เรื่องสยองที่ 16 : ชีวิตที่ดำเนินต่อ
พวกเราพากี้กับปูนกลับไปส่งที่หอในหลังออกมาจากงานศพพ่อพี่น้ำ สิ่งที่แม่เลี้ยงพี่น้ำแสดงออกมาให้เห็นในวันนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าเธอรู้เรื่องของพวกเราทุกอย่างแล้ว ถ้าเธอมองเห็นวิญญาณของผมที่อยู่นอกร่างได้ นั่นก็หมายความว่าร่างของผมต้องมีวิญญาณของคนอื่นอยู่ภายใน ซึ่งมันจะเดาได้ไม่ยากเลยว่าใครอยู่ในนั้น เพราะทั้งท่าทีที่พี่น้ำแสดงออกมาว่าเสียใจขนาดไหนในงานศพ ประกอบกับท่าทางของเธอที่เจอแม่เลี้ยงของตัวเอง พวกเราคงจะต้องระวังตัวกันมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ไม่รู้ว่าแม่เลี้ยงพี่น้ำคิดจะทำอะไรกับพี่น้ำต่อกันแน่
ไม่นานรถของไอ้คีย์ก็มาหยุดจอดอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของหอใน เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มตรงพอดี กี้กับปูนเดินลงไปจากรถพร้อมกับบอกขอบคุณพวกเรา ดูปูนกับกี้ท่าทางสนิทสนมกันดี ผมเองก็ไม่ได้แปลกใจมากนักหรอก เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนเรียนคณะเดียวกัน แถมกี้ก็น่ารักซะขนาดนั้น ไอ้ปูนมันก็ดูชอบกี้จนออกหน้าออกตา ผมคงจะแซวมันหนัก ถ้าบรรยากาศมันดีกว่านี้ ยังไงก็ต้องขอบคุณทั้งคู่เหมือนกันที่ติดรถไอ้คีย์มา เพราะระหว่างทางมีเสียงพูดคุยของทั้งคู่ไม่หยุด เล่าเรื่องกิจกรรมในคณะของตัวเองให้พวกเราฟังตลอด เรียกเสียงหัวเราะได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่อย่างนั้นบรรยากาศในรถคงจะเงียบเหงาน่าดู เพราะพวกผมก็ไม่มีเรื่องอะไรพูดผ่อนคลายบรรยากาศเหมือนกัน พี่น้ำเองก็ยิ้มน้อย ๆ เวลาได้ฟังเรื่องตลกจากทั้งคู่
“ขอบคุณครับพี่คีย์” ปูนพูด
“ขอบคุณค่ะ ไปแล้วนะเฮีย” กี้พูดต่อพลางโบกมือลาพวกเรา
ผมมองตามน้องชายตัวเองเดินกลับไปยังหอชายซึ่งอยู่คนล่ะฝั่งกับหอหญิงจนสุดสายตา ขณะที่รถก็กำลังเคลื่อนตัวออกไปเรื่อย ๆ เห็นสองคนนั้นมีความสุขกันดี พอย้อนกลับมามองชีวิตตัวเองช่วงนี้ มันดูแย่ ๆ ยังไงไม่รู้แฮะ แต่คนที่แย่หนักกว่าผมคงจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมมากกว่า
งานศพพ่อพี่น้ำผ่านไปไวเหมือนโกหกและพวกเราเข้าไปฟังพระสวดทุกวันเลย ทุกอย่างเรียบร้อยดี แม่เลี้ยงพี่น้ำจัดพิธีสวดศพทั้งหมดเจ็ดวันก่อนเผา พี่น้ำเองก็เริ่มพอทำใจได้แล้วที่พ่อของตัวเองได้จากไปหลังจากเจ้าตัวนั่งซึมอยู่หลายวัน ทั้งตอนไปเรียนและช่วงเวลาอื่น ๆ ผมเองก็ได้แต่พูดคุยปลอบใจเขาบ้างเป็นบางครั้ง ไม่รู้จะทำอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เรื่องที่พี่น้ำพยายามฝึกถอดจิตออกจากร่างผมก็เลิกคิดไปได้เลยช่วงนี้ เพราะเจ้าตัวไม่มีสมาธิและอารมณ์ยังไม่คงที่แม้แต่น้อย
เวลานี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว หลังจากกลับจากงานเผาศพพ่อพี่น้ำ พวกเราก็แยกย้ายทำธุระอะไรนู่นนี่นั่นส่วนตัว ไอ้คีย์เหมือนจะมีนัดกับพี่ฟองออกไปข้างนอก ไอ้ชาก็นั่งดูหนังอยู่ที่บริเวณโซฟาไปวีดีโอคอลคุยกับใยไหมไป ส่วนพี่น้ำเลือกที่จะแยกตัวเองเข้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องตั้งแต่กลับมา ผมก็ไม่ได้ตามเข้าไปกวนอะไร นั่งดูหนังอยู่กับไอ้ชาสองคนด้านนอก
“มึงไม่เข้าไปดูพี่เขาหน่อยหรอวะไอ้อิฐ ตั้งแต่กลับจากงานเผา พี่เขายังไม่ออกจากห้องเลย” ไอ้ชาพูด พลางหันหน้าจอมือถือที่มีหน้าใยไหมหันมาทางผมด้วย เหมือนว่าใยไหมก็อยากคุยด้วยเหมือนกัน
“นั่นซิ อิฐเข้าไปดูพี่เขาหน่อย เวลาแบบนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากอยู่คนเดียวหรอกน่า” ใยไหมพูดเสริม
“พวกมึงคิดว่ากูควรเข้าไปหรอ” ผมถามพวกมันเพื่อความแน่ใจ
ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าถ้าเข้าไปแล้วจะไปรบกวนอะไรพี่น้ำหรือเปล่า เพราะปกติเราก็แทบจะอยู่ใกล้กัน ตัวติดกันตลอดเวลาอยู่แล้ว คิดว่าบางทีพี่เขาอาจจะต้องการเวลาส่วนตัวบ้างก็ได้
“เออดิวะ มึงนี่ไม่เข้าใจผู้หญิงเลย เวลาแบบนี้เขาต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนเว้ย พ่อเขาเพิ่งเผาวันนี้นะ แล้วมึงก็สนิทกับเขามากกว่ากูกับไอ้คีย์ เข้าไปคุยกับเขาหน่อย”
ผมพยักหน้าให้ไอ้ชาก่อนลอยตัวไปบริเวณห้องของตัวเองที่ปัจจุบันนี้กลายเป็นห้องของพี่น้ำไปแล้ว
“พี่น้ำ ผมขอเข้าไปนะครับ” ผมพูด ก่อนเดินทะลุผ่านประตูเข้าไป
ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเป็นคำตอบกลับมา พอเดินเข้ามาถึงภายในห้องจึงเห็นว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร พี่น้ำกำลังหลับอยู่นั่นเอง ผมเห็นร่างของตัวเองนอนหลับอยู่บนเตียง แต่มันจะไม่มีอะไรแปลก ถ้าวันนี้ผมไม่เห็นวิญญาณของพี่น้ำกำลังนอนหลับซ้อนทับอยู่บนร่างของผมด้วย ร่างวิญญาณนั้นไม่ต่างอะไรจากร่างของเจ้าตัวที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเลย
เส้นผมยาวสลวยปิดลงมาทับบริเวณหน้าผากของเจ้าตัว มันปิดบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง เจ้าตัวนอนตะแคงไปทางซ้าย มือของผมเอื้อมไปหยิบมันออกให้โดยอัตโนมัติ มันทำให้ผมเห็นภาพใบหน้าของพี่น้ำตอนหลับทั้งใบหน้า ไม่ใช่ว่าผมไม่ชินกับภาพนี้ สิ่งที่แตกต่างออกไปคือนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับวิญญาณของพี่น้ำโดยตรง พวกเราสัมผัสกันได้ในสภาพของวิญญาณ ผมมองหน้าพี่น้ำค้างนานอยู่เกือบนาที พี่น้ำคงจะเหนื่อยและเสียใจมากถึงเผลอหลับไปขนาดนี้ ผมยังสังเกตเห็นร่างของตัวเองมีคราบน้ำตาอยู่เลย
ไม่รู้ว่าผมทำอะไรลงไป ผมในร่างวิญญาณล้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ กับวิญญาณพี่น้ำในท่านอนตะแคงเหมือนกัน ผมหันหน้าไปหาเธอ ใบหน้าพวกเราอยู่ในระดับเดียวกัน คนหนึ่งหลับ อีกคนตื่น นึกไปนึกมา สภาพตัวเองตอนนี้ดูเหมือนคนโลกจิตเลยแฮะ มาแอบนอนจ้องหน้าคนอื่นดูตอนเขาหลับเนี่ย
พี่น้ำรู้ไหมครับ ว่าหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา มันทำให้ผมรู้สึกดีกับพี่มากขึ้นขนาดไหน ...
คิดได้แบบนั้นก็พบว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมาด้วย ต่อให้เป็นวิญญาณ แต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจของผมเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าผมนอนมองหน้าพี่น้ำในสภาพวิญญาณแบบนั้นไปนานแค่ไหน
และกว่าจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ...
ริมฝีปากผมก็บรรจงจูบลงไปหาร่างวิญญาณที่นอนหลับตาพริ้มซ้อนทับกับร่างของตัวเองอยู่ตรงนั้น
เหมือนเวลามันหยุดหมุน ...
ผมไม่อยากให้ช่วงเวลานี้หายไปเลย ...
“อิฐ” เสียงพี่น้ำดังขึ้นมาเบา ๆ จากร่างของผม ผมผละตัวออกจากร่างของตัวเองอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวไม่ได้เป็นวิญญาณที่นอนซ้อนทับอยู่บนร่างของผมอีกแล้ว แต่กลับเป็นร่างของผมเองที่มองกลับมาด้วยสายตาเหมือนคนผิดหวังกับอะไรบางอย่างแทน
ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำแบบนั้นออกไปได้ยังไง
ผมกลัว ... กลัวว่าพี่น้ำจะโกรธ จะเกลียดผม
ไม่อยากจะบอกว่ามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ และความปล่อยตัว ปล่อยใจของผมเอง
“ผม ... ผมขอโทษพี่น้ำ” ผมพูดออกไปเสียงเบา ไม่อยากมองหน้าพี่น้ำตอนนี้เลย
“พี่ไม่รู้ว่าอิฐเริ่มคิดกับพี่แบบนี้เมื่อไรนะ ... พี่เคยนึกมาตลอดว่าเรื่องของเรา พวกเพื่อนอิฐก็แค่แซวกันเล่น ๆ ขำ ๆ พี่อยากให้อิฐหยุด ก่อนมันจะทำให้เราอึดอัดกันเปล่า ๆ สำหรับพี่ มันเป็นไปไม่ได้ พี่ไม่ได้คิดกับอิฐแบบนั้น”
พี่น้ำพูดออกมาเรื่อย ๆ พร้อมกับยันตัวขึ้นมานั่ง มองหน้าผมอย่างจริงจัง
“พี่ขอบใจทุกอย่างที่อิฐทำให้พี่นะ อิฐเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม พี่เองก็จะลืมเรื่องที่มันเกิดเมื่อกี้เหมือนกัน”
ลืม ...
นี่ถึงขนาดต้องลืมเลยหรอ ... จูบเมื่อกี้มันน่ารังเกียจมากนักหรือไง
ไม่ใช่ไม่รู้รู้ว่าตัวเองผิด แต่มันรู้สึกหงุดหงิด หงุดหงิดที่โดนพูดแบบนี้ใส่ ลืมเลยงั้นหรอ พี่น้ำจะให้โอกาสตัวเองเปิดใจยอมรับคนอื่นบ้างไม่ได้หรือยังไง ยิ่งเมื่อเย็นตอนหลังจากงานเผาศพพ่อพี่น้ำ ผมยังจำสายตาที่พี่น้ำมองพี่เอกวันนี้ได้อยู่เลย มันเป็นสายตาที่ต้องการคนอยู่ข้าง ๆ สายตาที่ยังรักเขาอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
ไหนใครบอกจะไม่ให้อภัยเขาไง ...
“พี่ยังรักพี่เอกอยู่ใช่ไหม ไหนพี่บอกว่าพี่จะไม่ให้อภัยเขาไง พี่ให้โอกาสผมเริ่มต้นกับพี่ไม่ได้หรอ” ผมพูดออกไปอย่างหงุดหงิด
“มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยอิฐ” พี่น้ำพูด ขมวดคิ้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ
“ผมไม่เชื่อ ! ผมยังจำสายตาที่พี่มองเขาได้อยู่เลย ทำไมอะ ผมดีน้อยกว่าเขาตรงไหน พี่บอกผมมาซิ บอกผมมา”
ร่างของผมพุ่งเข้าไปประชิดร่างของตัวเอง มือสองข้างบีบไปที่ไหล่ของร่างตัวเอง ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้ผมสัมผัสร่างของตัวได้แล้ว ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแรงบีบนั้นมันแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“บอกผมซิ !”
“โอ๊ย ! อิฐ ปล่อยนะ ! ถ้าคิดได้แค่นี้ ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ พี่ขออยู่คนเดียว”
นี่มันอะไร ... คำพูดแบบนั้น เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกเหมือนโดนไล่ขนาดนี้
“นี่พี่ไล่ผม ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างพี่มาตลอด ให้พี่ยืมร่างเนี่ยนะ !” ผมพูดมองหน้าพี่น้ำอย่างไม่เข้าใจ นี่เขาเห็นผมเป็นอะไรกันแน่
อยู่ดี ๆ ไฟภายในห้องด้านบนเพดานก็กะพริบติด ๆ ดับ ๆ โคมไฟที่อยู่ข้างเตียงล้มลงมากองอยู่ที่พื้นแตกกระจาย ข้าวของในห้องเริ่มสั่นเหมือนแผ่นดินไหว
“อิฐ ! นายจะพาลไปแล้วนะ หยุด !” พี่น้ำตะโกนออกมา
เสียงเคาะประตูดังสองสามที ก่อนประตูห้องจะถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร่างของไอ้ชาที่เดินเข้ามาในห้องพี่น้ำด้วยสีหน้าร้อนรน
“ไอ้อิฐ มีเรื่องไรวะ เสียงดังไปถึงข้างนอก” ไอ้ชาพูด มันมองหน้าผมสลับกับพี่น้ำอย่างไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเผลอขึ้นเสียงดังใส่พี่น้ำจนออกไปข้างนอกห้องขนาดนั้น ประกอบกับตอนนี้ที่มีสติมองข้าวของรอบห้องที่ล้มลงมาระเนระนาด ไฟด้านบนของห้องกลับมาติดเป็นปกติอีกครั้งแล้ว
ผมหันกลับไปมองหน้าพี่น้ำก่อนพูดออกมาอีกครั้ง
“ก็ได้ ผมไปก็ได้ ผมขอโทษ”
ภายในห้องมืด ๆ ที่มีแสงสว่างจากเทียนไขไม่กี่เล่ม ร่างสองร่างกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ทั้งสองท่องบทสวดอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้นพร้อมกัน ด้านหน้าของพวกเขาเป็นแท่นบูชาที่ประกอบด้วยสิ่งของหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่น่ามอง ตรงหน้าของสุจิตรามีผ้าขาวที่มีเศษขี้เถ้าพร้อมกับเศษกระดูกอยู่ส่วนหนึ่งวางกองอยู่ด้านบน
เสียงฟ้าร้อง พร้อมกับฝนที่เทลงมาไม่ได้ทำให้ทั้งสองเสียสมาธิไปได้เลย ริมฝีปากยังคงท่องต่อไปเรื่อย ๆ ไม่นานเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นมา พร้อมกับร่างวิญญาณของเกรียงไกรที่โผล่มาอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่
“สุจิตรา เธอ ! เธอฆ่าฉัน” เกรียงไกรร้องออกมา มองไปยังร่างของอดีตภรรยาตัวเองอย่างเคียดแค้น
“ใช่ฉันฆ่าแกเอง แล้วแกจะทำไม อีกไม่นานลูกสาวแกก็ได้ตายตามแกไป”
“แกมันนังงูพิษ ! เลี้ยงไม่เชื่อง”
สุจิตราหาได้สนใจคำพูดของเกรียงไกรไม่ ริมฝีปากแสยะยิ้ม ฟังคำด่าเหล่านั้นเหมือนลมผ่านหูไปมา
“ตอนนี้วิญญาณลูกสาวแกมันไปอยู่ในร่างคนอื่น ตลกชะมัดที่เป็นแบบนี้ไปได้ ทำแผนฉันวุ่นวายไปอีก แต่แกไม่ต้องห่วงนะ ถึงมันจะไปอยู่ในร่างคนอื่น ฉันก็หาวิธีตามไปจัดการทั้งมันและร่างที่มันอยู่ได้อยู่ดี ทีนี้สมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของพวกเราและลูก จริงไหม” พูดจบสุจิตราก็หันไปมองผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ในเงามืด นั่นทำให้เกรียงไกรหันหน้าไปมองตาม
ภาพที่เห็นทำให้เขาตกใจ ทำไม ทำไมถึงเป็นคนคนนี้ไปได้ ...
มือของเกรียงไกรกำหมัดแน่นอย่างโกรธแค้น ในขณะที่สุจิตรากับผู้ชายคนนั้นกลับยิ้มอย่างพอใจ
“ยิ่งแกเคียดแค้นเท่าไร มันยิ่งดีเท่านั้น เพราะแกนั่นแหละ ที่จะเป็นคนฆ่าลูกสาวของแกเอง”
“พ่อ !”
น้ำที่อยู่ในร่างของอิฐสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อไหลออกมาเต็มตัวทั้ง ๆ ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ความฝันเมื่อกี้มันคืออะไรกัน เธอฝันว่าพ่อของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เขากำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างสุดชีวิต ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ดีเลย น้ำยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียง เดินไปเปิดไฟกลางห้อง ฝันร้ายเมื่อกี้ทำเอาเธอนอนไม่หลับ พ่อของเธอตายไปแบบสงบจริง ๆ งั้นหรอ
เสียงครืดคราดดังออกมาจากประตูกระจกบานใหญ่บริเวณระเบียงของห้องนอน น้ำที่ได้ยินเสียงจึงเดินไปบริเวณนั้น พร้อมกับเปิดผ่านม่านออกดู แต่ก็ไม่พบอะไร เจ้าตัวเลยทำท่าจะเดินกลับ แต่ยังไม่ทันที่จะหันหลังกลับก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังขูดกับกระจก
น้ำเปิดประตูกระจกบานใหญ่ออกไปสู่ระเบียงด้านนอกห้อง สายลมเย็น ๆ ปะทะเข้ากับร่างของเจ้าตัว ท้องฟ้าคืนนี้ไม่มีดาว มีแต่พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงให้ความสว่างไปทั่ว
“น้ำ”
เสียงเรียกกระซิบเบา ๆ ที่เหมือนกับเสียงพ่อของเธอทำให้เจ้าตัวขานตอบ
“พ่อ ! พ่ออยู่ไหน”
โบราณเขาว่า ...
ถ้าได้ยินเสียงเรียกหรือเสียงอะไรตอนกลางคืนห้ามทัก ...