ตอนที่ 28: เจ้าชายกับเจ้าหญิงแห่งอัลบราโทร
มีเรือรบสามลำของอัลบราโทรกำลังเข้ามาใกล้พวกเรา
พวกมันเป็นเรือใบที่ติดตั้งปืนใหญ่สำหรับยิงกระสุนเวทมนตร์ ณ ตอนนี้พวกมันคือเรือรบรุ่นล่าสุด การต่อสู้ระยะใกล้นั้นมันก็เรื่องนึงแต่พวกเราคงจะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าปะทะกันในการต่อสู้ระยะไกล
“ตามที่คาดเอาไว้, พวกนั้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อโจมตีพวกเราสินะ”
“ถ้าพวกนั้นทำ, มันก็คงจะเป็นการเริ่มสงครามแล้วหล่ะครับ”
“ขอบใจที่พาเจ้านั่นไปส่งนะ แล้วสองคนนั้นที่อยู่บนเรืออีกลำเป็นยังไงบ้างหล่ะ?”
“หมดสภาพครับองค์ชาย ถ้าพวกเขาอยู่ในการแข่งขันท่านคงต้องเรียกให้กรรมการยุติการแข่งเลยหล่ะครับ”
หลังจากที่เขาพาลีโอไปส่งที่เรือของฉัน, อัศวินวัยกลางคนก็กลับมาอยู่ข้างฉัน มีแค่เขาที่รู้ว่าพวกเราสลับตัวกันดังนั้นมันคงจะช่วยได้มากถ้ามีเขาอยู่ด้วย
“ถ้าเอาสถานการณ์แบบนั้นมาอ้างอิ้งข้าจะไม่ถูกพิจารณาตัดสิทธิรึไง?”
“ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่รู้ก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
เขาตอบกลับ
เขาเป็นคนที่ปรับตัวได้ดีมากจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของเอลน่า พอเห็นแบบนี้, ฉันชักอยากได้ตัวเขามาเป็นลูกน้องแล้วสิ
“งั้นหรอ แบบนี้คงต้องแสดงให้เต็มที่สินะ”
“ขอให้ข้าติดตามไปด้วยนะครับ”
พอพูดจบ, พวกเราก็มุ่งหน้าไปรับเรือของอัลบราโทรที่กำลังแล่นเข้ามา
————–
“ขอบคุณที่ยอมรับคำขอเจรจาของพวกเรานะคะ ท่านทูต”
คนที่มาขึ้นเรือของเรานั้นเป็นเด็กสาวที่มีผมสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวประบ่าของเธอปลิวไสวไปตามแรงลม
อายุของเธอน่าจะอยู่ที่ราวๆ 14 หรือ 15 ปี ดวงตาสีเขียวของเธอมองมาที่ฉันด้วยความสนใจ
ฉันไม่นึกเลยว่าจะต้องมาจัดการกับคนที่เด็กกว่าที่นี่, ดังนั้นฉันจึงค่อนข้างประหลาดใจ
เธอเองก็น่าจะรู้สึกตัวแล้วแน่ๆดังนั้นเธอจึงรีบก้มศรีษะในทันที
“ขออภัยสำหรับความไร้มารยาทของข้าค่ะ ข้าชื่อเอวาเจริน่า เดอ อัลบราโทร ข้าเป็นองค์หญิงของราชรัฐอัลบราโทรค่ะ ชื่อมันค่อนข้างยาวจะเรียกสั้นๆว่าเอวาก็ได้ค่ะ”
“โถ่, ท่านพี่, รอข้าด้วยสิครับ......”
“คนที่ดูหน้าตางี่เง่าตรงนั้นเป็นน้องชายของข้า, เขาชื่อจูลิโอ เดอ อัลบราโทรค่ะ
หน้าตาของจูลิโอกับเอวานั้นเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก มันไม่ใช่ว่าเอวาดูเหมือนผู้ชายแต่เป็นจูลิโอต่างหากหล่ะที่ดูเหมือนผู้หญิง
ถ้าพวกเขามายืนอยู่ข้างกันและยังไม่ได้แนะนำตัว, ฉันคงจะเชื่อว่าพวกเขาเป็นคู่พี่สาวน้องสาว
เอวาเป็นเด็กสาวที่งดงามแต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงจิตใจที่แข็งแกร่งจากดวงตาของเธอ ในอีกด้านนึง, จูลิโอนั้นดูเหมือนจะขี้อายและไม่เด็ดขาด ถ้ามาถามฉันว่าใครดูเหมือนผู้หญิงมากกว่าก็คงต้องขอโทษสำหรับความไร้มารยาทของฉันด้วยแต่คำตอบคงเป็นจูลิโอแน่ๆ
ไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ยว่าเจ้าชายกับเจ้าหญิงของอัลบราโทรเป็นฝาแฝด ว่าแต่, ที่พวกเขามาขึ้นเรือเรานี่ต้องการอะไรกันแน่นะ?
ฉันทำความเคารพกลับด้วยท่าทีที่งดงามเหมือนกับลีโอในขณะที่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีแล้วที่ฉันสลับตัวกับลีโอที่อาการไม่ดีแทนที่จะปล่อยให้เขาฝืนตัวเองมาที่นี่
ก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางนั้น, อัลบราโทรได้รับแจ้งว่าลีโอถูกส่งไปที่รอนดิเน่ในฐานะทูตที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
แน่นอนว่า, สองคนนี้ต้องรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาขอเจรจาไม่ใช่หยุดพวกเรา ถ้าพวกเขาอยากจะหยุดพวกเราพวกเขาก็แค่ขวางเส้นทางเดินเรือของพวกเราในตอนที่พวกเรามาถึงน่านน้ำของอัลบราโทรก็พอแล้ว และถ้าอัลบราโทรตั้งใจยอมให้พวกเราผ่านดินแดนของพวกเขาแล้วมาเปลี่ยนใจทีหลังพวกเขาก็จะสูญเสียความเชื่อใจจากประเทศอื่น
ด้วยประการฉะนี้เอง, เอวากับจูลิโอต้องมาที่นี่ด้วยเหตุผลอื่นแน่ๆ
“ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับท่านมาค่ะ, เจ้าชายลีโอนาร์ด ในตอนที่เกิดสึนามิมอนส์เตอร์ในจักรวรรดิ, ท่านได้รับความภัคดีจากเหล่าอัศวินและเป็นผู้นำในการโจมตีมอนส์เตอร์ ช่างสมกับเป็นเจ้าชายของจักรวรรดิจริงๆ ท่านมีทั้งความกล้าหาญและพรสวรรค์ทางการทหาร”
“ไม่จริงหรอกครับ ทั้งหมดมันเป็นเพราะความพยายามอย่างแข็งขันของเหล่าอัศวิน ยิ่งไปกว่านั้น, ถ้าพวกเรากำลังพูดเรื่องพรสวรรค์ทางการทหาร, ท่านทั้งสองเองก็มีอยู่ไม่ใช่หรอครับ? องค์หญิงไม่ได้ส่งเรือรบมาที่นี่แค่เพียงเพื่อมาเจอข้าถูกไหม?”
พอได้ยินแบบนี้, สายตาของเอวาก็คมขึ้นเล็กน้อยในขณะที่จูลิโอดูลนลานหนักขึ้น
เป็นไปตามที่คาดเอาไว้, พวกเขามีเหตุผลอื่นในการมาพบพวกเรา
แทนที่จะเคลื่อนไหวเพื่อขัดขวางพวกเรา, พวกเขากลับออกมาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างออกไปและพวกเราก็แค่จี้ตรงนั้นเลย
คำถามในที่นี่ก็คือเจ้าชายกับเจ้าหญิงคู่นี้มีเป้าหมายแบบไหนกัน ตัดสินจากนิสัยของพวกเขาทั้งคู่มันดูไม่เหมือนกับว่าสองคนนี้มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้เลย
เอวาอาจจะพอมีความรู้ในเรื่องนั้นอยู่บ้างแต่ฉันไม่สามารถรู้สึกจากจูลิโอได้เลยแม้แต่น้อย บางทีเขาอาจจะมีทักษะดาบแย่กว่าฉันด้วยซ้ำ ทำไมถึงพาคนแบบเขามาด้วยนะ?
ในตอนที่ฉันกำลังคิดที่จะแหย่พวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้, เอวาก็ส่งเสียงออกมา
“สีหน้าของเจ้าออกเกินไปแล้วนะ! ตาโง่เอ๊ย! ให้ตายเถอะ.....”
“ขะ, ขอโทษครับท่านพี่........”
“เห้อ..... องค์ชายลีโอนาร์ด ถ้าท่านเข้าใจถึงขนาดนั้นแล้วข้าก็ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันค่ะ พวกเราอยากให้ท่านเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ พวกเราไม่ได้คิดจะห้ามท่านจากการไปรอนดิเน่แต่, ช่วยอ้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เถอะนะคะ”
“ช่วยบอกเหตุผลมาได้รึเปล่า?”
“.....เป็นไปได้ก็ไม่อยากบอกค่ะ ถึงยังไงพวกเราก็เชื่อใจท่านหรือจักรวรรดิไม่ได้”
“เข้าใจหล่ะ”
การที่สามารถแสดงความไม่ไว้ใจกับคนจากจักรวรรดิได้ชัดเจนขนาดนี้นั้น, เด็กสาวคนนี้เป็นคนที่ใจเด็ดใช้ได้เลย
ราชรัฐอัลบราโทรก็ไม่ต่างอะไรจากประเทศอ่อนแอประเทศนึงเมื่อเทียบกับจักรวรรดิ การค้าขายทางทะเลของพวกเขามีความเจริญรุ่งเรื่องดังนั้นถ้าจักรวรรดิโจมตีพวกเขา, ประเทศอื่นก็จะกลายเป็นพันธมิตรของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, ถ้าจักรวรรดิตัดสินใจจะลุยจริงๆ, พวกเราก็มีอำนาจมากพอที่จะขยี้พวกเขา
อัลบราโทเองก็คงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
แม้กระนั้น, ถ้าเธอมาไม้นี้, มันก็หมายความพวกเขาจะมีปัญหาได้ถ้าพวกเรารู้เรื่องของพวกเขา
ฉันมองไปรอบๆอยู่พักนึง
จากนั้น
“เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ พวกเราจะใช้ทางอ้อมในการไปที่รอนดิเน่”
“อะ, องค์ชาย!? ถ้าพวกเราทำแบบนั้นมันจะทำให้พวกเราไปถึงช้ากว่าเวลาที่กำหนดเอาไว้หลายวันอยู่นะครับ!”
“ไม่เป็นไร พวกเรามีอาหารกับน้ำตุนเอาไว้เยอะอยู่, และทางฝั่งรอนดิเน่เองก็คงจะไม่ว่าอะไรเหมือนกันถ้าพวกเราไปถึงช้าสักหน่อย”
“แต่!”
“ข้าตัดสินใจแล้ว แบบนี้โอเคไหมครับ? องค์หญิงเอวา”
ฉันแอบขำอยู่ในใจในตอนที่เห็นสีหน้าตกตะลึงของเอวา
เข้าใจหล่ะ นี่คือปฏิกิริยาที่ฉันจะได้รับในตอนที่ทำตัวเหมือนลีโอสินะ หรือว่าที่ลีโอทำแบบนี้ก็เพราะเขามีความสุขกับการได้เห็นการตอบสนองแบบนี้?
ปฏิกิริยาของเอวานั้นน่าสนใจมากๆ
“.......สมแล้วค่ะที่เป็นคนที่เข้าร่วมในสงครามผู้สืบทอด ท่านช่างเป็นคนที่จิตใจกว้างขวางจริงๆ พวกเรารู้สึกยินดีกับการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของท่านค่ะ, องค์ชายลีโอนาร์ด”
“ขะ, ขอบคุณมากครับ”
“ถ้างั้น, ตอนนี้พวกเราขอตัวลานะคะ”
“ขะ, ขอตัวลาครับ”
ในตอนที่ธุระของพวกเขาเสร็จสิ้น, เอวากับจูลิโอก็กลับไปที่เรือของพวกเขา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, พวกเราก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทางไปตามเส้นทางของตัวเอง ฉันอยากจะเลิกทำตัวเหมือนลีโอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ฉันไม่สามารถทำอะไรที่น่าสงสัยได้เพราะพวกเขากำลังจับตามองพวกเราเพื่อดูว่าพวกเราเปลี่ยนเส้นทางจริงรึเปล่า
ในท้ายที่สุดนั้น, พวกเราก็ออกเดินทางไปในขณะที่ฉันยังปลอมตัวเป็นลีโออยู่
เอาเถอะ, มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรขนาดนั้น ถ้าอยู่แต่ในห้องก็ไม่เป็นที่สะดุดตาแล้ว แล้วมันก็ยังไม่มีงานให้ฉันหรือลีโอทำจนกว่าจะถึงฝั่งด้วย ปัญหาที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ก็คือวัตถุประสงค์ของอัลบราโทร
“พวกเขาต้องการอะไรกันแน่ครับ?”
“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน”
สำหรับคำถามของอัศวินวัยกลางคนนั้น, ฉันเองก็กำลังสงสัยอยู่
พูดตามตรง, ฉันไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย พวกเขาส่งเรือรบมาสามลำที่มีเจ้าชายกับเจ้าหญิงขึ้นมาด้วย ถ้าพวกเขาอยากจะสู้, เจ้าชายกับเจ้าหญิงก็คงไม่จำเป็นหรอก และถ้าพวกเขาไม่อยากสู้, การส่งเรือรบมาสามลำก็ดูจะเกินไปหน่อย
ถ้ามาคิดๆดูแล้วนี่อาจจะเป็นแค่กองเรือสืบข่าวของพวกเขา ถ้าสองคนนั้นมีความสามารถบางอย่างที่มุ่งเน้นไปที่การสืบข่าวมันก็พอจะน่าเชื่อถืออยู่
ว่าแต่, พวกเขากำลังสืบหาอะไรอยู่หล่ะ?
สถานที่แห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของราชรัฐอัลบราโทรและฉันก็ไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับกองเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ในแถบนี้เลยด้วย
หลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับการเจรจาก่อนหน้านี้อยู่พักนึง, เรือก็โคลงเคลงขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“รายงานครับ! ตอนนี้มีพายุเข้าครับ!”
“อะไรนะ!?”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
สภาพอากาศเป็นปกติดีจนถึงเมื่อสักครู่นี้, แล้วจู่ๆพายุมันมาจากไหนกัน
ด้วยความคิดนี้, ฉันก็รีบไปที่ดาดฟ้าเรือ
บนดาดฟ้าเรือ, มีลมกรรโชกแรงและคลื่นสูงกำลังโจมตีเรืออยู่
ยิ่งไปกว่านั้น, ในตอนที่หันไปด้านข้าง, ฉันก็เห็นอะไรบางอย่างที่ดูน่าจะมีปัญหากำลังจะเกิดขึ้น
“คุณกับตันเรือครับ! พวกเรากำลังจะแยกจากเรือของท่านพี่แล้วนะครับ!”
“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! แค่รักษาสภาพเรือให้ลอยอยู่ก็ตึงมือพวกเราแล้วครับ! พวกเราไล่ตามพวกเขาไม่ทัน!”
“ทำอะไรไม่ได้เลยหรอครับ!?”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ! นี่มันไม่ใช่พายุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ! จู่ๆมันก็ปรากฎขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า! นี่ต้องเป็นฝีมือของมอนส์เตอร์ในทะเลแน่เลยครับองค์ชาย!”
พอได้ยินเสียงกรีดร้องของกัปตันเรือ, ฉันก็นึกถึงสิ่งที่ฉันพูดกับเอลน่าขึ้นมาได้
ฉันบอกเธอเรื่องมังกรทะเล
เรื่องราวที่มักจะวนเวียนอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับมังกรทะเลก็คือว่าพวกมันสามารถจมเรือได้ด้วยการเรียกพายุออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งนี่ตรงกับสถานการณ์ในตอนนี้พอดีเลย
และนอกจากนี้มันยังมีเรื่องท่าทีของราชรัฐอัลบราโทรเมื่อสักครู่นี้มาสนับสนุนอีก
เจ้าชายกับเจ้าหญิงเอาเรือรบมาสามลำและบอกให้พวกเราเปลี่ยนเส้นทาง
มันเป็นไปได้รึเปล่าว่าราชรัฐอัลบราโทรรู้ว่ามังกรทะเลจะโผล่มาในตำแหน่งใกล้ๆนี้ก็เลยเข้ามาสำรวจ
ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่มีทางหรอกที่พวกเขาจะบอกพวกเราได้ อัลบราโทรเป็นประเทศที่เน้นเรื่องการค้าขายทางทะเล อย่างไรก็ตามถ้ามีข่าวหลุดไปว่ามีมังกรทะเลโผล่มาในน่านน้ำของพวกเขา, ก็คงไม่มีประเทศไหนที่จะร่องเรือมาประเทศของพวกเขาหรอก เพราะถ้าพวกเขาทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากฆ่าตัวตาย
ด้วยความคิดนี้, ฉันก็ใช้เวทย์ตรวจจับในทันที สิ่งที่ฉันกำลังตรวจสอบอยู่ก็คือขนาดของพายุ
ในตอนที่ฉันได้รู้ว่าพายุรุนแรงแค่ไหน, ฉันก็เดาะลิ้น
พายุนี้ใหญ่มากและพวกเราก็อยู่ที่ขอบของมัน พูดอีกนัยนึงก็คือ, จุดกำเนิดของพายุไม่ได้อยู่ที่นี่
บางที, ศูนย์กลางของมันน่าจะอยู่ในน่านน้ำของอัลบราโทร
และที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ, เรือของเรากำลังถูกดูดเข้าไปที่ศูนย์กลาง
ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป, อย่างเลวร้ายที่สุด, พวกเราก็จะต้องต่อสู้กับมังกรทะเลกลางมหาสมุทร
ถ้าถึงขั้นนั้นหล่ะก็ขอโทษแล้วกันนะ
“กัปตันเรือครับ! ไม่ว่ายังไงก็ต้องพาพวกเราออกไปจากพายุนี้ให้ได้นะครับ!”
“ตอนนี้พยายามอยู่ครับ!”
ด้วยเหตุนี้เอง, ฉันจึงยังต้องปลอมตัวเป็นลีโอต่อไปท่ามกลางพายุคลั่ง