บทที่ 118
ชายหนุ่มสามคนเดินสำรวจบนเขามาแล้วหลายวันแต่ก็ไม่พบเจอจุดหมาย สัตว์อสูรมากมายที่ถูกสังหารในป่าได้แก่นพลังปราณมาหลายสิบเม็ด เสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรแว่วเข้ามาเป็นระยะๆ
“เนี่ยฟงเจ้าแน่ใจนะว่าเรามาถูกทาง”
“ถูกทางแน่ ในแผนที่มันชี้มาที่บริเวณนี้ เพียงแต่ว่าต้องหาหน้าผาให้พบเจอเสียก่อน”
เย่เตาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยออกมา
“เช่นนั้นเราพักที่นี่ก่อนหรือไม่”
หยางเวยรีบกล่าวตอบโดยไม่ต้องคิด
“ดี ดีแน่นอน ทำตามที่เย่เตากล่าวเถอะ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว”
เป็นเย่เตาและเนี่ยฟงหันมามองหน้าก็แล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง หยางเวยรีบก่อกองไฟนำเนื้อสัตว์อสูรออกมาเสียบไม้ย่าง ไม่นานก็ใส่สมุนไพรลงไปในเนื้อสองสามอย่าง กลิ่นหอมโชยมาตามลม เกือบสองเค่อเนื้อย่างของหยางเวยก็สุขจนได้ที่ ทั้งสามนั่งทานเนื้อย่างจนอิ่ม เกือบครึ่งชั่วยามก็ออกเดินทางอีกครั้ง ระหว่างทางข้ามเขาอีกลูก เนี่ยฟงก็ยกยิ้มบางอย่าง
“หยางเวยข้าพบเจอแล้ว มันอยู่ที่หน้าผานั้น”
หยางเวยหันไปมองพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง
“ในที่สุดก็พบเจอเสียที สมบัติของข้า”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นหยางเวยก็พุ่งทะยานออกมาไปพร้อมกับเนี่ยฟงและเย่เตาพุ่งติดตาม เมื่อเข้ามาบริเวณเขาที่มีหน้าผา รอบด้านมีบางจุดโล่งเตียน ต้นไม้ถูกเผาทำลายเป็นจุดๆ
“ทั้งสองระวังด้วยข้าว่าที่นี่มีบางอย่างแปลกๆ”
ทั้งสามเดินสำรวจบริเวณรอบๆแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งใด
“ไอ้หนูระวังหน่อย ด้านบนมีสัตว์อสูรระดับสูง”
“ท่านลุ่ยกงพอทราบระดับของมันหรือไม่ขอรับ”
“ระดับพลังของมันอยู่ที่ระดับสีแดงขึ้นสูง”
เนี่ยฟงรีบเอ่ยวาจาเตือนเพื่อนทั้งสอง
“เย่เตา หยางเวย พวกเจ้าทั้งสองระวังตัวด้วย ด้านบนผามีสัตว์อสูรระดับสูง”
“ได้”
หลังจากกล่าวตอบรับ ทั้งสามก็ค่อยๆสำรวจบริเวณใกล้ๆกระชับเข้าไป ไม่นานทั้งสามก็ขนลุกชูชันไปทั่วทั้งร่าง เสียงร้องคำรามอันแสบแก้วหูดังออกมาจากบนหน้าผา ทั้งสามรีบโคจรลมปราณป้องกันเอาไว้ ไม่นานก็เงียบเสียงลง
“พวกเจ้าพร้อมแล้วใช่หรือไม่”
“แน่นอน หากเราไม่สังหารมัน เราก็ขึ้นได้บนนั่นไม่ได้อยู่ดี”
ไม่นานทั้งสามก็เดินเข้ามาบริเวณลานกว้างรอบด้านยังพอมีต้นไม้ขึ้นอยู่บ้าง ไม่นานก็มีบางอย่างพุ่งทะยานลงมาจากบนหน้าผา พร้อมกับเสียงร้องคำรามอันแสบแก้วหูอีกครั้ง ตูม แผ่นดินสั่นสะเทือนฝุ่นควันฟุ้งกระจายสัตว์อสูรนกอินทรีครึ่งสิงโตโดยส่วนหัวขาคู่หน้าและปีกเป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต มันระเบิดลมปราณระดับสีแดงขึ้นสูงออกมากดดันชายหนุ่มทั้งสาม ที่ยืนเผชิญหน้า เนี่ยฟงสะบัดมือประกายสายฟ้าพุ่งออกจากมือปรากฏอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าที่พื้น
หยางเวยรีบสวมถุงมือพร้อมกับโคจรลมปราณ เย่เตาเรียกดาบขนาดใหญ่ออกมากำชับไว้ในมือ ทั้งสามยืนจ้องมองสัตว์อสูรด้านหน้าอย่างไม่วางตา ไม่ถึงสองลมหายใจสัตว์อสูรก็พุ่นลูกไฟสีแดงออกมาจากปาก เปรี้ยง ลูกไฟลูกใหญ่ปะทะกับเกราะสายฟ้าเสียงดังสนั่น เนี่ยฟงซัดฝ่ามือลงพื้น เถาวัลย์สีฟ้ามีประกายสายฟ้าพุ่งเข้าหาสัตว์อสูร พร้อมกับปราณดาบสีแดงขนาดใหญ่ เปรี้ยง
เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งรัดตัวของสัตว์อสูรไว้ก่อนที่มันจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ปราณดาบสีแดงเข้าปะทะกลางลำตัวเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผล หยางเวยพุ่งทะยานขึ้นไปบนกิ่งไม้เพื่อรอจังหวะ ปราณมีดสีฟ้าพุ่งเข้าเฉือนตามร่างกาย ตูม พลังปราณระดับสีแดงขั้นสูงพุ่งออกมาจากสัตว์อสูร เย่เตาที่อยู่ใกล้ถึงกับกระเด็นออกมา ช่วงจังหวะนั้นอสรพิษดำก็พุ่นพิษออกมาโจมตีด้วยเช่นกัน มีดสั้นในมือกลายเป็นดาบถูกฟาดฟันออกไป ปราณดาบสีฟ้ามีประกายสายฟ้าล้อมรอบพุ่งเข้าปะทะที่ขาหน้าด้านซ้ายของสัตว์อสูร เปรี้ยง ขาของมันถูกปราณดาบฟันเข้าไปถึงกระดูก ลูกไฟสีแดงพุ่งออกมาด้วยความโกรธพุ่งไปมา หยางเวยกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบากเพราะกลัวโดนลูกหลง
แมงป่องสีดำตัวใหญ่ หางสีแดงก่ำปรากฏกายออกมาด้านหลังของเย่เตา มันกำลังจะใช้หางของมันจ้วงแทง กิเลนอัสนีก็พุ่งออกจากแขนของเนี่ยฟงเข้าจัดการกับแมงป่องสีดำเสียงดังสนั่น เย่เตาหันไปมองด้วยความตื่นตกใจ เนี่ยฟงยังคงฟาดฟันดาบในมือออกไปอย่างไม่ลดละ เย่เตาหันไปจัดการกับฝูงแมงป่องสีดำที่พุ่งออกมาอีกหกตัวแทน ปราณดาบสีแดงปลิวว่อนไปทั่วของอีกฝั่ง หยางเวยเมื่อเห็นจังหวะเข้าโจมตีก็พุ่งทะยานลงมาจากกิ่งไม้ วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาก่อนเข้าปะทะ ต่อยเข้าไปที่ศีรษะของสัตว์อสูรถนัดถนี่ เปรี้ยง หยางเวยระเบิดปราณพิษออกมาอีกครั้งก่อนลงพื้น เมื่อลงมาหยางเวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
“เนี่ยฟงฝากที่เหลือด้วยข้าจะไปช่วยเย่เตา”
เนี่ยฟงพยักหน้าให้พร้อมกับพุ่งทะยานเข้ามา พิษเข้าแทรกซึมตามรอยแผลที่ศีรษะ เลือดจากสีแดงกลายเป็นสีดำเพราะพิษ เสียงตะโกนดังลั่นของหยางเวยที่ตอนนี้พุ่งเข้าไปปะทะกับแมงป่องพิษแทน เนี่ยฟงรวบรวมลมปราณฟาดฟันดาบด้วยท่าผ่าธรณี ปราณดาบสีฟ้ามีประกายสายฟ้าล้อมรอบขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาสัตว์อสูรด้านหน้า มันพยายามพุ่งลูกไฟออกมาปะทะ แต่ก็ถูกทำลายด้วยปราณดาบสีฟ้า มันคำรามออกมาพร้อมกับระเบิดพลังปราณ ตูม ทำได้เพียงชะลอปราณดาบเพียงครึ่งลมหายใจเท่านั้น ปราณดาบสีฟ้าพุ่งเข้าปะทะที่ลำคอของมันถนัดถนี่ เปรี้ยง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา สัตว์อสูรร้องคำรามออกมาไม่นานก็สิ้นใจลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ชั่วน้ำเดือดทุกอย่างก็จบสิ้นลง ทางด้านหยางเวยและเย่เจากก็สังหารแมงป่องจนหมดสิ้น เนี่ยฟงฝ่าแก่นพลังปราณออกมาพร้อมกับประทับอักขระศักดิ์สิทธิ์ลงไป เมื่อเย่เตาและหยางเวยเดินเข้ามา เนี่ยฟงก็โยนแก่นพลังปราณให้แก่เย่เตา
“หวังว่ามันคงจะเลือกเจ้าเป็นเจ้านายของมันนะ”
เย่เตารีบรับแก่นพลังปราณจากเนี่ยฟงพร้อมกับหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความดีใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอบใจเจ้ามาเนี่ยฟง”
หยางเวยเอ่ยถามเนี่ยฟง
“ไอ้บ้าเนี่ยฟงตกลงสถานที่ที่ว่ามันอยู่ที่ไหนกัน”
เนี่ยฟงชี้ไปที่บนผาที่อยู่ของสัตว์อสูรที่สังหารไป
“ในแผนที่ที่ได้มามันบอกว่า ศิลาจารึกมันอยู่บนถ้ำบนผาสูง เราตรวจสอบเขาที่นี่มาหลายลูกแล้ว ข้าว่าที่นี่มีความเป็นไปได้ที่สุด เอาละเราขึ้นไปดูกันดีกว่า”
หนางเวยยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับยกมือขึ้นมาถู
“หวังว่าจะมีสมบัติที่ข้างบนนั่นนะ”
เนี่ยฟงและเย่เตาได้แค่หัวเราะออกมา หยางเวยเรียกอสรพิษดำกลับ ทั้งสามก็ขึ้นไปนั่งหลังของกิเลนอัสนีพุ่งทะยานขึ้นไปบนผาสูงบนเขา เมื่อขึ้นมามันเป็นลานกว้างขนาดใหญ่พอสมควร มีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ทั้งสามรีบลงจากพื้นอย่างรวดเร็ว กิเลนอัสนีกลายเป็นแสงพุ่งหาเนี่ยฟง หยางเวยนำตะเกียงไฟออกมาถือ เมื่อเดินเข้าไปด้านใน มันเป็นที่อยู่ของสัตว์อสูร พบเห็นเพียงกระดูกสัตว์อสูรตามทาง เมื่อเข้ามาด้านในไม่นานเนี่ยฟงก็ยกยิ้ม เดินเข้าไปสำรวจศิลาจารึก ส่วนหยางเวยวิ่งวนไปมาด้านในถ้ำเพื่อหาสมบัติแต่ก็ไม่พบแม้แต่ชิ้นเดียว เป็นเย่เตาที่หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เอาน่าหยางเวย ก่อนหน้านี้เจ้าก็ได้เงินมาไม่น้อยจากบ่อนพนัน อีกอย่างเงินที่เจ้ามีใช้ยังไงก็ไม่มีหมด เจ้ายังต้องการอีกรึ”
“เหอะเจ้ายังไม่รู้ว่า สมบัติของข้าหมดไปเพราะไอ้บ้าเนี่ยฟงซื้อสมุนไพรและของต่างๆ”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นหยางเวยก็ถอนหายใจ หาที่นั่งโคจรลมปราณ เช่นเดียวกับเย่เตาที่ตอนนี้กำลังตั้งจิตกับการทำดูดซับวิญญาณและพลังปราณที่ได้รับมาจากเนี่ยฟงเพื่อทำพันธสัญญากับสัตว์อสูร เวลาค่อยๆไหลผ่านอย่างช้าๆ หยางเวยลืมตาขึ้นมาก็ออกมาก่อกองไฟด้านหน้าถ้ำ เนื้อสัตว์อสูรหลากหลายชนิดถูกนำออกมาย่างไฟจนหอมกรุ่น พร้อมกับโรยเครื่องเทศสองสามอย่าง หยางเวยนั่งกัดกินเนื้อย่างอย่างอร่อย ไม่นานเนี่ยฟงก็เดินออกมาด้านหน้าถ้ำพร้อมกับนั่งกัดกินเนื้อย่างที่หยางเวยทำไว้
“ในศิลาจารึกที่นี่บันทึกสิ่งใดรึ”
“ไม่มีสิ่งใดสำคัญ เป็นเพียงกล่าวถึงการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนยุคโบราณเท่านั้น หวังว่าศิลาจารึกก้อนต่อไปจะกล่าวถึงคนพวกนั้นบ้าง”
“ไม่เห็นยากเลยเราก็ค้นหามันให้พบทุกก้อนรับรองมันต้องมีข้อมูลของคนพวกนั้นแน่ ข้าก็อยากรู้เช่นกัน เรือที่บินได้บนท้องฟ้า ว่าแต่เจ้าจะทำอย่างไรกับคนของผาไม้ดำ”
“มาเท่าไรสังหารให้หมด รับรองว่าเมื่อพบคนของผาไม้ดำครั้งหน้า ข้าไม่เป็นเช่นครั้งก่อนแน่”
ชายหนุ่มสองคนนั่งคุยกันข้างกองไฟท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่างยามค่ำคืน ไม่นานทั้งสองก็เข้าไปพักผ่อนด้านในถ้ำ