เรื่องสยองที่ 20 : ทำคะแนน
กว่าพี่เอกจะได้สติกลับมาพูดจากันรู้เรื่องอีกครั้งก็กินเวลาไปเกือบสิบนาที โดยมีไอ้คีย์คอยดึงตัวพี่เอกไว้ไม่ให้วิ่งหนีพวกเราออกไปจากคอนโดเสียก่อน เพราะดูท่าทางจะกลัวผีเหลือเกิน หมดลุคคูล ๆ ที่เคยเห็นไปจนหมด ซึ่งผมก็หมั่นไส้เจ้าตัวเป็นทุนเดิมที่พี่น้ำยังคงลืมพี่เอกไม่ได้ จึงเดินเข้าไปใกล้แกล้งเขาอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำท่าทีน่ากลัวอะไรออกไปเลยนะ แค่ลองหมุนคอเล่นสนุก ๆ เท่านั้นเอง
ผมเห็นพี่น้ำถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่มองตามร่างของพี่เอกที่ในที่สุดเจ้าตัวก็กลับมานั่งที่โซฟาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ สายตาเหลือบมองวิญญาณผมแล้วหันกลับไปหาร่างของผมที่มีพี่น้ำอยู่ภายในอีกครั้ง
“นะ นี่ น้ำจริง ๆ หรอ” พี่เอกพูด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตอนนี้ผมคิดว่าเขาคงเชื่อแล้วว่าพี่น้ำอยู่ในร่างของผมจริง ๆ
“ก็ใช่น่ะซิ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้น้ำสลับวิญญาณกับอิฐ แต่อิฐไม่ได้สลับร่างกับน้ำ เพราะร่างกายของน้ำไม่ตอบสนอง นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลไง” พี่น้ำตอบกลับไป
“งั้นก็หมายความว่า น้ำ ... น้ำอยู่ในร่างของหมอนี่มาตลอดเวลาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุเลยงั้นหรอ” พี่เอกถาม
แรมต่ำหรือไงครับพี่เอก แค่นี้ก็คิดไม่ได้
โอ๊ย ยิ่งเห็นผมยิ่งหมั่นไส้ไอ้พี่เอก ตอนแรกก็ไม่ได้อะไรแต่ตอนนี้ความหมั่นไส้มันทวีคูณขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงผมจะยอมรับได้ว่าพี่น้ำยังคงชอบพี่เอกอยู่ แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าผมยอมแพ้กับเรื่องนี้หรอกนะ ในเมื่อตอนนี้พี่น้ำรู้แล้วผมคิดยังไงกับเธอ ผมก็จะทำให้พี่น้ำรู้ว่าผมจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน
“ใช่ น้ำอยู่ในร่างของอิฐมาเดือนครึ่งแล้ว” พี่น้ำตอบกลับมา
ทันทีที่พี่น้ำพูดจบ ร่างของพี่เอกก็พุ่งพรวดเข้ามาหาร่างผมแล้วสวมกอดทันที เห็นภาพนั้นแล้วขนลุกชะมัด ยังดีที่พี่น้ำรีบผละตัวออกอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สวมกอดกันนานเหมือนพระเอกนางเอกที่เพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ แล้วกอดกันนานเป็นนาทีแบบในละคร สายตาที่พี่เอกมองพี่น้ำเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมันก็ไม่แปลกเท่าไร เพราะผมเห็นแบบนี้บ่อย ๆ ตอนที่เขาไปเยี่ยมพี่น้ำที่โรงพยาบาล
“น้ำ เอกคิดถึงน้ำมากเลยนะ” พี่เอกพูด พร้อมกับยิ้มให้กับพี่น้ำอย่างดีใจ มือหนาของเขาเอื้อมไปจับมือของพี่น้ำขึ้นมากุมไว้อย่างถือวิสาสะ
เห็นแล้วมันหงุดหงิด หงุดหงิดโว้ย ! อยากพังข้าวของ
“นั่นร่างผมพี่ ทำอะไรก็เกรงใจผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ถึงพี่น้ำจะอยู่ในร่างผมก็เหอะ แต่นั่นคือผม เข้าใจเปล่า” ผมพูดออกไป มองหน้าพี่เอก ซึ่งเจ้าตัวตอนนี้ก็ดูเริ่มกลัวผมน้อยลงแล้วด้วย
หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มเล่าเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบันให้กับพี่เอกฟัง พี่เอกตกใจหนักกว่าเดิมไปอีกเมื่อรู้ว่าสุจิตราแม่เลี้ยงพี่น้ำเป็นคนฆ่าพ่อพี่น้ำ แถมยังจะตามมาฆ่าพี่น้ำที่โรงพยาบาลอีก ซึ่งตอนนี้พ่อของพี่น้ำไม่อยู่แล้ว เรื่องค่ารักษาพยาบาลและอะไรอีกหลายอย่างสุจิตราคงไม่อยากเก็บพี่น้ำเอาไว้แน่ ๆ แถมยังมีมือขวาพ่อของพี่น้ำคอยช่วยเหลืออีกต่างหาก เท่ากับว่าตอนนี้พี่น้ำหมดหนทางจริง ๆ
“น้ำไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปนี้ผมจะดูแลน้ำเอง ผมจะพาร่างของน้ำไปรักษาที่ต่างประเทศ สุจิตราไม่มีวันทำอะไรน้ำได้อีกแน่ น้ำต้องฟื้นนะครับ” พี่เอกพูดต่อ
“ว่าไงนะครับ ! แล้วพี่น้ำที่อยู่ในร่างผมจะทำไง” ผมร้องขัดออกมาอย่างตกใจกับประโยคที่พี่เอกพูดขึ้นมาเมื่อสักครู่
“ก็ไปกับฉันนี่แหละ พอดีบริษัทสาขาที่อเมริกาจะให้เอกไปช่วยดูแลงานส่วนของที่นู่นด้วยเดือนหน้าแต่เราไปก่อนก็ได้ น้ำไปกับเอกนะ” พี่เอกพูดกับผมในประโยคแรก ส่วนประโยคที่สองหันไปคุยกับพี่น้ำแทน
นี่จะลงทุนเอาร่างพี่น้ำไปต่างประเทศเลยงั้นหรอ แถมพ่วงเอาร่างผมไปด้วยอีกคน แบบนี้ใครจะไปยอมได้ล่ะ นั่นร่างผมทั้งคนนะเฮ้ย อีกอย่างผมไม่วันปล่อยให้พี่เอกอยู่กับพี่น้ำกันสองคนแน่ ๆ
“ไม่ได้หรอกเอก ยังไงนี่ก็เป็นร่างของอิฐ อิฐต้องอยู่ที่นี่ แล้วไหนจะเรื่องที่อิฐยังเรียนอยู่อีก แค่นี้น้ำก็ไม่รู้จะชดใช้อิฐยังไงหมดแล้ว เราไปต่างประเทศไม่ได้ อิฐต้องใช้ชีวิตประจำวันเหมือนปกติ” พี่น้ำพูดออกมาหลังจากพี่เอกพูดจบ ผมรู้สึกขอบคุณพี่น้ำที่เธอคิดได้แบบนั้น อย่างน้อย ๆ ก็ให้โอกาสผมทำคะแนนบ้างเถอะ
“ใช่ครับ ยังไงนี่ก็เป็นชีวิตของอิฐ อีกอย่างการพาร่างพี่น้ำและอิฐไปต่างประเทศ ผมว่ามันไม่แฟร์กับอิฐเลยนะครับ พี่น้ำเองก็ยังถอดวิญญาณออกจากร่างอิฐไม่ได้ ยังไงต่างคนก็ต้องพึ่งกันครับ” ไอ้คีย์ช่วยพูดเสริมพี่น้ำต่อ
“ใช่ ถ้าพี่เป็นห่วงพี่น้ำจริง พี่ควรช่วยพวกผมหาทางจัดการสุจิตราตัวต้นเรื่องมากกว่า หาหลักฐานมาจับเธอเข้าคุกซะ ผมว่ามันต้องมีสักวิธี ไหนจะมือขวาพ่อพี่น้ำอีก แต่ตอนนี้ที่สำคัญคือพวกผมอยากให้ร่างพี่น้ำย้ายออกจากโรงพยาบาลนั่นซะ เพื่อไม่ให้สุจิตราเข้าไปยุ่งได้อีก” ผมพูดต่อออกไปยาวเหยียด
พี่เอกถอนหายใจออกมายาว ๆ พลางทำหน้าคิดต่อ เขาเหลือบตามองผมกับพี่น้ำ เหมือนเจ้าตัวจะเซ้นส์แรงเหมือนกันว่าผมมีท่าทีไม่ค่อยชอบเขาเท่าไรในสายตาของผู้ชาย และน่าจะเดาได้ไม่ยากเมื่อผู้หญิงผู้ชายมาอยู่ที่ที่เดียวกันสนิทกันมาเดือนครึ่งมันคือเรื่องอะไร พี่เอกเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนพูด
“นายดูเป็นห่วงน้ำเหลือเกินนะ น้ำเป็นแค่รุ่นพี่สายรหัสนายเอง แถมห่างกันหลายปีด้วย”
“ใช่ครับ ผมเป็นห่วงพี่น้ำมาก แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่หรอครับ พอดีตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราค่อนข้างสนิทกันมากน่ะครับ” ผมพูดออกไปตรง ๆ
พี่น้ำถึงกับหันมามองหน้าผม ผมไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ผมก็แค่พูดออกไปตามตรงนี่นา ผมเคยบอกพี่น้ำแล้วว่าจะขอโอกาสเขาจนกว่าพี่น้ำจะกลับเข้าร่างได้ และถ้าถึงตอนนั้นเขายังยืนยันคำตอบเดิม ผมก็พร้อมที่จะปล่อยพี่น้ำไป
พี่เอกฉีกยิ้มให้ผมก่อนพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ยังไงก็ขอบใจนายมากนะ ที่คอยดูแลแฟนฉันมาตลอดเดือนครึ่งที่ผ่านมา”
เจ้าตัวพูดออกมาเหมือนกับไม่มีอะไร แต่ผมได้ยินอย่างชัดเจนว่าเขาพูดคำว่าแฟนออกมาชัดมาก เหมือนตอกย้ำผมให้รู้ถึงสถานะระหว่างเขากับพี่น้ำในตอนนี้
แต่แล้วไง ... ผมไม่แคร์ แฟนกล้านอกใจแฟนตัวเองแล้วทำให้แฟนตัวเองร้องไห้ได้ ผมก็พร้อมที่จะแย่ง
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่รู้สึกว่าคนบางคนเขาดูแลพี่น้ำไม่ค่อยดีเท่าไรในแง่ของคนเป็นแฟนกัน ผมก็เลยต้องดูแลให้ดี”
ทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นจบก็แทบอยากจะตบปากตัวเองทันทีในความปากไว ทุกคนต่างรู้ว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร ทั้งพี่เอกและพี่น้ำ บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป ผมไม่ได้ตั้งใจให้พี่น้ำย้อนกลับไปคิดเรื่องที่พี่เอกนอกใจเธออีก แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว พี่น้ำนั่งก้มหน้านิ่ง ส่วนพี่เอกก็ทำหน้าไม่ถูก
พี่เอกลุกขึ้นจากโซฟาตัวเองขยับเข้าไปนั่งด้านข้างของพี่น้ำก่อนพูดขึ้นมาเบา ๆ
“น้ำคงรู้เรื่องนั้นแล้วสินะ ในวันที่ผมไปงานรับน้องถึงทำแบบนั้นกับผม ผม ... ผมขอโทษ ผมเมามากวันนั้น คือ ...”
ยังไม่ทันที่พี่เอกจะพูดจบพี่น้ำก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“น้ำจะไม่ถามนะว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงและเพราะอะไร แต่น้ำจะถามว่าเอกยังรักน้ำอยู่ไหม”
“รักสิ ผมยังรักน้ำอยู่ น้ำรู้ไหมว่าผมรอน้ำฟื้นขึ้นมาแค่ไหน ทุกครั้งที่ผมไปนอนเฝ้าน้ำ ผมบอกตัวเองเสมอว่าผมมันโง่ ผมมันเลวเองที่ทำกับน้ำแบบนั้น”
พี่น้ำนิ่งไปสักพักก่อนเริ่มต้นพูดขึ้นมา
“น้ำก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะไม่ให้อภัยเอก แต่น้ำก็หลอกตัวเองได้เท่านี้จริง ๆ สัญญาได้ไหมว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
“สัญญาซิ”
ผมกับไอ้คีย์เริ่มหลุดจากวงสนทนา ได้แต่ฟังเงียบ ๆ ผมไม่น่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย แต่ยังไงในที่สุดมันก็ต้องถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องเคลียร์กันอยู่ดี ผมกับไอ้คีย์เลยเดินออกมาก่อน เพราะดูเราสองคนจะกลายเป็นคนนอกไปเสียแล้ว รู้สึกเจ็บนิด ๆ แฮะ แต่ยังไงก็ทนไหว ยังไงผมจะทำให้พี่น้ำเปลี่ยนใจจากพี่เอกมาชอบผมให้ได้ ผมยังมีเวลาจนกว่าพี่น้ำจะกลับเข้าร่าง
สำหรับผม ผมไม่เชื่อหรอกนะ
คนที่ใช่ ... ทำอะไรก็ไม่ผิด
พี่เอกกลับไปได้สักพักแล้ว
ผมจึงเดินเข้าไปหาพี่น้ำภายในห้อง ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่า เหลือพวกเราแค่สองคนภายในคอนโด ไอ้คีย์กับไอ้ชาออกไปซื้อของข้างนอกกันตั้งแต่ตอนบ่าย เนื่องจากของใช้ต่าง ๆ ในคอนโดหมดไปเยอะแล้ว นี่ก็ใกล้จะสิ้นเดือนพอดี ส่วนผมเองไม่รู้จะตามพวกมันไปทำไม หิ้วของก็ไม่ได้ ก็เลยเลือกที่จะอยู่ที่คอนโดเป็นเพื่อนพี่น้ำแทน
ผมเห็นพี่น้ำนั่งเลื่อนดูไทม์ไลน์เฟสบุ๊คของตัวเองบนจอแล็ปท็อปไปเรื่อย ๆ คิดว่าเจ้าตัวคงคิดถึงชีวิตของตัวเองเหมือนกัน ก็เล่นมาใช้ชีวิตเป็นตัวผมซะตั้งนานแล้วนี่เนอะ
“พี่น้ำ ไม่หิวหรอครับ เย็นแล้วนะ” ผมทักพี่น้ำออกไป เจ้าตัวหันมามองหน้าผมก่อนลุกขึ้นจากหน้าจอแล็ปท็อปเดินมาล้มตัวนอนลงบนเตียงกลางห้องอย่างขี้เกียจ
ผมเองก็ยังไม่ได้ถามถึงเรื่องที่พี่น้ำนั่งคุยกับพี่เอกวันนี้เกือบทั้งวันเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากรู้ใจจะขาด ก็ได้แต่หวังว่าพี่น้ำจะยังไม่เทใจไปให้พี่เอกซะจนหมดอีกรอบนะ
“ไม่รู้จะกินไรดี เบื่อ ๆ อะอิฐ ปกติอิฐชอบกินอะไร” พี่น้ำถามผมกลับมา
“ผมหรอ ผมกินอะไรก็ได้” ผมตอบกลับไปอย่างขำ ๆ
“ย่ะ ไอ้อะไรก็ได้นี่มันมีหน้าตายังไงหรอ ทำไมคนเขาถึงชอบกินกัน”
พูดจบพี่น้ำก็ยันตัวลุกขึ้นมาคุยกับผมพร้อมกับเอามือเท้าเอวมองหน้า ก็ยังไม่ชินสักทีที่เห็นตัวเองทำท่าทางสาวแบบนั้น
“ก็ได้ ๆ ถ้าเป็นของโปรด ผมชอบกินผัดกระเพราทะเลไข่ดาว ของหวานก็พวกช็อกโกแลต คิตแคทนี่ขาดไม่ได้เลย” ผมตอบเขากลับไป
“แคลอรี่สูง อ้วน ๆ ทั้งงั้นเลยอิฐ”
ผมนี่อยากจะร้องแหมไปให้ไกลถึงดาวอังคาร ทีตัวเองซื้อเค้กกินชาไข่มุกแก้วโต ๆ นี่ไม่ทำให้อ้วนเลย
“งั้นไปเดินถนนคนเดินกันไหมพี่น้ำ วันนี้มีถนนคนเดิน น่าจะมีของกินให้เลือกเยอะด้วย” ผมพูด นึกขึ้นมาได้เหมือนกันว่าห่างจากคอนโดพวกเราไปไม่มาก วันนี้จะมีถนนคนเดินเป็นประจำในทุก ๆ สัปดาห์
“ก็ได้นะ พี่เองก็ไม่ได้ไปเดินนานแล้ว ถือโอกาสออกกำลังกายด้วย เดินไปนะ”
“ก็แหงสิครับ พวกเราไม่มีรถไปนี่ อีกอย่างถ้าพี่สังเกตร่างผมบ้าง ผมเริ่มมีพุงแล้วเห็นไหม ออกกำลังกายบ้างก็ดีครับ ผมว่าผมต้องบังคับพี่ให้ซิทอัพทุกวันละ”
“อ้าว ปกติไม่มีพุงหรอ” พี่น้ำถามผมกลับมาขำ ๆ เหมือนแซว
ใครใครมีพุงกัน ผมเข้าฟิตเนสออกจะบ่อย จนกระทั่งมาเกิดอุบัติเหตุวิญญาณหลุดออกจากร่างเนี่ย
“มีที่ไหน ปกติมันจะเป็นซิคแพคนะพี่น้ำ นี่อาบน้ำไม่เคยสังเกตลูบคลำอะไรในตัวผมเลยหรอ”
“จะบ้าหรอ ใครจะไปช่างสังเกตนู่นนี่นั่นขนาดนั้น” พี่น้ำตอบผมกลับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าขึ้นสีจนผมสังเกตได้ นี่ยังไม่ชินอีกหรอเนี่ย ผมหัวเราะขำ แบบนี้มันต้องแกล้ง
“ผมไม่เชื่อหรอก หุ่นผมดีจะตาย พี่ต้องแอบดูแอบคลำบ้างล่ะ”
ผมลอยตัวไปขวางหน้าพี่น้ำพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแบบล้อ ๆ ในขณะที่เจ้าตัวกำลังคว้ากระเป๋าตังค์พร้อมเดินออกจากห้อง
“พอเลยอิฐ ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว”
“แน่ะ ๆ กลบเกลื่อน ๆ สำรวจร่างกายผมไปขนาดไหนแล้วเนี่ย ผมเสียหายนะพี่น้ำ”
พี่น้ำไม่ตอบผมแต่เดินทะลุตัวผมตรงไปที่ลิฟต์อย่างรวดเร็วจนอดมองตามแล้วขำไม่ได้
ผมกับพี่น้ำเดินออกมาจากคอนโดประมาณสิบนาทีพวกเราก็ถึงถนนคนเดิน วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่คนเยอะเหมือนปกติ ผมกับพี่น้ำเดินดูข้าวของไปเรื่อย ๆ พี่น้ำเจออะไรก็ซื้อติดมือกินไปตลอดทาง พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันเยอะมาก เพราะเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าพี่น้ำเป็นบ้า เนื่องจากไม่มีใครมองเห็นผมอยู่ดี ผ่านไปเกือบครั่งชั่วโมงก็พบว่ามีของกินเต็มไม้เต็มมือของพี่น้ำเลยทีเดียว ทั้งเครปญี่ปุ่นเอย ไก่ป๊อบเอย หม่าล่าเอย
ไหนใครเป็นคนบอกไม่รู้ว่าจะกินอะไร ...
ผู้หญิงหนอผู้หญิง ...
“จริง ๆ อยู่ในร่างอิฐก็ดีเหมือนกันนะ จะกินอะไรก็ได้ กินเท่าไรก็ไม่อ้วน” พี่น้ำพูดหันมายิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับจิ้มไก่ป๊อบเข้าปากตัวเอง
“แหม หรอครับ ผมว่ากลับเข้าร่างเมื่อไร ผมต้องออกกำลังกายชุดใหญ่แน่ ๆ”
พวกเราสองคนเดินเล่นกันอยู่เกือบสองทุ่ม เมื่อเห็นว่าเดินจนพอใจแล้วก็คิดว่าถึงเวลากลับหอกันดีกว่า ระหว่างทางผมก็ชวนพี่น้ำคุยเป็นระยะ ๆ หยอกล้อพี่น้ำบ้าง เสียงหัวเราะดังมาเรื่อย ๆ ตลอดทาง ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่น้ำยังคงมองสิ่งที่ผมทำให้เป็นแค่รุ่นน้องทำให้รุ่นพี่หรือเปล่า
แต่อย่างน้อยผมก็คิดว่าผมทำคะแนนได้เพิ่มขึ้น 1 คะแนน