เรื่องสยองที่ 22 : ลักพาร่าง
หลังจากร่างของเอกเดินพ้นออกไปจากตัวบ้าน สุจิตรากับปกรณ์ก็หันมามองหน้ากัน ใบหน้าของทั้งสองคนดูหงุดหงิดเป็นอย่างมากโดยเฉพาะสุจิตรา ที่มีคนเข้ามายุ่งเรื่องของเธอเพิ่มอีกหนึ่งคน ก็ไม่รู้หรอกว่าเอกมันระแคะระคายเรื่องอะไรของเธอบ้างหรือเปล่า แต่ท่าทีที่แสดงวันนี้ดูก้าวร้าวไม่เหมือนที่เคยเจอกันเมื่อตอนครั้งก่อน ๆ ถึงแม้จะไม่ชัดมากแต่ก็รับรู้ได้ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวรู้เรื่องราวของน้ำที่กลายไปอยู่ในร่างของคนอื่นแล้ว รวมถึงเรื่องของเธอด้วย
ศัตรูเพิ่มขึ้นอีกคน ...
“ตัวปัญหาเพิ่มมาอีกหนึ่งตัว” สุจิตราพูดขึ้นมาพร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ผมว่า เราต้องหาทางกำจัดยัยน้ำให้เร็วที่สุด” ปกรณ์พูดต่อ ใบหน้ามีแววครุ่นคิดถึงแผนการอันชั่วร้าย
“จะทำได้ไง ฉันก็เคยเล่าให้ฟังอยู่ว่าหนึ่งในพวกนั้นเป็นพวกมีวิชา คุณไสยที่ฉันทำส่งไปมันไม่ได้ผล แถมตอนนี้ก็ต้องมาวุ่นวายเรื่องจัดการพินัยกรรมของไอ้แก่นั่น ไหนจะเรื่องบริษัท เรื่องญาติโกโหติกาห่าง ๆ ของพวกมันอีก ทำไมมันวุ่นวายขนาดนี้นะ”
“คุณใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องไอ้เอก ผมมีวิธีจัดการกับมันอยู่” ปกรณ์พูด
“ยังไง ถ้าหมายถึงส่งคนไปเก็บมันก็เลิกคิดได้เลย ครอบครัวมันเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แถมถ้าคนรอบตัวนังน้ำมันตายไปทีละคนแบบนี้ มันไม่ดีต่อฉันเลยนะ” สุจิตราพูดขึ้นคล้ายกับไม่มั่นใจความคิดของปกรณ์
“คุณจำผู้หญิงคนที่เราจ้างไปยั่วไอ้เอกได้ไหม ที่ทำให้มันกับยัยน้ำเข้าใจผิดกัน”
สุจิตราทำหน้านึกแปบหนึ่งก่อนพยักหน้าออกมา ทำไมเธอจะจำไม่ได้ ในเมื่อแผนการทั้งหมดนั่นเธอเป็นคนคิดมันขึ้นมา ทั้งจ้างนักสืบตามตัว ทำให้เข้าใจผิดกับแฟนตัวเอง กะใจให้เมาขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุหลังจากรู้นิสัยของลูกเลี้ยงตัวเองดีว่าถ้าผิดหวังมาก ๆ แล้วน้ำจะไปลงกับอะไร แต่โชคร้ายที่รถของมันดันเสีย จนเธอต้องใช้แผนสำรองหาคนมาขับรถกระบะมาชนแทน
เสียดายมันไม่ตาย ...
“จะใช้ผู้หญิงคนนั้นอีกรอบงั้นหรอ” สุจิตราพูด
“ใช่ ผมว่าถ้าพวกมันกลับไปเข้าใจกันได้และไอ้เอกรู้เรื่องที่ยัยน้ำไปอยู่ในร่างของคนอื่นจริง เราก็ทำให้มันแตกหักกันได้อีกรอบเหมือนกัน” ปกรณ์พูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ความคิดเข้าท่า”
“แต่เรื่องร่างของยัยน้ำ ฉันไม่ไว้ใจเลย มันต้องหาทางมาเอาร่างไปแน่ ๆ แล้วถ้ามันหาทางกลับเข้าร่างได้ ทุกอย่างที่พวกเราวางแผนกันไว้ดังพังพินาศกันหมดแน่”
“คุณก็อย่าเพิ่งคิดมากเลย ผมจะส่งคนไปคอยจับตาดูห้องยัยน้ำเพิ่ม อีกอย่างถ้ามันทำได้มันคงเข้าร่างไปนานแล้ว ยังดีที่มันนอนเป็นผักอยู่แบบนั้น” ปกรณ์พูดต่อ
“งั้นติดต่อผู้หญิงคนนั้นอีกที ทำให้พวกมันผิดใจกันให้ได้อีกครั้ง ฉันเชื่อว่าคนอย่างยัยน้ำ ไม่มีทางยอมโง่เป็นควายครั้งที่สองหรอก”
“แล้วผมจะจัดการให้”
พี่เอกเข้ามาหาผมกับพี่น้ำที่คอนโดอีกครั้งหลังจากหายหน้าหายตาไปเกือบสองอาทิตย์เต็ม ระหว่างนั้นผมกับพี่น้ำก็ใช้ชีวิตกันไปแบบปกติ การฝึกสมาธิของพี่น้ำดีขึ้นมาก เจ้าตัวนั่งสมาธิได้นานขึ้นและเหมือนจะถอดวิญญาณออกจากร่างได้มั้ง เพราะผมเห็นวิญญาณของเธอซ้อนทับอยู่กับร่างผม แต่จนแล้วจนรอดยังไงก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี
ผมก็เข้าใจเหมือนกันว่าคนปกติการทำอะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก การฝึกถอดจิต ถอดวิญญาณไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะใช้เวลาฝึกเพียงเดือนสองเดือนก็ทำได้ มันต้องใช้ความพยายามและอดทนมหาศาล แต่ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตอนนั้นที่พี่น้ำนอนหลับอยู่แล้วผมเผลอไปจูบเธอ เจ้าตัวเผลอถอดวิญญาณของตัวเอกมานอกร่างแปบหนึ่งได้อย่างไร มันเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เธอทำแบบนั้นได้ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
ตอนนี้ผมกับพี่น้ำมานั่งอยู่ที่โซฟากลางห้อง ตรงข้ามเป็นพี่เอก วันนี้ไอ้คีย์กับไอ้ชาก็มานั่งฟังด้วยว่าพวกเราจะเอาไงกันต่อกับเรื่องนี้ดี
“เป็นอย่างที่คิด สุจิตราไม่ยอมปล่อยให้น้ำย้ายออกจากโรงพยาบาลนั่น” พี่เอกพูดขึ้นมา เอามือกุมขมับแบบเครียด ๆ ผมเองก็คิดไว้แบบนั้น ใครมันจะไปยอมง่าย ๆ ตอนนี้ร่างของพี่น้ำอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย ถึงแม้ผมจะคอยแวะเวียนไปดูแลความปลอดภัยให้ แต่ถึงยังไงร่างนั้นก็อยู่ในความดูแลของสุจิตราอยู่ดี อ้อยเข้าปากช้างแล้วมีหรือจะคายออกมา
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับ” ผมถามพี่เอกไป ตอนนี้ในใจก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับเขามาก ตอนนี้ความปลอดภัยของพี่น้ำสำคัญที่สุด
“วิธีนี้มันอาจจะเสี่ยง แต่พวกเราก็ไม่มีทางเลือกแล้ว”
“วิธีอะไรเอก” พี่น้ำพูดขึ้นมาบ้าง
“พวกเราจะเข้าไปลักพาร่างของน้ำออกมา”
“ฮะ !”
ทันทีที่พี่เอกพูดจบ พวกเราที่อยู่ในห้องก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาแบบตกใจ นี่พี่เอกดูละครเยอะไปหรือเปล่า เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ แบบปลอมเป็นพยาบาลหรือหมอแล้วไปเอาคนไข้ออกมา ไหนจะเรื่องการดูแลพี่น้ำหลังจากออกมาจากโรงพยาบาลอีก ไหนจะกล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาล ทุกอย่างมันยากไปหมด วิธีนี้ไม่ได้แค่จะเสี่ยงธรรมดา แต่เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางอีกด้วย ยังไงสุจิตราตอนนี้ก็ถือเป็นผู้ปกครองของพี่น้ำเมื่อร่างของเจ้าตัวนอนไร้สติอยู่แบบนั้น
“พี่จะทำยังไง ถ้ามีใครจับได้พวกเราคงไม่พ้นถูกจับส่งตำรวจเลยนะ อีกอย่างเรื่องนี้มันชีวิตจริง ไม่ใช่ในหนังนะพี่” ผมพูดออกไป ผมเป็นแค่วิญญาณอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากในกรณีนี้ ก็ได้แต่ให้คำแนะนำเขาไป
“ฉันมีแผน พวกนายไม่ต้องห่วง ฉันพอมีเส้นสายที่ไว้ใจได้อยู่ในโรงพยาบาลนั่น แต่ยังไงฉันก็ต้องให้พวกนายช่วย คนจะรู้เรื่องนี้เยอะมากไม่ได้ ฉันไม่ไว้ใจคนนอก พวกนายคิดว่าไง”
ไอ้คีย์กับไอ้ชามองหน้ากัน แล้วมันสองคนก็พยักหน้าช้า ๆ ผมเองก็คิดว่าไหน ๆ ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว อีกอย่างพี่เอกก็ดูมั่นใจขนาดนั้น เราจึงควรลองทำตามแผนเขาดูสักครั้ง
“วันไหนเมื่อไร ทำอะไร พี่บอกพวกผมได้เลย” ไอ้คีย์พูดออกไป
“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เราจะไปพาร่างน้ำออกมากัน”
ช่วงเย็นของวัน ผมก็แวะเข้าไปเยี่ยมร่างของพี่น้ำตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติก็วันนี้มีผู้ชายสองคนมายืนเฝ้าหน้าห้องของพี่น้ำเอาไว้เหมือนเป็นบอดี้การ์ด ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าสุจิตราจะลงทุนขนาดนี้ เจ้าตัวคงพอจะรู้ตัวแล้วว่าพวกเราต้องการแย่งชิงร่างพี่น้ำออกไปจากเธอ
ผมลอยตัวทะลุผ่านเข้าไปในห้อง ตอนนี้ร่างของพี่น้ำดูผอมเหลือเกิน คงเป็นเพราะร่างกายได้รับแต่อาหารผ่านทางสายอาหาร ใบหน้าดูซูบเซียวจนอดเป็นห่วงไม่ได้ ผมอยากให้พวกเราผ่านเรื่องนี้ไปได้เร็ว ๆ จัง แต่ก็แอบกลัวเหมือนกันว่าถ้าพี่น้ำกลับเข้าร่างตัวเองไปได้แล้ว ผมจะกลายเป็นคนอื่น ผมไม่เคยลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ
เมื่อไรที่เธอกลับเข้าร่างได้ ผมจะถามเธออีกครั้ง และถ้าเจ้าตัวยืนยันคำตอบเดิม
ผมจะเป็นคนเดินจากไป ...
มือโปร่งแสงของผมเอื้อมไปจับมือของพี่น้ำที่มีเข็มและสายน้ำเกลืออยู่ที่มือ ทันทีที่มือผมสัมผัสกับมือของพี่น้ำ ผมรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้ามากมายแล่นเข้าสู่ร่าง แต่มันไม่ได้เจ็บปวด มันเหมือนวิญญาณของผมตอบสนองกับร่างกายของพี่น้ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
มันอาจจะเป็นไปได้ว่าร่างกายพี่น้ำกำลังฟื้นตัว ...
ไม่รอช้า เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดมันเป็นจริงไหม ผมค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนทับบนร่างของพี่น้ำ ร่างของพี่น้ำและวิญญาณผมประสานกันอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม มันไม่เหมือนตอนที่ผมเคยลองเข้าไปอยู่ในร่างพี่น้ำก่อนหน้านี้แล้วมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป มันไม่ได้ว่างเปล่า
ผมมีความรู้สึก ...
มันเหมือนคนอดอาหารมาเป็นเดือน ร่างกายหมดแรงแบบสุด ๆ แค่นี้ผมก็คิดว่าเรามีความหวังแล้วที่ร่างกายของพี่น้ำกำลังฟื้นตัว ต่อให้ตอนนี้ผมยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ แต่ร่างกายพี่น้ำก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ผมพยายามขยับนิ้วมือร่างของพี่น้ำ แล้วมันก็ได้ผล
ดีใจอย่างที่สุด ...
อีกไม่นาน ร่างของพี่น้ำต้องฟื้นขึ้นมาแน่ ๆ ผมหลับตาลุกขึ้นจากร่างของพี่น้ำยิ้มอย่างดีใจ ผมต้องรีบกลับคอนโดเพื่อเอาข่าวดีนี้ไปบอกพี่น้ำ
พี่จะฟื้นแล้วนะครับ ...
ภายในตึกสูงของบริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ร่างของเอกกำลังนั่งทำงานอยู่ภายในห้องของผู้บริหารระดับสูง ถึงแม้เจ้าตัวอายุยังน้อยไม่เกินสามสิบปี แต่ความสามารถที่มีบวกกับเส้นสายชื่อเสียงของครอบครัวทำให้เขามาถึงตำแหน่งนี้ได้โดยง่าย เจ้าตัวนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองอย่างครุ่นคิด มันไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่องของน้ำต่างหาก แผนการที่เขาจะทำนี้จะพลาดไม่ได้ เขาไม่อยากทำให้เธอเสียใจอีกแล้ว เจ้าตัวคิดพลางย้อนกับไปคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน
6 เดือนก่อนหน้านี้
ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำกับเอกเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งเขาและเธอต่างโทรคุยกันเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์น้ำก็จะบินกลับมาหาเขา ถึงแม้ว่าจะทำงานกันคนละที่ คนละจังหวัด แต่ทั้งสองก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ยังคงเป็นเหมือนเดิมเช่นวันแรกที่คบกัน จนกระทั่งเอกรับเลขาใหม่มาทำงาน เลขาคนนั้นชื่อริน รินเป็นคนสวย ยิ้มเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ถ้าเปรียบเทียบว่าน้ำคือสาวมั่นที่ลุยได้ทุกอย่าง รินก็คงจะเป็นทุกอย่างที่ตรงกันข้ามกับน้ำ
เขาและรินสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มห่างจากน้ำมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าเพื่อนร่วมงาน จากที่โทรคุยกันทุกวันก็กลายเป็นโทรคุยกันแค่เสาร์อาทิตย์ เอกเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ความผูกพันระหว่างเขากับรินก็มากขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป เขายอมรับว่าเขาเผลอใจไปให้รินบ้าง เป็นบ้างครั้งบางคราว แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองได้เสมอ
จนกระทั่งน้ำหยุดทำงานและกลับมาเรียนต่อ เขากับน้ำจึงกลับมาคุยกันมากขึ้นเหมือนเดิมอีกครั้งและน้ำมาบริษัทเขาบ่อยขึ้น แต่การกลับมาคุยนั้นมันเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อน้ำเหมือนจะไม่ไว้ใจเขาเมื่อเห็นเขาอยู่กับริน น้ำก็ยังคงเป็นน้ำ เจ้าตัวคิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้นแรง ๆ ตรง ๆ จนคนฟังเสียความรู้สึก ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับรินเลย
ในที่สุดวันแตกหักก็มาถึง ทั้งเขาและน้ำทะเลาะกันเพราะว่ารินทำกาแฟหกใส่เสื้อเขา เจ้าตัวมาเช็ดให้ขณะเขาถอดเสื้อเพื่อเปลี่ยน แต่น้ำก็เข้ามาเห็นพอดีเพราะเจ้าตัวกะจะมาชวนเขาไปเลี้ยงสายรหัสรุ่นน้องตัวเองเพราะรถเสียอยากให้เขาไปส่งและไปด้วยกัน
“น้ำ มันไม่ใช่อย่างที่น้ำคิดนะ รินเขาแค่ทำกาแฟหกใส่ผม”
“เอกคิดว่าน้ำโง่มากหรอ เอกดูไม่ออกหรือไงว่ามันอ่อยเอก มันแอ๊บ !”
“น้ำ ! พูดอะไรก็ให้เกียรติรินด้วย ถ้าน้ำเป็นแบบนี้เราอย่าเพิ่งคุยกันดีกว่า”
“ได้ น้ำไปก็ได้ !”
พูดจบร่างของน้ำก็ออกไปจากห้องโดยที่ไม่ฟังอะไรเขาต่อเลย เจ้าตัวเป็นผู้หญิงที่เก็บความรู้สึกเก่ง เขารู้เรื่องนี้ดี แต่เข้าไปคุยตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่อง คงต้องปล่อยให้น้ำไปเลี้ยงสายรหัสตามลำพัง เขาเองก็เบื่อที่จะตามง้อเหมือนกัน
ตอนนั้นเขาน่าจะเชื่อน้ำว่าสิ่งที่น้ำพูดมันไม่ผิดเลยสักนิด แต่เขาก็พลาดไปแล้ว ความหงุดหงิดนั้นทำให้เขาพารินไปดื่มในวันเดียวกัน และเพราะความเมา เขาเจอเผลอมีอะไรกันกับริน โดยที่ไม่รู้เลยว่ารินแอบเอามือถือถ่ายเขาอยู่ และเอามือถือเขาส่งคลิปไปให้น้ำดู
เอกมาทราบทีหลังจากคำบอกเล่าของพ่อน้ำ ว่าเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลในวันเดียวกัน แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยสักนิดว่าน้ำรู้เรื่องที่เขาทำแล้ว เขารู้สึกผิดมากและหายหน้าไปเกือบหนึ่งอาทิตย์กับสิ่งที่ตัวเองทำก่อนเข้าไปเยี่ยมน้ำ จนต่อมามีรุ่นน้องเชิญเขาไปพูดคุยในงานรับน้องแล้วมีรุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาต่อยเขาพร้อมกับบอกเรื่องที่เกิดขึ้น มันทำให้เขาเข้าไปคุยกับรินพร้อมกับสืบหาต้นตอที่เกิดขึ้นว่าน้ำรู้ได้ยังไง แล้วพบว่าแท้จริงแล้วคลิปมันถูกส่งจากมือถือในไลน์ของเขาเอง เขาโกรธรินมากและไล่เธอออกไปในที่สุด
เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะเรียกสติเอกให้คืนกลับมาจากเรื่องในอดีต เขาเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์จากเลขาที่อยู่ทางด้านหน้าของห้อง
“คุณเอกพงษ์คะ มีคนมาขอพบค่ะ” ปลายสายส่งเสียงออกมา
“เชิญเขาเข้ามาได้ครับ” เขาพูดกรอกเสียงกลับไป
ไม่นานประตูห้องของเอกก็ถูกเปิดออก ร่างที่เดินเข้ามาทำให้เอกมองด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะกล้ามาหาเขาถึงที่นี่ เจ้าตัวกำหมัดแน่น เธอคนนี้แหละที่ทำให้เขาและน้ำต้องเข้าใจผิดกัน เขาไม่โทษเธอฝ่ายเดียวหรอกในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะยังไงตบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดัง เขาเองก็ผิดที่ทำแบบนั้นกับอดีตเลขาตัวเอง
“คุณมาทำไมอีก ผมคิดว่าเรื่องของเรามันจบไปแล้วนะริน” เอกพูดออกไปมองผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้าเรียบ ๆ
ผู้หญิงที่ชื่อรินจัดเป็นคนสวยคนหนึ่ง ใบหน้านั้นมองมาที่เอกเหมือนคนที่กำลังไม่เหลือใคร เจ้าตัวเดินเข้ามาจนถึงโต๊ะทำงานของเอกแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนริมฝีปากของเธอจะขยับขึ้นพูด
“คุณเอก ฉันท้อง”