ตอนที่ 21-22
ตอนที่ 21 : วิชาขัดสวรรค์สะท้านดวงดาว
“จงหยุดนิ่ง!”
เสียงเบาค่อยเผยออก มันราวกับพลังวิเศษอันไร้ขีดจำกัด ห้วงมิติและเวลาถึงกับถูกจองจำ!
ลั่วฉวนยกมือขึ้นพร้อมชี้ออกไปยังความว่างเปล่า
กึก กึก กึก...
เสียงอันสดใสดังขึ้น มันราวกับบทเพลงอันแสนวิเศษที่เข้าปะทะกลางใจผู้คน
ทุกครั้งที่เสียงดนตรีดัง ลำแสงจะระเบิดออกกลางฟากฟ้า
“ได้อย่างไรกัน?!”
ที่อยู่ไม่ไกลห่าง ฉู่หยุนเฟยเผยออกซึ่งความหวาดกลัว
ภาพฉายจิตวิญญาณของฉู่หยางผิงส่งคลื่นความผันแปรออกมา เห็นได้ชัดว่าตัวเขาไม่คาดคิดว่าการโจมตีของตนจะถูกสลายหายง่ายดายเช่นนี้
“อย่าได้สร้างเรื่องให้ยุ่งยาก”
เพียงครู่ลมหายใจ ลำแสงทั้งหมดสลายหายแตกกระจาย ลั่วฉวนส่งสายตามองทางภาพฉายจิตวิญญาณของฉู่หยางผิงบนฟากฟ้า
ฉู่หยางผิงพลันต้องสะท้านขึ้นในหัวใจ
ลั่วฉวนทำท่าคว้าจับ และดวงจันทราสีเงินนั้นแรกเริ่มเพียงลอยค้างในฟากฟ้า ขณะนี้มันสั่นเทิ้มแล้ว
ฉู่หยางผิงเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนรุนแรง เพราะเขาทราบว่าตนสูญเสียการควบคุมจันทราสีเงินที่อัญเชิญออกมาแล้ว!
อัญเชิญจันทราสีเงิน เคล็ดวิชาระดับสูงแห่งตำหนักจันทราสีเงิน ขณะนี้กำลังเผชิญเรื่องราวเกินผู้ใดคาดคิด
จันทราสีเงินสูญเสียการควบคุม การโจมตีอันยิ่งใหญ่ของฉู่หยางผิงไม่อาจใช้งานได้อีก!
ยิ่งไปกว่านั้น สายตาของอีกฝ่ายยังเผยซึ่งความหวาดกลัว จันทราสีเงินที่ควรเป็นเสมือนมายา ขณะนี้ได้ถูกทำให้กลายเป็นมีตัวตนวัตถุ!
“วิชานี้ ขอตั้งชื่อว่าขัดสวรรค์สะท้านดวงดาว!”
เสียงเบาเผยออกดังให้ได้ยิน
ลั่วฉวนตั้งชื่อวิชาซึ่งตนจดจำได้จากชีวิตก่อนหน้า
จันทราสีเงิน ขณะนี้แข็งค้างอยู่กลางฟากฟ้า ขนาดของมันยิ่งมายิ่งใหญ่โต
กล่าวให้ถูกต้องยิ่งกว่า คือจันทราสีเงินนั้นกำลังเคลื่อนคล้อยเข้าใกล้!
แรงกดดันชวนสะพรึงบดขยี้ลงสู่นครจิ่วเหยาที่เบื้องล่าง ภาพฉายจิตวิญญาณของฉู่หยางผิงที่อยู่กลางอากาศคือตัวตนแรกที่ต้องแบกรับ!
ภาพฉายจิตวิญญาณ มันก็เปรียบดังเครื่องฉายภาพยนตร์คุณภาพต่ำ ขณะนี้เกิดคลื่นแทรกซ้อนจนสว่างวูบวาบสลับดำมืด
ขณะเดียวกันนี้เองที่ค่ายอาคมคุ้มกันนครจิ่วเหยาทำงานเต็มกำลัง โล่แห่งแสงพลันเข้าปกคลุมทั้งเมือง
นับเป็นโชคดีที่ภาพฉายจิตวิญญาณนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มกันของค่ายอาคม
ค่ายอาคมประจำเมืองเผยตัวออก ประชากรแห่งนครจิ่วเหยาอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัวขณะรับชมจันทราสีเงินซึ่งร่วงหล่นลงมา!
มนุษย์ผู้ใดจะมีกำลังต้านทานอำนาจแห่งฟ้าดินเช่นนี้ได้?!
“ถึงกับลงมือได้ชวนสะพรึงเพียงนี้? หรือจะมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในนครจิ่วเหยา?”
“ที่น่าหวั่นเกรงยามนี้ คือค่ายอาคมคุ้มกันนครจิ่วเหยาจะหยุดยั้งการโจมตีนั่นได้หรือไม่? ครั้งนี้พวกเราอาจต้องตกตายกันแล้ว!”
“นี่เป็นศึกระหว่างทวยเทพแล้ว ไฉนจึงดึงสามัญชนไปข้องเกี่ยว...”
ผู้คนนับไม่ถ้วนเริ่มเผยความขมขื่นผ่านทางสีหน้า
ใจกลางนครหลวง
จักรพรรดิแห่งเทียนชิง จี้อู๋ฮุยพลันต้องลุกขึ้นยืน สายตาจับจ้องดวงจันทราสีเงินที่อยู่บนฟากฟ้าไกลห่าง ใบหน้าของผู้สูงศักดิ์ยามนี้ไม่อาจสงบใจลงได้อีกต่อไปแล้ว
“พลังเช่นนี้... เกรงว่าจะเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าขอบเขตทดสอบเต๋า ไม่นึกเลยว่านครจิ่วเหยาจะมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้คงอยู่ นึกว่าจะมีตัวตนเช่นนั้นอยู่แต่ภายในเทือกเขาจิ่วเหยาเสียอีก”
“คงได้แต่ต้องคาดหวังแล้ว ว่าผู้อาวุโสท่านนั้นจะยั้งมือ ไม่เช่นนั้นนครจิ่วเหยาคงได้จบสิ้น...”
คำเมื่อกล่าวจบ ความขื่นขมก็ปรากฏผ่านทางสีหน้า
แม้ว่าจักรวรรดิเทียนชิงจะเลิศล้ำในสายตาของสามัญชน ทว่าจี้อู๋ฮุยทราบดีแก่ใจว่าทวีปเทียนหลันกว้างใหญ่เพียงใด จักรวรรดิเทียนชิงก็เปรียบดังดาวน้อยในหมู่ดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล
ฉู่หยางผิงหันมองที่ดวงจันทราสีเงินซึ่งร่วงหล่นจากฟากฟ้า ภายในขณะนี้ตื่นตระหนกเป็นล้นพ้น!
อันตราย!
อันตรายเกินไปแล้ว!
จันทราสีเงินที่เคลื่อนคล้อย มันทำให้เขาได้ตระหนักถึงวิกฤตชีวิตที่เข้าใกล้ความตาย!
ตอนที่ 22 : การตัดสินใจของตำหนักจันทราสีเงิน
แม้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ ทว่าฉู่หยางผิงไม่อาจหลบหนี เพราะตัวเขาได้ตกเป็นเป้าของพลังแห่งดวงจันทราสีเงินแล้ว!
จันทราสีเงินนั้นรวดเร็ว เพียงพริบตาก็เผยออกซึ่งเส้นทางเคลื่อนคล้อยที่มีอัคคีเพลิงลุกโชนเป็นทางอยู่เหนือศีรษะของฉู่หยางผิง!
อำนาจชวนสะพรึงสะกดลงมา ค่ายอาคมคุ้มกันนครจิ่วเหยาขณะนี้แทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ด้วยฐานะจ้าวตำหนักจันทราสีเงิน เขาคือยอดฝีมือของขั้วอำนาจใหญ่ที่ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุด ดังนั้นตัวเขาจึงไม่อาจหลบหนี และตัวฉู่หยางผิงก็ไม่อาจต้านรับการลงมือครั้งนี้ไว้ได้!
ภาพฉายจิตวิญญาณขนาดกว่าพันเมตรของฉู่หยางผิงตัดสินใจลงมือ
แขนขนาดยักษ์ชูขึ้น มันราวกับคิดค้ำยันดวงจันทราสีเงินซึ่งร่วงหล่น!
ขนาดของดวงจันทราสีเงินนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ภาพฉายจิตวิญญาณขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับหนอนที่คิดค้ำยันต้นไม้ใหญ่!
ตู้ม...
เสียงดังสนั่นบังเกิด ผู้คนนับไม่ถ้วนแห่งนครจิ่วเหยาต่างหวาดกลัวจนแทบสิ้นใจ
แสงสุกสว่างสีเงินทะลักล้นออกจากดวงจันทราสีเงิน คลื่นพลังทำลายล้างเริ่มแผ่กระจายออกทั่วทิศ
แทบจะในทันทีนี้ แขนของภาพฉายจิตวิญญาณได้ระเบิดออก ห้วงมิติที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นจึงเริ่มบิดเบี้ยวเพราะแรงกดดันอย่างมหาศาล สรรพสิ่งจึงเลือนหาย!
สรรพสิ่งเลือนหาย!
ห้วงมิติรอบด้านแตกสลายกลายเป็นไม่อาจมีสิ่งใดคงสภาพอยู่ได้!
พื้นที่อันดำมืดปรากฏขึ้นบริเวณที่ดวงจันทราสีเงินเข้าปะทะกับแขนยักษ์เมื่อครู่!
แน่นอนว่าเรื่องราวไม่ใช่จบที่ตรงนี้ ทว่าเป็นเพียงเพิ่งเริ่มต้น
ดวงจันทราสีเงินคล้ายยังไม่สิ้นแรง การเคลื่อนคล้อยยังคงดำเนินอยู่
ทว่าภาพฉายจิตวิญญาณของฉู่หยางผิงไม่อาจต้านรับได้อีกต่อไปแล้ว ใบหน้าอีกฝ่ายขณะนี้ถึงกับแตกสลายออกเป็นเศษซาก!
แม้เป็นเช่นนั้น เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใดกับผู้คนของนครจิ่วเหยา
เพราะขณะนี้ ที่พวกเขาต่างสนใจคือดวงจันทราสีเงินที่ยังเคลื่อนคล้อยเข้ามาใกล้!
“ออกไปให้พ้นทาง”
เสียงเบาเผยออกดังให้ทุกผู้คนได้ยิน
เสียงนี้ไม่ใช่ดัง ทว่าสะท้อนดังทั่วทั้งนครจิ่วเหยา
มันราวกับวาจาสิทธิ์ ดวงจันทราสีเงินนิ่งค้างกลางอากาศ
เพียงชั่วลมหายใจ มันได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานกระจายหายวับ
ณ ตำหนักจันทราสีเงิน โถงประชุมใหญ่
วันนี้ คณะผู้อาวุโสแห่งตำหนักจันทราสีเงิน รวมถึงศิษย์เอกทั้งหลายต่างมารวมตัวกัน ที่เบื้องหน้าคือบุคคลที่ทุกฝ่ายคุ้นหน้าเป็นอย่างดี เป็นฉู่หยางผิงที่เพิ่งปรากฏตัวผ่านภาพฉายจิตวิญญาณที่นครจิ่วเหยา
การรวมตัวกันวันนี้ ก็เพื่อบุกเข้าสู่เทือกเขาจิ่วเหยา
ระหว่างการสนทนา สีหน้าของฉู่หยางผิงได้แปรเปลี่ยนอย่างมหาศาล กระทั่งว่ากระอักเลือดออกเซ็นซ่าน
สีหน้าที่อหังการแต่เดิมกลายเป็นซีดเผือด ออร่าภายในร่างต้องแปรปรวน
“จ้าวตำหนัก!”
“ท่านจ้าวตำหนัก!”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?!”
……
ผ่านไปครู่ ฝูงชนจึงค่อยอุทานเผยออกซึ่งความวุ่นวายอึกทึก
ใบหน้าของฉู่หยางผิงเย็นเยียบ “เศษเสี้ยววิญญาณในจี้หยกที่ข้ามอบให้หยุนเฟยไว้แตกดับไปแล้ว”
คำเพียงกล่าวออก สีหน้าทุกผู้คนจึงต้องแปรเปลี่ยน
ถึงกับทำให้เศษเสี้ยววิญญาณของฉู่หยางผิงแตกดับได้ เช่นนั้นย่อมต้องเป็นผู้เก่งกาจมากล้ำ!
ขณะนี้เองที่สตรีผู้หนึ่งพลันโพล่งเข้ามาในห้องโถง สีหน้าของนางเผยซึ่งความตื่นตะลึง
“ไม่ดีแล้ว ดวงไฟแห่งชีวิตของหยุนเฟยหายไปแล้ว!”
สตรีผู้นี้คือภรรยาของฉู่หยางผิง ดวงตาของนางเผยซึ่งความขื่นขม
“ว่าอะไรนะ!”
ฉู่หยางผิงตื่นตะลึงยามได้ทราบความ ดวงตาขณะนี้หมองหม่นก่อนร่างจะทรุดลงกับพื้น
แม้ฉู่หยุนเฟยเป็นคนอารมณ์ร้อนและดื้อรั้น กระนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือด ดังนั้นทุกวี่วันพวกเขาจึงปรนเปรออีกฝ่ายอย่างเต็มที่
ครั้งเศษเสี้ยววิญญาณของเขาแตกดับ ฉู่หยางผิงก็คาดเดาได้แล้วว่าฉู่หยุนเฟยเผชิญหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง
กระนั้นก็หาได้คาดคิดไม่ ว่าเพียงระยะเวลาอันสั้น สายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของตนจะถูกสังหารที่นครจิ่วเหยา!
ใบหน้าฉู่หยางผิงเย็นเยียบ พลังวิญญาณอันชั่วร้ายบังเกิดขึ้นทั่วทั้งร่าง ผู้คนรอบด้านต่างไม่กล้าพูดกล่าวเพราะเกรงว่าจะไปสะกิดอะไรเข้า
แม้ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ทว่าฉู่หยางผิงทราบดีถึงสถานที่ซึ่งเศษเสี้ยววิญญาณของตนแตกดับที่นครจิ่วเหยา
“ส่งถ่ายคำสั่งออกไป ผู้อาวุโสทั้งหมดในตำหนักให้เดินทางไปนครจิ่วเหยาพร้อมกับข้า! เรื่องราวที่เกิดขึ้นจี้อู๋ฮุยต้องมีคำตอบ!”
ฉู่หยางผิงออกบัญชาการด้วยตนเอง
“จ้าวตำหนัก เทือกเขาจิ่วเหยานั้นสำคัญยิ่งยวด หากเดินทัพสู่นครจิ่วเหยา ข้าเกรงว่า...”
ชายชรากัดฟันแน่น เป็นเขาไม่อยากกล่าวทว่าก็ต้องกล่าว
“ไม่เป็นไร ข้าจะรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”
ครั้งนี้ ฉู่หยางผิงสูญเสียความนึกคิดเพราะโทสะ เรื่องอื่นใดมีหรือเขาจะสนใจ?
ยิ่งไปกว่านั้น ตำหนักจันทราสีเงินอย่างไรก็เป็นเพียงแนวหน้าบุกเข้าไป นอกจากนี้สถานการณ์ทางด้านเทือกเขาจิ่วเหยาเพียงเพิ่งเริ่ม ทว่าเรื่องราวที่กำลังจะดำเนินนี้ มันต้องทำให้ขนาดครึ่งทวีปเทียนหลันต้องสะท้านสะเทือน
......
ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V