เรื่องสยองที่ 19 : ความจริงที่ยากจะเชื่อ
งานประกวดดาวเดือนประจำมหาวิทยาลัยได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ปูนได้ครอบครองตำแหน่งป๊อปปูล่าโหวตของมหาวิทยาลัยไป ส่วนมิ้งค์ถึงแม้จะเพิ่งผ่านการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตแต่เจ้าตัวก็กลับมาทำหน้าที่ตัวแทนของคณะต่อได้อย่างสมบูรณ์ เธอได้ตำแหน่งรองดาวมหาวิทยาลัยมาครอบครอง
หลังจากงานการประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัยและเฟรชชี่ไนท์อันแสนสนุกของเหล่านักศึกษาได้จบลง สองอาทิตย์ให้หลังก็เป็นการสอบกลางภาคเรียนของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และเช่นเดิมเหมือนทุกปี ห้องสมุดยังคงเปิดตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ และมีนักศึกษาเข้ามาใช้บริการมากกว่าปกติ
ปูนเดินออกมาจากหอในชายก่อนไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองเพื่อจะไปยังห้องสมุดมหาวิทยาลัยตามที่นัดกับเพื่อน ๆ เอาไว้ ตอนนี้เขาไม่ต้องขึ้นไปเบียดกับคนอื่นในรถอัดปลากระป๋องอีกแล้ว เพราะเจ้าตัวได้ไปยืมมอเตอร์ไซค์ของอิฐ ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมาใช้แบบถาวรเลย ล่าสุดที่เขาเข้าไปหาอิฐก็พบว่าพี่ชายของเขายังคงเป็นวิญญาณอยู่ ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง นึกว่ามีแต่ในละครซะอีก นี่ก็ผ่านไปเดือนครึ่งแล้ว ร่างของพี่น้ำก็ยังไม่มีอาการตอบสนองอะไรเลยตามคำบอกเล่าของอิฐ เขาเองก็ได้แต่เอาใจช่วยว่าพี่ชายจะกลับมาอยู่ในร่างเดิมโดยไว
“ปูน เราอยู่นี่”
เสียงเรียกทำให้ปูนหันไปมองคนเรียกก่อนส่งยิ้มให้ เป็นกี้นั่นเอง นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกันเมื่อเขารู้ว่ากี้เป็นน้องสาวของชาบู เพื่อนสนิทของพี่ชายเขา เจอกันล่าสุดนี่ซักเขาอย่างกับตัวเขาเป็นเสื้อผ้า ดีที่พี่อิฐเตือนไว้ก่อนแล้วว่าชาบูเป็นคนหวงน้องสาวมาก
“กำลังจะไปรับหน้าหอเลย” ปูนพูด
“พอดีแวะมาซื้ออะไรรองท้องอ่ะ คิดว่าน่าจะดึก ก็เลยเดินมาแถวนี้ เห็นปูนเดินออกมาจากหอชายพอดีเลยตามมา” กี้พูด เจ้าตัวเดินมาใกล้มอเตอร์ไซค์ของปูน
“ตั้งแต่ไปเอารถพี่อิฐมานี่ชีวิตสบายขึ้นเยอะเลยเนอะ” กี้พูดต่อขำ ๆ
“ใช่ ฮ่าฮ่า มากี้ ขึ้นเลยจะได้ไป เมื่อกี้ไอ้เมฆโทรตามอยู่ มันบอกนั่งอยู่คนเดียวทั้งโต๊ะ” ปูนพูดก่อนหัวเราะตาม จริงอย่างที่กี้ว่า เดี๋ยวนี้เขาไม่ต้องเผื่อเวลาเดินลงมารอรถของมหาวิทยาลัยแล้ว สะดวกสบายกว่าเดิมเยอะเลย
ขณะที่กี้ขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของปูนเสียงมือถือของกี้ก็ดังขึ้นมา ปูนเลยขับมอเตอร์ไซค์ช้าลงเพราะเห็นเจ้าตัวกดรับ กลัวว่าเสียงลมที่ตัดกับอากาศจะทำให้ฟังกันไม่รู้เรื่อง
“ว่าไงมิ้งค์ ... จะไปช้าหน่อยหรอ แล้วนี่รอรถมหาลัยอยู่ ฮะ ... จะบ้าหรอมิ้งค์ รถวิ่งถึงแค่หนึ่งทุ่มนะ จะมีรถมารับได้ไง ไปกับปูนไหม เราไปกับปูนเนี่ย เค ๆ เจอกันเซเว่นหน้าหอนะเดี๋ยวให้ปูนไปรับด้วย” กี้พูดก่อนกดวางมือถือตัวเองแล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกง
“มีไรหรอกี้” ปูนถามกี้เมื่อได้ยินเหมือนเจ้าตัวอ้างถึงชื่อเขาขึ้นมาด้วย
“มิ้งค์รถเสียอะดิปูน ดันไปรอรถปลากระป๋องป่านนี้จะมีไหม ปูนวนรถไปหามิ้งค์หน้าเซเว่นหน่อยนะ”
“อ้าวหรอ ได้ ๆ ฮ่าฮ่า” ปูนพูดหัวเราะขำ ก่อนขับรถไปยังเซเว่นหน้าหอหญิงตามที่กี้บอกซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก
ปูนเองก็สนิทกับมิ้งค์มากพอสมควรเหมือนกัน เนื่องจากตอนช่วงประกวดดาวเดือนเขาต้องอยู่กับมิ้งค์เพื่อซ้อมตลอดเวลา มิ้งค์ก็เป็นผู้หญิงโก๊ะ ๆ มึน ๆ อีกคนในบางมุม ดูเป็นลูกคุณหนูแต่ก็มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เขายังจำตอนเธอตอบคำถามกรรมการในวันประกวดได้อยู่เลย อย่างกับคนละคนกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ส่วนเขานะหรอ วันจริงตื่นเต้นไปหมด ตอบผิด ตอบไม่ตรงคำถามบ้าง ไม่รู้ได้ป๊อบปูล่าโหวตมาได้ไง นี่ขนาดเขาตอบแบบนี้ยังได้ป๊อบปูล่าโหวตเลย ถ้าตอบดีป่านนี้คงได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยไปแล้ว นี่ก็นึกว่าตัวเองออกไปเล่นตลก
ไม่นานปูนก็ขับมอเตอร์ไซค์โดยมีกี้ซ้อนไปยังด้านหน้าของหอหญิง มองหาเพียงแปบเดียวก็เจอมิ้งค์ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่ ปูนจอดรถโบกไม้โบกมือให้มิ้งค์พร้อมกับทักทาย
“แล้วเอาไง เราไปส่งกี้ก่อนไหมแล้วค่อยย้อนมารับมิ้งค์” ปูนถามไปยังสาว ๆ ทั้งสอง
“ซ้อนสามไปเลยปูน กี้ตัวเล็กจะตาย ไป ๆ กลับ ๆ เสียเวลา ห้องสมุดมหาวิทยาลัยก็อยู่เกือบหน้ามอเลยนะ” มิ้งค์ตอบเขากลับมา
“ฮะ เอางั้นหรอ” ปูนถามเพื่อความชัวร์ เขาน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่เบาะรถของเขามันแคบจะตาย ถ้าซ้อนสามไปมันคงเบียดกันหน้าดูเลย
“งั้นกี้นั่งหน้าละกันตัวเล็กขนาดนี้ ส่วนเราซ้อนท้ายเอง ปูนรับน้ำหนักพวกเราไหวใช่ไหม” มิ้งค์พูดต่ออย่างรวดเร็ว เขาพยักหน้าให้เบา ๆ เป็นคำตอบ
กี้ดูท่าทางเหมือนจะโอเคด้วย เจ้าตัวก็เลยลงมาจากเบาะรถมอเตอร์ไซค์ทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เธอมองหน้าปูนนิดหนึ่งพร้อมกับอมยิ้ม ก่อนจะหมุดตัวเข้าไปใต้แขนของปูนที่ยังจับแฮนด์มอไซค์อยู่เพื่อที่จะไปนั่งด้านหน้า ความตัวเล็กของเจ้าตัวทำให้เธอเข้าไปนั่งได้อย่างรวดเร็ว ปูนเองแทบจะขยับที่นั่งตรงด้านหน้าให้แทบไม่ทัน ไม่งั้นป่านนี้กี้คงจะได้มานั่งตักเขาไปแล้ว
ปูนหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ
กี้ทำเอาเขาหัวใจจะวาย ทำไมนึกจะทำอะไรก็ทำแบบนี้เนี่ย ...
ผู้หญิงอะไร ขี้แกล้งชะมัด ...
“ปูน ไม่ไปหรอ คิดไรอยู่เนี่ย มิ้งค์ขึ้นมาซ้อนท้ายนานแล้วนะ” มิ้งค์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นปูนยังคงไม่สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองออกไปสักที
ปูนถึงกับได้สติเมื่อได้ยินเสียงของมิ้งค์ที่พูดขึ้นมาด้านหลังอย่างขำ ๆ เขาตีมึนรีบบอกว่าโอเค ๆ ไป ก่อนจะบิดกุญแจสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
นี่มันความฝัน ความฝันชัด ๆ มีสาวสวยประกบหน้าประกบหลังแบบนี้ ...
“ทำไมต้องหน้าแดงด้วยอะปูน นี่คิดอะไรทะลึ่งเปล่าเนี่ย” กี้พูดขึ้นมา เจ้าตัวหันมามองหน้าเขาจากทางด้านหน้าแล้วยิ้มขำ
ดาเมจแบบนี้คืออะไร ...
ขับรถอยู่นะกี้ ! เขาขับรถอยู่นะกี้ !
“ฮะ บ่เน้อ บ่ได้กึ๊ดอะหยั๋ง แต้ ๆ หนา” ปูนละล่ำละลักพูดออกไป
“แน่ะ ชัดเลย เวลารนแล้วชอบหลุดคำเมืองออกมาทุกที” มิ้งค์ที่อยู่ด้านหลังพูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะในท่าทีเพื่อนชายของเธอ
“ปะ ... เปล่านะ รีบไปเถอะ ไอ้เมฆรอนานแล้ว”
“มันอยู่ที่ปูนเลย ปูนเป็นคนขับนี่”
พูดจบสองสาวก็ขำออกมาในความตีมึนของปูน
ปูนขับรถมาตามถนนในมหาวิทยาลัยไปเรื่อย ๆ แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเส้นทางที่เขากำลังขับไปอยู่มันกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง นี่มีผู้หญิงซ้อนหน้าซ้อนหลังทำให้เขาเบลอขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ว่าแล้วปูนก็ต้องขับกลับย้อนกลับไปอีกทางเพื่อไปยังหอสมุดทางด้านหน้าของมหาวิทยาลัย
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านกระทบใบหน้าของปูนพร้อมกับความคิดฟุ้งซ่านที่พัดผ่านเข้ามาด้วย และเขาเองก็แทบจะลืมคิดไปเลยว่าเส้นทางที่เขากำลังจะไป นักศึกษาทุกคนมักจะหลีกเลี่ยงเสมอ ไม่อยากขับผ่านเพราะว่ามันทำให้การเดินทางล่าช้าไปอีก ภาพที่อยู่ตรงหน้าปูนไม่กี่เมตรคือลูกระนาดที่อยู่ห่างกันไม่มากเกือบสิบลูกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และให้นักศึกษาขับรถมอเตอร์ไซค์ช้าลงด้วยความระมัดระวัง
ปูนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตั้งสติ ทำจิตใจให้สงบ
ยุบหนอ พองหนอ
ลูกระนาดที่หนึ่งผ่านไป ...
ลูกระนาดที่สองและสามค่อย ๆ ตามมา ...
ข้างหน้าเป็นเจแปนนิสชีสเค้ก ...
ข้างหลังเป็นช็อกโกแลตลาวา ...
โป๊ดโท ทำโม สังโค
ผมยอมรับในการตัดสินใจของพี่น้ำที่จะเลือกเข้าไปบอกความจริงกับพี่เอก ไม่ว่าเขาเลือกที่จะทำอะไร ผมก็ยอมรับและทำตาม ผมอยากช่วยพี่น้ำให้ถึงที่สุดในการนำร่างของพี่น้ำออกมาจากที่โรงพยาบาลแห่งนั้น พวกเราต้องการให้ร่างของพี่น้ำไปอยู่ในที่แห่งใหม่ ที่ที่สุจิตราไม่สามารถเข้าไปทำร้ายเธอได้ เพราะตอนนี้ร่างกายของพี่น้ำหายจากอาการบาดเจ็ดหมดแล้ว เหลือแค่เพียงยังไม่ฟื้นต้องให้อาหารเหลวผ่านทางสายอาหารและต้องมีพยาบาลคอยดูแล
งานศพพ่อพี่น้ำผ่านไปเกือบสองอาทิตย์กว่าแล้ว สุจิตรายังไม่ได้แผงฤทธิ์หรือส่งคุณไสยอะไรมาจัดการพวกเราอีก ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่ากลัวพอสมควร เหมือนทะเลสงบก่อนจะเกิดคลื่นยักษ์ พี่น้ำหาทางติดต่อพี่เอกอยู่หลายครั้งเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่พวกเราก็พบว่าพี่เอกมีงานด่วนบินไปต่างประเทศเพื่อติดต่อธุรกิจหลังจากเสร็จสิ้นงานศพพ่อของพี่น้ำ
พี่น้ำนัดพี่เอกมาที่คอนโดของพวกเราหลังจากติดต่อเขาได้ในที่สุด ซึ่งดูท่าทางพี่เอกก็งง ๆ เหมือนกันว่าไอ้เด็กที่เป็นหลานรหัสแฟนตัวเองทำไมถึงได้อยากเจอเขานักหนา ถึงขนาดทั้งโทรและอีเมล์มาจิกเขาที่อยู่ต่างประเทศ ไปติดต่อธุรกิจที่อเมริกาได้เช้าสายบ่ายเย็นว่าจะกลับเมื่อไร มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ทำอย่างกับว่าสนิทกันมากอย่างงั้นแหละ
และเช้าวันอาทิตย์วันนี้ก็เป็นวันที่พี่เอกเข้ามาหาพวกเราที่คอนโด ผมบอกให้ไอ้คีย์อยู่ด้วยเพื่อที่จะทำให้พี่เอกเห็นวิญาณของผมเพื่อเพิ่มความเชื่อถือ เขาจะได้ไม่หาว่าพี่น้ำที่อยู่ในร่างผมเป็นบ้า ส่วนไอ้ชายังคงนอนหลับอยู่ในห้องคาดว่าน่าจะตื่นเที่ยง ๆ เหมือนเช่นเคย
“นี่นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันด่วนขนาดนี้เนี่ย ถึงได้ทั้งโทรและอีเมล์ตามตั้งแต่ที่อเมริกา” พี่เอกพูดขึ้นมาพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาบริเวณกลางห้อง หลังจากเจ้าตัวเดินเข้ามาภายในมองซ้ายมองขวาเพื่อสังเกต พี่น้ำเองก็เดินมานั่งบริเวณโซฟาตรงข้ามกับพี่เอกเช่นกัน พร้อมกับไอ้คีย์ที่นั่งอยู่ไม่ห่างโดยมีผมยืนมองดูอยู่ตรงนั้น
“เอก มันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ” พี่น้ำพูดออกมาช้า ๆ
ทันทีที่พี่น้ำเริ่มต้นขึ้นมาประโยคแรก พี่เอกก็ขมวดคิ้วมองหน้าพี่น้ำที่อยู่ในร่างผมทันทีเนื่องจากคำพูดน้ำเสียง สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป
“นี่น้ำเอง น้ำอยู่ในร่างผู้ชายคนนี้” พี่น้ำพูดต่อทำหน้าจริงจัง พอพี่เอกฟังจบก็ลุกขึ้นยืนทันที
“นี่เล่นตลกอะไร เรียกพี่มาเพื่อจะล้อเล่น ฟังเรื่องไร้สาระงั้นหรอ มันไม่สนุกเลยนะ” พี่เอกพูดขึ้นมา ดูท่าเจ้าตัวจะเริ่มอารมณ์เสียและฉุนหน่อย ๆ เมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังพูดเล่นถึงแฟนของเขาที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราที่โรงพยาบาลอยู่ เป็นผมเองก็คงจะไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะอยู่ดี ๆ ไอ้รุ่นน้องที่เคยต่อยหน้าตบตีเขามาพูดแบบนี้ใส่ ไม่รู้ว่าจะเล่นตลกอะไรด้วยกันแน่
“น้ำพูดจริงเอก เราเจอกันครั้งแรกที่โรงอาหารในโรงเรียนไง เอกจำได้ใช่ไหม” พี่น้ำยังคงพูดต่อเรื่อย ๆ เพื่อยืนยันว่าเธอคือแฟนของเขาจริง ๆ พี่เอกนิ่งอึ้งไปสักพักก่อนพูดขึ้นมา
“นายรู้ได้ไง น้ำบอกนายงั้นหรอ หยุดล้อเล่นได้แล้ว ฉันไม่เชื่อนายหรอก !” พี่เอกพูด ดูท่าเจ้าตัวจะยังคงไม่เชื่ออยู่ดี ตอนนี้เข้ามาเขย่าตัวพี่น้ำที่อยู่ในร่างของผมแล้วบอกให้พูดความจริงออกมาว่าต้องการอะไร
“นายต้องการอะไรกันแน่ ! เลิกเล่นได้แล้ว”
“พี่เอก หลับตาครับ ผมอยากให้พี่ดูอะไรหน่อย” ไอ้คีย์พูด รีบลุกขึ้นมาห้าม ก่อนเข้าไปดึงตัวพี่เอกที่กำลังเขย่าร่างผมให้อยู่ห่างออกไป
“นายจะทำอะไร” พี่เอกถามอย่างไม่ไว้ใจ มองหน้าไอ้คีย์
“ทำตามที่ผมบอกถ้าพี่อยากรู้ความจริง ถ้าพี่ไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าพูด” ไอ้คีย์พูดต่อ
พี่เอกนิ่งคิดแปบหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ เหมือนอยากรู้เหมือนกันว่าไอ้คีย์จะทำอะไร ไม่ช้านิ้วมือยมทูตของไอ้คีย์ก็แตะไปที่เปลือกตาของพี่เอก พี่เอกขยับตัวหนีห่างทันทีเพราะความไม่ไว้ใจ ก่อนเขาจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา สายตากวาดไปมองรอบ ๆ อย่างหวาดระแวงไม่ไว้ใจพวกเรา แต่แล้วสายตาคู่นั้นก็เลื่อนมาหยุดบริเวณที่ที่ผมยืนอยู่ พี่เอกหันมองร่างของผมกับวิญญาณของผมสลับกันไปมาอย่างไม่เข้าใจปนกับความตกใจ
แล้วสุดท้ายความคิดหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในหัวของเขา พี่เอกร้องตะโกนออกมาลั่นห้อง
“ผะ ผี ! ผีหลอก”