ตอนที่แล้วเรื่องสยองที่ 16 : ชีวิตที่ดำเนินต่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องสยองที่ 18 : คนที่คาดไม่ถึง

เรื่องสยองที่ 17 : คืนปล่อยของ


พระจันทร์ดวงกลมโตส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิดยามค่ำคืน

ผมมองมันอยู่สักพักแล้วแค่นหัวเราะออกมา ขำกับความใจร้อนของตัวเองที่ทำเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นลงไปได้กับพี่น้ำ เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย ก็แค่รุ่นน้องสายรหัสแค่เท่านั้นเอง ผมทรุดตัวลงนั่ง หย่อนขาลงไปบนอากาศที่ว่างเปล่าอยู่ริมดาดฟ้าบนตึกสูงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ปล่อยสมองตัวเองให้โล่งปลอดโปร่ง

บางทีการเป็นวิญญาณนี่ก็ดีเหมือนกัน อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ เหตุการณ์เมื่อตอนเย็นทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าผมพาลมากไปหรือเปล่าหลังจากตัวเองสงบลง ยอมรับว่าท่าทีปฏิเสธของพี่น้ำมันทำให้ผมแทบเป็นบ้า ผมรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนใจร้อน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น ผมพูดได้เต็มปากว่ามันผสมกับอาการหึงหวงของผมเมื่อตอนงานเผาศพพ่อพี่น้ำ สายตาที่พี่น้ำมองพี่เอก แถมคำพูดของพี่น้ำอีก ทุกอย่างมันเลยกลายไปเป็นแบบนี้

ผมมันงี่เง่าเอง ...

ผมควรไปขอโทษเขาแบบจริงจัง แต่ป่านนี้พี่น้ำคงนอนหลับไปแล้วในร่างของผม

ผมหายตัวแวะเข้าไปหาร่างของพี่น้ำที่โรงพยาบาลเช่นเคยเป็นปกติ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็ได้แต่มองร่างของเจ้าตัวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ผมคิดแบบโง่ ๆ ว่าไม่อยากให้เธอฟื้นขึ้นมาเลย ถ้าพี่น้ำฟื้นขึ้นมา เรื่องระหว่างเรามันจะกลายเป็นยังไง แค่รุ่นพี่สายรหัส ต่างคนต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิตของใครของมัน แบบนี้งั้นหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงจะเจ็บน่าดู ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่น้ำทำไมมันถึงมากขนาดนี้

มันมากจนเกินคำว่าชอบไปแล้ว ...

ผมยืนมองร่างของพี่น้ำต่ออีกสักพักก่อนคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะกลับไปอยู่ที่คอนโดตัวเองสักที ไม่นาน ผมก็หายตัวกลับมาที่คอนโด ไฟกลางห้องปิดหมดแล้ว สงสัยพวกไอ้คีย์กับไอ้ชาก็คงเข้านอนแล้วเหมือนกัน แต่อยู่ ๆ ประตูห้องของไอ้คีย์กับไอ้ชาก็เปิดออกมา เป็นร่างของไอ้คีย์ที่เดินออกมานั่นเอง

“หายหัวเลยนะ เห็นไอ้ชาบอกเมื่อเย็นทะเลาะกับพี่น้ำใหญ่โตเลยไม่ใช่หรอ มึงไปทำไรให้เขาล่ะ” ไอ้คีย์ซักผมทันทีที่เมื่อมันเดินออกมาถึงตัวผม นี่ก็เกือบจะตีสามแล้ว มันคงเตรียมออกมาส่งวิญญาณ

“กูไปจูบเขาว่ะ” ผมบอกมันไปตามตรง ไอ้คีย์ทำหน้าอึ้งนิด ๆ ก่อนเหมือนจะขำออกมา

“เดี๋ยว มึงจูบกับพี่น้ำเนี่ยนะ จูบกับร่างตัวเองนะไอ้อิฐ กูงี้ขนลุกไปหมดแล้ว”

“ตอนนั้นวิญญาณเขาซ้อนอยู่บนร่างกู กูเลยเผลอทำแบบนั้นลงไป เขาคงไม่รู้หรอกว่าเขาเผลอถอดวิญญาณออกมาอย่างบังเอิญ” ผมบอกมันไป

“เฮ้ย งี้ก็หมายความว่าพี่น้ำน่าจะถอดวิญญาณออกมาได้แล้วดิ”

“กูก็ไม่แน่ใจ แต่มึงปล่อยให้เขาอยู่ในร่างกูก่อนเถอะ กูเป็นห่วงเขา พ่อก็เพิ่งเสีย แล้วไหนจะเรื่องแม่เลี้ยงเขาอีก”

“เออ กูรู้แล้วน่า” ไอ้คีย์ตอบ

“มึงเป็นไรวะ ทำไมทำหน้าแปลก ๆ” ผมถามมัน เมื่อเห็นว่ามันหยุดคุยกับผมแล้วหันซ้ายหันขวาพร้อมกับทำหน้าแปลก ๆ อย่างเป็นกังวล พร้อมกับเรียกเคียวยมทูตของมันออกมา

“กูสัมผัสถึงวิญญาณอาฆาตสูงมาจากห้องพี่น้ำ รีบเข้าไปดูเร็ว !”

ทันทีที่มันพูดจบ ผมก็รีบลอยทะลุกำแพงเข้าไปภายในห้องของพี่น้ำทันที สายตากวาดหาร่างของตัวเองที่ควรจะนอนบนเตียงแต่ก็ไม่เจอ แต่เมื่อมองไปตรงริมห้อง ประตูกระจกถูกเปิดออกไปตรงระเบียง ผ้าม่านสีขาวปลิวไสวตามแรงลม ร่างของผมกำลังยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมทำท่าจะปีนระเบียงลงไปข้างล่าง

“พี่น้ำ !”

ระเบียงด้านหลังของคอนโด ร่างของน้ำกำลังมองไปที่วิญญาณของพ่อตัวเองอย่างถูกมนต์สะกด เธอคิดถึงพ่อของตัวเองเหลือเกิน คิดถึงคนที่ไม่ได้กล่าวแม้แต่คำล่ำลาแต่ได้จากเธอไปแล้ว เพียงแค่เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู เธอก็พร้อมที่จะทำตามทุกอย่างที่พ่อต้องการ

“ไปอยู่กับพ่อนะลูก” เสียงแหบพร่าดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง แต่น้ำกลับได้ยินว่ามันคือเสียงที่อบอุ่นของพ่อ

ภาพตรงหน้าที่เคยเป็นระเบียงห้องเริ่มจางหายไป สิ่งที่น้ำเห็นเป็นบ้านของเธอที่มีพ่อและแม่กวักมือเรียกอยู่ ความทรงจำวันเด็กมากมายไหลเข้ามาอีกครั้ง เธอคิดถึงทั้งคู่ใจจะขาด

“ค่ะพ่อ” น้ำที่อยู่ในร่างของอิฐพูดขึ้นมาอย่างไม่มีสติ

วิญญาณของเกรียงไกรกำลังยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนคนที่เป็นพ่อกำลังยิ้มให้ลูก น้ำที่อยู่ในร่างของอิฐค่อย ๆ เดินเข้าไปชิดระเบียง ความสูงของมันแทบจะไม่ต้องคิดเลยว่าถ้ามีคนตกลงไปจะเป็นยังไง

“พี่น้ำ !”

เหมือนเธอจะได้ยินเสียงของใครสักคนเรียก แต่ก็ไม่ได้สนใจพ่อกับแม่ของเธอกำลังรอเธออยู่ตรงหน้า

ผมตกใจจนเกือบจะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นร่างของตัวเองกำลังจะโดดลงไปจากคอนโดชั้นที่ 6 ไอ้คีย์ที่เข้ามาทันเวลาพอดีรีบเข้าไปกระชากร่างของผมที่มีพี่น้ำอยู่แล้วเหวี่ยงออกมาจากที่บริเวณนั้นทันที พี่น้ำดูมีสติขึ้นมานิดหน่อยเพราะล้มลงไปที่พื้นจากแรงเหวี่ยงไอ้คีย์แรงพอสมควร แต่เจ้าตัวยังคงดูมึน ๆ จับต้นสายปลายเหตุไม่ถูก แล้วสายตาของผมก็เลื่อนไปมองเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ วิญญาณดวงนั้นคือวิญญาณพ่อของพี่น้ำที่จ้องพวกเราด้วยสายตาโกรธแค้น ไม่ได้ดูสุขุม ใจเย็นเหมือนที่ผมเคยเจอ แค่นี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าเขากำลังโดนควบคุมจากใครบางคน ซึ่งเดาได้ไม่ยากเลยว่านั่นต้องเป็นแม่เลี้ยงของพี่น้ำ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่จิตใจโหดร้ายอำมหิตขนาดนี้ นี่ขนาดพ่อพี่น้ำตายกลายเป็นวิญญาณแล้วยังจองล้างจองผลาญกันไม่เลิก

“กูจะเอาลูกกูไปอยู่ด้วย พวกมึงอย่ามาขวาง !” วิญญาณพ่อพี่น้ำพูด

พูดจบร่างวิญญาณของพี่น้ำก็พุ่งตัวเข้ามาหาไอ้คีย์ แต่โดนไอ้คีย์เหวี่ยงเคียวยมทูตใส่ เกิดแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมาจากปลายคมของเคียว ก่อนจะเกิดเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของพ่อพี่น้ำ

“พ่อ !” พี่น้ำร้องขึ้นมาหลังจากมีสติ ลุกขึ้นยันตัวพร้อมทำท่าจะเข้าไปหาวิญญาณพ่อตัวเองเมื่อพบว่าวิญญาณพ่อตัวเองกำลังโดนทำร้ายจากไอ้คีย์แต่ผมห้ามไว้

“พี่น้ำ ! นี่ไม่ใช่พ่อพี่น้ำนะ ใจเย็น ๆ เมื่อกี้พี่น้ำเกือบกระโดดลงไปข้างล่างแล้วรู้ตัวหรือเปล่า” ผมร้องบอก

“แต่นั่นมันพ่อพี่นะอิฐ เขากำลังบาดเจ็บ”

“ปล่อยให้ไอ้คีย์จัดการเถอะพี่” ผมพูดกับพี่น้ำด้วยเหตุผล

“วิญญาณพ่อพี่น้ำกำลังถูกใครบางคนควบคุมอยู่ครับ ! พูดคุยอะไรด้วยตอนนี้เขาก็ไม่ฟัง” ไอ้คีย์โกนพูดกลับมา

เพล้ง !

กระจกประตูคอนโดบริเวณระเบียงแตกละเอียดด้วยความโกรธของดวงวิญญาณอาฆาต วิญญาณพ่อพี่น้ำไม่สนใจไอ้คีย์อีกต่อไป เจ้าตัวพุ่งเข้ามาหาพี่น้ำที่อยู่ในร่างผมภายในห้องอย่างรวดเร็ว เห็นเป็นเพียงเงาดำมืด ก่อนมือทั้งสองข้างจะบีบลงไปที่ลำคอของเป้าหมายอย่างที่ผมตั้งตัวไม่ทัน

“พะ พ่อ”

พี่น้ำร้องออกมาตะกุกตะกัก พยายามเอามือของพ่อตัวเองออกจากตัว ไอ้คีย์เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาหาร่างพี่น้ำพร้อมฟันเคียวลงไปที่วิญญาณพ่อพี่น้ำอีกรอบ ถึงจะได้ยินเสียงร้องจากวิญญาณออกมาอย่างเจ็บปวดแต่ก็ไม่ทำให้มือของพ่อพี่น้ำหลุดจากลำคอ หนำซ้ำยังคงบีบแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดนไม่สนใจอะไร

ราวกับต้องทำภารกิจที่ได้รับหมอบหมายให้สำเร็จให้ได้ แม้ว่าวิญญาณจะแตกสลาย

ผมเองก็รีบเข้าไปช่วยดึงวิญญาณพ่อพี่น้ำออกมาเช่นกัน แต่ถูกพลังวิญญาณพ่อของพี่น้ำผลักจนกระเด็นออกมา ไม่คิดเลยว่าการที่วิญญาณมีความอาฆาตจะทำให้มีพลังสูงขนาดนี้ ผมเองก็นึกถึงเรื่องเมื่อเย็น ที่ผมเผลอทำให้สภาพห้องเกือบพังยับเยินเพราะความโกรธ คิดได้แบบนั้นก็คิดถึงอารมณ์และความรู้สึกเมื่อตอนเย็น บางที่นี่อาจจะทำให้ผมมีพละกำลังหยุดวิญญาณพ่อพี่น้ำได้

เปลือกตาของพี่น้ำกำลังจะปิดเพราะขาดอาการหายใจ

“พี่น้ำ ผมขอโทษ ผมคงต้องทำลายวิญญาณพ่อพี่ ตามกฎยมทูต !” ไอ้คีย์ร้องออกมาแบบไม่มีทางเลือก ยมทูตมีกฎอีกอย่างคือไม่ให้วิญญาณทำร้ายคนเป็นเมื่อถึงเหตุการณ์ขับขัน ถ้าจะต้องเลือกระหว่างคนเป็นและคนตาย ก็ต้องเลือกคนเป็น ซึ่งตอนนี้พ่อพี่น้ำกำลังจะทำแบบนั้นกับพี่น้ำ ถึงแม้ว่าเขาจะถูกควบคุมโดยคนอื่นก็เถอะ

ปลายเคียวของไอ้คีย์เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบเตรียมพร้อมจัดการกับพ่อพี่น้ำ แต่ผมรีบร้องตะโกนให้หยุดก่อนพร้อมกับเข้าไปดึงด้ามเคียวของไอ้คีย์อย่างรวดเร็ว ไอ้คีย์ชะงักไปนิดหน่อยเมื่อตอนนี้ผมสามารถสัมผัสเคียวของมันได้

“ไม่มีเวลาแล้วไอ้อิฐ ! ร่างของมึงกำลังจะตาย วิญญาณอาฆาตขนาดนั้น ต้องทำลายทิ้งอย่างเดียว”

“ขอเวลากูหน่อย !” ผมร้องบอกมันไป ก่อนเข้าไปกระชากวิญญาณของพ่อพี่น้ำออกมาจากตัวพี่น้ำอีกรอบ คราวนี้มันได้ผล ผมนึกถึงความรู้สึกตัวเองตอนตัวเองโกรธมาก ๆ คราวนี้พละกำลังของผมเริ่มสูสีกับพ่อพี่น้ำ เพียงไม่นานผมก็กระชากร่างพ่อของพี่น้ำออกมาจากร่างตัวเองได้

ไอ้คีย์เองเมื่อเห็นพี่น้ำหลุดพ้นจากวิญญาณพ่อของตัวเองก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาวิญญาณพ่อของพี่น้ำพร้อมกับใช้พลังของมันตรึงตัวของเขาไว้ด้วยการสร้างบาเรียโปร่งแสงขึ้นมาครอบไม่ให้หนีออกมาทำร้ายพี่น้ำได้อีก

“เหลือก็แต่รอพระอาทิตย์ขึ้น มนตราที่ควบคุมน่าจะเสื่อม” ไอ้คีย์พูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนนี้วิญญาณเริ่มทยอยมาหามันเต็มห้องแล้วเพราะเวลาตีสามกว่าพอดี ไอ้คีย์ช่วยพยุงร่างของผมที่สลบไม่ได้สติลากไปไว้ที่เตียง ก่อนบอกพวกวิญญาณที่มาหามันให้ตามออกไปข้างนอก

พี่น้ำสักพักก็มีสติขึ้นมาร้องหาพ่อของตัวเอง ผมเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

“รอจนพระอาทิตย์ขึ้นนะพี่ มนตราน่าจะเสื่อม และเราจะได้คุยกับเขาได้” ผมบอกกับพี่น้ำ เราทั้งคู่มองไปยังวิญญาณพ่อพี่น้ำที่ถูกขังอยู่ในบาเรียโปร่งแสงที่ไอ้คีย์สร้างขึ้น เจ้าตัวยังคงจ้องกับมาด้วยสายตาโกรธแค้นพร้อมกับจะทำลายบาเรียไอ้คีย์ออกมาแต่ไม่สำเร็จ เหตุการณ์ครั้งนี้พี่น้ำซักผมใหญ่ว่าไอ้คีย์ใช่คนธรรมดาจริง ๆ แน่หรือเปล่าเพราะที่ผ่านมาพวกเราก็แค่บอกว่าไอ้คีย์เชี่ยวชาญมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ผมก็ขี้เกียจหาเรื่องแถอธิบายให้มันมากความ ว่าแล้วผมก็ได้แอบบอกความจริงไปในที่สุดว่าไอ้คีย์เป็นยมทูต

สงสัยคงต้องยอมโดนไอ้คีย์ด่าทีหลังแล้วล่ะ ว่ามีคนรู้ว่ามันเป็นยมทูตเพิ่มอีกคน

ภายในห้องมืด ๆ ที่ใช้ทำพิธีของสุจิตรา ตรงหน้าของเธอมีเทียนอยู่หนึ่งแท่งที่เปลวไฟค่อย ๆ มอดลง และไม่ช้ามันก็ดับลงไป นั่นหมายความว่าวิญญาณที่เธอส่งไปตามฆ่าคนที่เธอต้องการไม่ได้ตกอยู่ในอำนาจของเธออีกต่อไปแล้ว แถมไม่กลับมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย มือเรียวตวัดข้าวของที่ล้อมรอบบริเวณนั้นล้มลงระเนระนาดอย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด

ไร้ค่าตั้งแต่ตอนอยู่และตอนตายไปแล้ว ...

ไม่เคยทำอะไรให้ฉันมีความสุขได้สักอย่าง ...

“คุณใจเย็น ๆ เรายังมีเวลาอีกเยอะ แค่นี้ก็กำจัดไอ้แก่นั่นไปได้แล้ว” เสียงทุ้มห้าวที่นั่งอยู่ข้างตัวดังขึ้น

“เราจะเอายังไงต่อกันดี ฉันว่าพวกนั้นมันก็มีวิชาเหมือนกัน หาได้ยากมาก พวกที่รอดไปได้จากคุณไสยของฉัน” สุจิตราพูด

“เดี๋ยวค่อยคิดแล้วกัน ผมเหนื่อยแล้ว เรามาทำอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า” ชายวัยสามสิบกว่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สุจิตราพูดพร้อมกับรอยยิ้ม มือหนาเอื้อมไปแตะไหล่แม่เลี้ยงวัยสี่สิบอย่างถือวิสาสะ ซึ่งแม่เลี้ยงไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรแต่กลับหันไปยิ้มอย่างพอใจ

“ก็ได้”

ร่างของสุจิตราค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เสื้อคลุมที่อยู่บนตัวถูกปลดออกก่อนจะล่วงลงมากองที่พื้น เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของคนที่ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีประกอบกับการศัลยกรรมเข้าช่วย แค่นี้ก็ทำให้ชายคนที่นั่งอยู่มองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ ชายคนนั้นลูบไล้ขึ้นมาตามเรียวขาอย่างกระหายพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ไม่ช้า บทเพลงรักของทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางข้าวของทำพิธีอุบาทว์ที่น่าขยะแขยง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด