มันเบรกรถแล้วร่างพี่เซเหมือนจะล้มออกจากเบาะ ผมเลยเข้าไปช่วย จากนั้นทุกอย่างก็ดับไปเลย รู้ตัวอีกทีผมก็ออกมาจากร่างพี่ไม่ได้แล้ว” ผมตอบออกไป หันไปมองหน้ายมทูตที่นั่งอยู่ไม่ห่างเท่าไร มันน่าจะช่วยตอบคำถามนี้ได้
“มันอาจจะเป็นไปได้ว่าร่างกายของพี่น้ำฟื้นตัว สมองและอวัยวะต่าง ๆ เริ่มทำงานอย่างเต็มที่แล้วเลยเปิดรับวิญญาณเข้าไปได้ โดยปกติวิญญาณก็เหมือนก้อนพลังงานที่หาภาชนะรองรับอยู่แล้ว ซึ่งถ้าร่างของพี่น้ำไม่มีวิญญาณอยู่ มันก็ถูกดึงดูดจากวิญญาณเร่ร่อนได้ง่าย โชคดีที่ตอนนั้นเป็นไอ้อิฐพอดี” ไอ้คีย์พูด
สงสัยจะจริงอย่างที่ไอ้คีย์ว่า เพราะตอนครั้งล่าสุด ที่ผมลองเข้าในร่างพี่น้ำแล้วกลับมาบอกว่าร่างกายของเธอเริ่มฟื้นตัวแล้ว ตอนนั้นยังเข้าออกจากร่างพี่น้ำได้โดยง่ายอยู่เลย แต่คราวนี้มันเหมือนถูกดูดเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้ จนผมติดอยู่ในร่างของพี่น้ำอยู่แบบนี้
“ปัญหาทุกอย่างก็เริ่มโอเคขึ้นแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าร่างพี่น้ำจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดไป แต่ปัญหาใหม่ที่มีตอนนี้ก็คือ มึงกับพี่น้ำจะสลับร่างกันกลับยังไง” ไอ้คีย์พูดต่อ
“จริงอย่างที่ไอ้คีย์พูด ตอนนี้มึงก็ไม่ต่างอะไรจากพี่น้ำที่เป็นคนปกติที่ไม่เคยนั่งสมาธิหัดถอดจิตถอดวิญญาณออกจากร่างเลย มันคงยากเหมือนกันที่มึงจะต้องถอดวิญญาณของตัวเองออกมา” ตามมาด้วยไอ้ชา
พวกเราคุยอะไรกันต่อไปเรื่อย จนกระทั่งผมรู้สึกอวัยวะในร่างกายมันเริ่มทำงาน ไม่รู้เป็นเพราะก่อนหน้านี้หลังจากฟื้นขึ้นมากินน้ำเยอะมากไปหรือเปล่า
“อิฐ เป็นไรหรือเปล่า ทำไมทำท่าทางแปลก ๆ” พี่น้ำถามผมขึ้นมา
มันก็กระอักกระอ่วนเหมือนกันนะเมื่อต้องมาอยู่ในร่างของผู้หญิงแบบนี้ ผมหันไปมองหน้าไอ้คีย์กับไอ้ชาเป็นเชิงให้ออกไปก่อน แต่มันสองตัวยังทำหน้าซื่อบื้อรอฟังคำตอบที่พี่น้ำถามอยู่ ในที่สุดผมก็ต้องพูดออกไป ไม่งั้นได้เปียกเพราะอั้นไม่ไหวแน่ ๆ
“ผม ... ปวดฉี่”
ทันทีที่ผมพูดจบ ไอ้ชาก็ทำท่ากดไลค์ให้พร้อมขยิบตาให้หนึ่งทีผมรู้ดีว่ามันคิดอะไรอยู่ ตามมาด้วยไอ้คีย์ที่หันไปมองหน้าพี่น้ำก่อนพูด
“เอ่อ ... พวกผมยกหน้าที่ดูแลไอ้อิฐให้เป็นหน้าที่ของพี่นะครับ ยังไงก็ร่างพี่ แถมเป็นผู้หญิงอีก” ไอ้คีย์พูดก่อนช่วยดึงตัวไอ้ชาออกไปนอกห้อง พี่น้ำหันมามองหน้าผมหน้าแดงพิลึก
“รู้แล้วน่า พวกนายก็รีบ ๆ ออกไปได้แล้ว” พี่น้ำพูดไล่ไอ้สองตัวนั้นให้ออกไปนอกห้อง
หลังจากนั้นพี่น้ำก็ช่วยพยุงผมไปห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ลุกขึ้นเดินทีอย่างกับเด็กสองขวบ จะล้มให้ได้ในทุก ๆ ก้าว เนื่องจากกล้ามเนื้อขาไม่ได้ใช้ในการเดินมาสองเดือนกว่า แต่ในที่สุดพี่น้ำก็พาผมมานั่งในห้องน้ำได้สำเร็จจนได้
“พี่น้ำจะมองทำไมครับ หันไปทางอื่นสิ” ผมร้องออกไป เมื่อยังเห็นพี่น้ำยืนจ้องผมอยู่ที่ประตูห้องน้ำหลังจากพาผมมานั่งที่ชักโครกได้สำเร็จ
คนจะฉี่ มายืนมองได้ไงเนี่ย ...
“นั่นมาร่างฉันไง” พี่น้ำพูดออกมา หน้าแดงหนักกว่าเดิม
“พี่หันไปเร็ว ๆ เลย ก่อนผมจะฉี่ราดกางเกง ปิดประตูห้องน้ำด้วย” ผมพูดออกไปดึงกางเกงผู้ป่วยที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนตั้งแต่ที่โรงพยาบาลลงมากองที่ขา
โอ๊ย ... รู้สึกแปลก ๆ ไปหมด อะไรที่เคยมีมันก็หายไป จากที่เคยยืนฉี่ตอนนี้ต้องมานั่งฉี่
“ห้ามมองนะ ! เงยหน้าขึ้นไป”
ไม่วายได้ยินเสียงพี่น้ำที่ดังออกมาก่อนแง้มประตูเข้ามามองอีกครั้ง โอ๊ย ! ให้ตายเถอะพี่น้ำ
“รู้แล้วน่า ถือว่าแฟร์ ๆ เปล่า พี่ยังเห็นผมหมดแล้วทั้งตัวเลย” ผมพูดออกไปก่อนจะจัดการทำธุระส่วนตัวสักที ต้องปล่อยออกแล้ว ไม่ไหวแล้วจุดนี้
“มันไม่เหมือนกันไอ้บ้า !”
ช่วงเย็นของวัน ปูนกับกี้ก็เข้ามาหาผมก่อนหน้าใยไหมกับพี่ฟองไม่นาน พี่น้ำออกไปซื้อโจ๊กทะเลเจ้าดังมาให้ผมกินเพราะว่ามันคือของโปรดของผม ในเมื่อกินได้แต่ของย่อยง่ายก็คงต้องเลือกโจ๊ก ผมไม่ชอบกินข้าวต้มเท่าไร เจ้าตัวคอยปรนนิบัติผมทุกอย่างเลย อยากได้อะไรก็ทำให้ผมหมด แหงล่ะ นี่มันร่างของเจ้าตัวนี่เนอะ ยังไงพี่น้ำก็คงอยากให้ร่างตัวเองกลับมาเป็นปกติได้เร็ว ๆ พอผมได้รับอาหารตกถึงท้อง ก็พอมีแรงขึ้นเยอะ รู้สึกโหยหิวเอามาก ๆ จนพี่น้ำต้องบอกว่าค่อย ๆ กินเดี๋ยวจะสำลักเอาเวลาทานอาหาร
“พี่อิฐเป็นไงบ้างเนี่ย” ไอ้ปูนถามออกมา หลังจากมันนั่งมองผมกินโจ๊กเหมือนตายอดตายยากมานาน
“กูโอเค ยังไม่ค่อยมีแรงช่วงนี้ เดินไม่ค่อยถนัดแต่เดี๋ยวอีกสักวันสองวันน่าจะดีขึ้น” ผมตอบมันไป ดูท่าทางไอ้ปูนกับกี้คงจะเป็นแฟนกันแล้ว ช่วงหลังผมเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอดเลย ทานมื้อเย็นเสร็จพวกคนที่มาเยี่ยมก็ทยอยกลับกันไป ผมถูกพี่น้ำบังคับให้หัดเดิน โดยมีเจ้าตัวคอยพยุงอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ฝึกเดินไปเดินมาเพียงครึ่งชั่วโมง ผมก็สามารถเดินได้เองโดยไม่ต้องมีใครช่วยพยุง
เป็นการทำกายภาพบำบัดที่มีผลลัพธ์ก้าวกระโดดอย่างไม่น่าเชื่อ ...
เวลาผ่านไปจนดึก ตอนแรกผมกะจะออกไปนอนโซฟาด้านนอกห้องเหมือนเดิม แต่พี่น้ำก็เรียกไว้ก่อน ให้นอนอยู่ในห้องนี่แหละ ยังไงนั่นมันก็ร่างของเธอจะให้ออกไปนอนแบบนั้นได้ยังไง
“เดี๋ยวฉันออกไปนอนนอกห้องเอง นายไปนอนบนเตียงเถอะ” พี่น้ำบอก
“งั้นก็มานอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก” ผมพูดออกไปแบบขำ ๆ
“น่า ไม่เป็นไรหรอก เอาหมอนข้างกั้นด้วย” ผมพูดต่อหยิบหมอนข้างขึ้นมาวางกั้นไว้บนเตียง
“แบบนั้นก็ได้”
ในที่สุดพี่น้ำก็ยอมตกลง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกไม่สบายตัวยังไงไม่รู้ แถมเหนียวตัวจากการที่เหงื่อออกตอนหัดเดินเมื่อเย็นอีก ไม่อยากลงไปนอนบนเตียงในสภาพแบบนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่แอร์ในห้องก็เย็นสบายจนตัวแห้งหมดแล้ว
อยากอาบน้ำเหลือเกิน ...
ไม่ได้คิดอะไรนอกจากการอาบน้ำจริง ๆ นะ ...
“พี่น้ำ ผมเหนียวตัว อยากอาบน้ำ” ผมพูดออกไปยิ้ม ๆ มองหน้าคนที่มองผมแบบไม่ไว้ใจ เจ้าตัวหรี่ตามองพร้อมกับชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“อย่าให้รู้ว่านายทำอะไรทะลึ่งลามกกับร่างกายฉันนะอิฐ ฉันเอานายตายแน่” พี่น้ำพูด เดินไปหยิบกรรไกรที่โต๊ะอ่านหนังสือมาถือไว้พร้อมกับก้มลงมองที่เป้ากางเกงเป็นเชิงขู่ เท่านั้นแหละ ผมรีบร้องออกไปทันที
“กลัวแล้วคร้าบ !”
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดผมของพี่น้ำที่ตอนนี้มันยาวมาถึงกลางหลัง ไว้ผมยาวเวลาสระผมนี่โคตรจะลำบากเลย หลังจากอาบน้ำก็รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ ผมเห็นพี่น้ำถือไดร์เป่าผมนั่งรออยู่บนเตียง เจ้าตัวคงอยากไดร์ผมให้ร่างของตัวเอง ผมเดินเข้าไปใกล้พี่น้ำพร้อมกับส่งยิ้มให้
“ยิ้มอะไรของนาย” พี่น้ำว่าให้ มองหน้าผมเหวี่ยง ๆ ผมแกล้งกวนประสาทพี่น้ำด้วยการไม่ตอบ นั่งลงกับพื้นด้านล่างให้พี่น้ำเป่าผมให้
ไม่นานลมอุ่น ๆ จากไดร์เป่าผมก็สัมผัสไปทั่วเส้นผม อยากจะบอกว่ามีคนมาทำแบบนี้ให้มันโคตรรู้สึกดี พี่น้ำหวีผมให้ด้วย ทำไปสักพักผมทั้งหัวก็เริ่มแห้งสนิท ตามมาด้วยครีมบำรุงผิวมากมายที่เจ้าตัวไปขนมาจากคอนโดตัวเองเมื่อเย็น ชโลมไปทั่วทั้งแขนทั้งขาของผม ตามมาด้วยแผ่นมาร์กหน้ากลิ่นหอมอีกแผ่นที่แปะลงมาบนใบหน้าของผม เย็นสบาย พี่น้ำบอกให้มาร์กทิ้งไว้สักพักค่อยเอาออก
ผมกับพี่น้ำไม่ได้พูดอะไรกันต่อ เราสองคนล้มตัวนอนลงบนเตียงโดยมีหมอนข้างหนึ่งอันกั้นเอาไว้ โคมไฟข้างเตียงกำลังจะถูกปิดลง ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างเตียงที่หันหลังตะแคงไปอีกทาง วันนี้ผมมีความสุขมากเลยที่มีพี่น้ำคอยดูแลผมแบบนี้
ผมชอบเวลาที่พี่น้ำพยุงผมเดิน ...
ผมชอบเวลาที่พี่น้ำเอาครีมบำรุงผิวมาทาให้ผม ...
ผมชอบการไดร์ผมของพี่น้ำที่เจ้าตัวทำให้ ...
ผมชอบทุกอย่างเลย ...
“จริง ๆ พี่น้ำก็ซ่อนรูปเหมือนกันนะเนี่ย” ผมพูดเปรยออกไปเบา ๆ หลังจากโคมไฟข้างเตียงถูกดับไปสักพัก หาเรื่องโดนด่าก่อนนอน รู้ดีว่าเจ้าตัวที่หันตะแคงข้างให้ผมยังไม่ได้หลับ มันคงแปลกเพราะว่าคืนนี้เป็นคืนแรกที่พวกเราสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน
และเหมือนมันจะได้ผลในทันทีทันได้ ...
“ไอ้อิฐ ! ไอ้เด็กบ้า ไอ้ทะลึ่ง !”
ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ กับเสียงของคนที่นอนหันหลังตะแคงข้างให้
“พี่ก็รู้ ว่าผมไม่เด็กแล้วนะ ฝันดีนะครับ”
“ฝันดี”
แล้วคืนนี้ ก็เป็นอีกคืนที่ผมนอนหลับฝันดี ...