บทที่ 117
ชายชราหาได้ตื่นกลัว ระเบิดพลังปราณออกมาอีกครั้งพร้อมกับปักไม้เท้าลงพื้น ซัดฝ่ามือออกไป ปราณฝ่ามือขนาดใหญ่สีแดงพุ่งเข้าปะทะกับปราณดาบ เปรี้ยง ตูม ฝุ่นควันฟุ้งกระจายด้านหน้าชายชรา เนี่ยฟงไม่รีรอพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วกระหน่ำฟาดฟันดาบในมืออย่างไม่ลดละ ชายชราหาได้ตื่นกลัวดึงไม้เท้าออกมาฟาดออกไปด้านหน้า เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เนี่ยฟงกัดฟันฝืนทันเพื่อรอเวลาบางอย่าง ในที่สุดช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง พิษจากเม็ดยาเริ่มออกฤทธิ์ ชายชราเริ่มต้านรับช้าลง เนี่ยฟงจงใช้จังหวะเบี่ยงตัวหลบไม้เท้าที่พุ่งเข้ามาทางขวา พร้อมกับตวัดดาบขึ้นไป ดาบวาดผ่านมือซ้ายออกไป เลือดสีแดงสดไหลหยดลงพื้น ธงในมือร่วงลงพื้น เนี่ยฟงรีบฟันดาบในมือไปที่ธงอย่างรวดเร็ว
ปราณดาบสีฟ้าพุ่งเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เศษชิ้นส่วนธงถูกทำลายกระจายเป็นชิ้นเล็กๆ เสียงร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล
“บัดซบ ไอ้ลูกหมาเจ้าทำสิ่งใดกัน”
ชายหนุ่มถูกฟาดด้วยไม้เท้ากระเด็นออกมา เปรี้ยง ชายชราร้องคำรามอีกครั้งซัดฝ่ามือซ้ายออกมา กิเลนอัสนีรีบพุ่งเข้าปะทะ เลือดสีแดงสดถูกกระอักออกมา เนี่ยฟงพยายามลุกขึ้นอย่างช้าๆโดยใช้ดาบในมือค้ำ พร้อมกับตรวจสอบร่างกายไปด้วย แขนข้างซ้ายหักใช้การไม่ได้ ลมปราณในร่างปั่นป่วน เม็ดยาถูกเทเข้าปาก ชายหนุ่มยืนโคจรลมปราณรักษาอาการอยู่นานเกือบหนึ่งเค่อ แขนข้างซ้ายก็เริ่มที่จะขยับได้เพียงแต่มีอาการบาดเจ็บหลงเหลืออยู่ เมื่อหันไปมองก็พบว่าร่างกายของหลินฉีมีแต่รอยแผล ยังคงต้านรับชายชราอย่างไม่ลดละ เสียงสะบัดมือดังแว่ว วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาที่พื้นสี่วง ไม่ถึงหนึ่งเค่อเถาวัลย์สีฟ้ามีประกายสายฟ้าสี่เส้น ก็พุ่งออกมาจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์เข้าหาชายชรา
กิเลนอัสนีรีบโบกสะบัดปีกข้างตัวพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง ชายชราระเบิดพลังระดับสีแดงขั้นสูงออกมาอีกครั้งเช่นกัน แต่ทว่า เถาวัลย์สีฟ้าก็ยังไม่หยุดพุ่งเข้ามารัดตัวชายชราเอาไว้ เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังออกมา กลิ่นเหม็นไหม้ฉุนเข้าจมูก ชายชรายังคงดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้น เนี่ยฟงค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ พร้อมกับกวัดแกว่งดาบในมือ ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าถึงตัวก็ต้องถีบเท้าพุ่งถอยออกมาอีกครั้งสัตว์อสูรหมียักษ์ตัวใหญ่ขนสีแดงมีหกแขนพุ่งทะยานเข้ามา เปรี้ยง เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาต้านรับไว้อย่างทันท่วงที เกราะสายฟ้าหมุนวนต้านรับสัตว์อสูรหมียักษ์ กิเลนอัสนีก็พุ่งลงมาปะทะเป็นบางครั้ง
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“หุบปากซะไอ้สารเลว จะทำสิ่งใดก็รับกระทำ หากว่าข้าหลุดออกไปรับรองเจ้าไม่รอดแน่”
“หากว่าท่านทำได้ก็รีบกระทำเถอะ”
เสียงร้องคำรามดังออกมาจากชายชราอีกครั้งพร้อมกับเสียงสบถดัง
“บัดซบ บัดซบ ได้สารเลวเอ๊ย ปล่อย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
“หากข้าปล่อยท่าน ท่านก็ต้องสังหารข้าอยู่แล้ว ข้าคงจะปล่อยท่านให้โง่หรอก”
“บัดซบ บัดซบ บัดซบ”
ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้ามาชายชรา ไม่ถึงสี่ลมหายใจชายหนุ่มก็มายืนอยู่ด้านหน้า เสียงกัดฟันดังออกมาจากชายชราด้านหน้า ไม่กล่าวสิ่งใดอีกต่อไป ค่อยๆแทงปลายดาบในมือไปที่จุดตันเถียนอย่างช้าๆ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผล ลมปราณที่สะสมมาทั้งชีวิตกำลังพุ่งหายไปในอากาศ ไม่นานชายชราก็สิ้นใจลงเพราะทนรับสภาพตัวเองไม่ไหว ส่วนสัตว์อสูรหมียักษ์กลายเป็นแสงพุ่งเข้าหาร่างผู้เป็นนายตกตายไปพร้อมกัน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากปลดแหวนออกมากมือของชายชรา ชายหนุ่มก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนเขาอีกครั้งหายเข้าไปในก้อนหินก้อนหนึ่ง
ตลอดช่วงเวลาสองเดือนครึ่ง เนี่ยฟงหาได้ทำสิ่งใดนอกจากดูดทรัพย์แก่นพลังปราณ เม็ดยา แต่ระดับพลังปราณก็หาได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมยังคงไม่ตัดผ่านระดับสีแดง อยู่ที่ระดับสีส้มขั้นเก้า เพียงแต่ว่าตอนนี้ดาบสายฟ้าที่อยู่ในตันเถียนมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ประกายสายฟ้าที่พุ่งออกมารุนแรงไม่น้อย ส่วนและใช้เวลาว่างฝึกฝนวิชาฝีมือต่างๆ เนี่ยฟงเลือกที่จะออกมาในเวลากลางคืน เรียกหลินฉีออกมา หลังจากนั้นก็นั่งหลังของหลินฉีมุ่งหน้าไปทาง เขตดินแดนแห่งดิน ตลอดการเดินทางเนี่ยฟงนั่งหลินฉีเดินทางกลางคืน ส่วนกลางวันก็พุ่งทะยานไปตามทางและกิ่งไม้
เกือบสิบวันเนี่ยฟงเข้ามายังเขตแห่งดิน ที่นี่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควร ยังคงพบเห็นซากกำแพงหินขนาดใหญ่ที่ถูกทำลายลงเพราะน้ำมือของปีศาจ เนี่ยฟงเดินเข้าไปเยี่ยมชมในเมืองแรกพร้อมกับหาข้อมูลของเมืองซูโจวอัน จากการสอบถามต้องเดินทางขึ้นไปทางเหนือของเขตดินแดน เนี่ยฟงตัดสินใจเดินหาซื้อแผนที่และเสบียงอาหารหลังจากนั้นก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ตลอดเส้นทางเดินพบชาวบ้านและบรรดาพ่อค้าเดินทางสวนกันไปม้า บางคนนั่งรถม้า บางคนนั่งสัตว์อสูรประเภทนก ส่วนบางคนเดินทาง การเดินทางสะดวกสบาย มีโรงเตี๊ยมเปิดต้อนรับตลอดทางที่เป็นจุดพัก
การเดินทางไม่เร่งรีบเท่าไรนัดเนี่ยฟงก็มาถึงเมืองซูโจวอัน เป็นเมืองขนาดใหญ่พอสมควร ผู้คนส่วนใหญ่มาที่เมืองนี้เพราะมาล่าสัตว์อสูรและมาจัดการกับปีศาจที่หอคอยปีศาจที่ยังไม่ได้ถูกทำลาย จึงทำให้ชาวยุทธและศิษย์สำนักมีชื่อต่างๆในเขตดินแดนแห่งดินมาอยู่ที่เมืองแห่งนี้จำนวนไม่น้อย หลังจากสั่งอาหารมาสามอย่างเนี่ยฟงก็นั่งกินอาหารพร้อมกับนั่งฟังผู้คนมากมายเล่าเรื่องต่างๆ ผู้คนส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพูดถึงชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เข้ามาในเมืองเมื่อเดือนก่อน สังหารปีศาจล้มตายนักต่อนักในหอคอยปีศาจ ด้วยการต่อยเพียงไม่กี่หมัด ระดับพลังสีส้มขั้นสูง อีกทั้งยังสังหารสัตว์อสูรระดับสีแดงขั้นกลางด้วยตัวคนเดียวกับอสรพิษดำ
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยหลังจากนั้นก็เรียกเสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน หลังจากจ่ายเงินค่าอาหารและที่พักหนึ่งคืน ชายหนุ่มก็เอ่ยถามบางอย่างและสอบถามหาสถานที่แห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมมุ่งหน้าไปตามสถานที่ที่เอ่ยถามเสี่ยวเอ้อ เนี่ยฟงเดินไปทางตามเรื่อย ๆในช่วงเวลาบ่าย แสงแดดส่องความร้อนเผาผิวหนัง ไม่นานก็มาถึงที่หมาย เป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ มีเสียงดังตะโกนโห่ร้องออกมาดังถึงข้างนอก ทันทีที่เดินเข้าไปด้านใน เป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่เปิดเต็มสองชั้นผู้คนอยู่กันเต็มไปหมดในแต่ละชั้น เนี่ยฟงก็ยังเดินสำรวจทั้งสองชั้นอย่างช้าๆเพื่อรอบางอย่าง
ไม่นานสิ่งที่รอคอยก็มาถึง ชายหนุ่มผู้หนึ่งผิวคล้ำ มัดผมหางม้า สวมเสื้อแขนกุดสีเทา เดินเข้ามาที่โต๊ะพนันนับถั่ว เกือบสองเค่อเนี่ยฟงก็เดินเข้าไปยืนด้านหลังพร้อมกระซิบออกมาเสียงเบา
“ไม่พบเจอกันเสียนาน เจ้าเปลี่ยนไปเยอะทีเดียวคุณชายหยางเวย”
ชายหนุ่มถึงกับตื่นตกใจเอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง
“ไอ้บ้าเนี่ยฟง เจ้ากลับมาแล้ว”
เมื่อกล่าวเสร็จหยางเวยก็รีบหันไปมองเนี่ยฟงที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ไอ้บ้าเอ๊ย ข้าคิดว่าจะไม่เจอเจ้าเสียแล้ว รีบไปข้างนอกเถอะข้ามีเรื่องจะแจ้งต่อเจ้า”
เมื่อกล่าวจบหยางเวยก็พาเนี่ยฟงออกจากบ่อนพนัน มุ่งหน้าออกมาเมืองซูโจวอันขึ้นไปทางเหนือ หยางเวยพุ่งทะยานไปตามกิ่งไม้ในป่า ไม่นานก็พบเจอกับกระท่อมไม้หลังหนึ่ง หยางเวยรีบลงไปที่ด้านหน้ากระท่อมพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมาเสียงดัง
“เย่เตาข้ากลับมาแล้ว มาดูเถอะว่าข้าพาผู้ใดมา”
ชายผู้หนึ่งเดินออกจากกระท่อมมา เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังหยางเวยเป็นใครก็ได้แต่ร่ำร้องออกมารีบวิ่งไปคุกเข่าต่อหน้าเนี่ยฟง
“ข้าเย่เตา ขอบใจเจ้าจริงๆที่ช่วยเหลือข้าในวันนั้น หากไม่ได้เจ้าข้าคงตกตายเพราะถูกหลอกเสียแล้ว”
เนี่ยฟงจดจำได้ดีว่าชายหนุ่มด้านหน้าเป็นใคร
“ไม่เป็นไรขอรับ อย่าใส่ใจมากเลย อย่างน้อยท่านก็หายดีแล้ว ว่าแต่ท่านเดินทางมาที่นี่เพื่อกล่าวขอบคุณข้าเช่นนั้นรึ”
“เย่เตา จะเดินทางไปกับเราด้วย”
เป็นหยางเวยที่กล่าวตอบแทน เนี่ยฟงจึงหันไปมองหยางเวยด้วยความสงสัย
“ในช่วงที่เจ้าหายไป ข้าก็ได้เย่เตานี้ละช่วยเหลือ จนตัดผ่านระดับสีส้มขั้นที่เก้ามาได้ อีกอย่างเย่เตาก็ออกจากตระกูลมาแล้ว ข้าเห็นว่าเมื่อยังไม่ตัดสินใจทำสิ่งใดจึงชวนเดินทางด้วยกัน”
เนี่ยฟงหันไปมองเย่เตาพร้อมกับเอ่ยวาจาสอบถามบางอย่าง
“เจ้าตัดผ่านระดับสีแดงแล้วรึ”
“ต้องขอบใจเจ้าอีกครั้ง หลังจากฟื้นขึ้นมา ข้าก็ไปฝึกวิชาที่ปล่องภูเขาไฟเช่นเดิม หลังจากผ่านไปสิบวันพลังปราณของข้าก็กลับมาเช่นเดิม”