ตอนที่ 111 เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล
ตอนที่ 111 เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล
“โอ้...ดูท่าข้าคงจะพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไปสินะ ขอต้องขอโทษท่านผู้กล้าเจสเปอร์ด้วย ข้าไม่ทราบว่าพวกเขายังไม่รู้ถึงที่มาของเนื้อย่างพวกนี้”
เมื่อองค์หญิงซีซีเรียสังเกตปฏิกิริยาของผู้กล้าหลายๆคน ก็พอจะเข้าใจได้ว่าสิ่งที่ตัวเธอพูดออกไปเมื่อครู่นั่นเป็นความลับที่ใครหลายๆคนยังไม่ทราบ เธอจึงรีบขอโทษขอโพยเจสเปอร์และสหายคนอื่นๆอย่างร้อนรน ก่อนที่จะรีบรับสั่งให้ขบวนเสด็จมุ่งหน้ากลับไปยังปราสาทว่าการทันที
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้ เจส!!องค์หญิงไม่ได้พูดผิดใช่ไหม” อามมี่และคนอื่นมองเจสเปอร์ ด้วยดวงตาที่เจือไปด้วยน้ำตา สายตาของพวกเขาที่มองมาล้วนเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆที่ใสซื่อบริสุทธิ์ นามถูกพ่อแม่หลอกว่าจะมีรถตู้มาจับตัวไปถ้าไม่กินข้าวยังไงยังงั้น แต่กลับกันตรงที่ว่าครั้งนี้พวกเขากินข้าว(เนื้อย่าง ‘ออร์ค’) ไปอย่างเต็มใจนะสิ
“เป็นยังไงอร่อยกันใช่ไหมละ ฉันบอกแล้วว่าฝีมือของพี่สาวบับเบิ้ลนั้นต้องไม่ธรรมดา” เจสเปอร์หยักไหล่เพื่อตอบกลับก่อนที่จะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
“มันคือเรื่องจริงใช่ไหม...เนื้อย่างพวกนั้นคือเนื้อออร์คจริงๆหรอพี่สาวบับเบิ้ล อย่าปิดบังพวกเราอีกเลย T.T”
ในเมื่อคาดคั้นกับเจสเปอร์แล้วไม่ได้คำตอบที่ตรงใจ กลุ่มชายฉกรรจ์ ไม่ว่าจะเป็น อามมี่ ลูอิส โบม่อนและริคเตอร์ ก็เปลี่ยนเป้าหมายไปทาง แม่ครัวที่ทำเนื้อย่างให้กับพวกเขากินแทน ซึ่งคำตอบที่พวกเขาได้รับกับมาเป็นการพยักหน้าลงเบาๆและตามมาด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น พี่สาวบับเบิ้ล เจ้ซันนี่ ไอรีนและหิมะน้อย
‘คิกคิก’ เป็นเสียงหัวเราะของ 4 สาวที่ฟังดูแล้วช่างบาดแทงหัวใจดวงน้อยๆของเหล่า ชายหนุ่มเสียเหลือเกิน
“พวกนายจะคิดมากไปทำไม เนื้อพวกนี้ใช่ว่าจะมีแต่พวกนายที่กินไปซะหน่อย ผู้เล่นคนอื่นๆไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคนก็กินไปเหมือนกัน มันใช่เรื่องที่พวกนายจะมาฟูมฟายกันไหมเป็นผู้ชายอกสามศอกแท้ๆ เนื้อพวกนั่นก็เป็นฝีมือของพวกนายล่ามาไม่ใช่หรอไง ไม่เคยได้ยินคำนี้หรือไง ล่าเองกินเองแบบวิถี*แบร์กิล”
“. . .”
เจสเปอร์เดินไปตบไหล่อามมี่และคนอื่นๆเพื่อหยอกล้ออย่างสนุกสนาน สำหรับเขาแล้วที่มีประสบการณ์การเล่น The Era Online มาอย่างยาวนาน เขาไม่เคยรังเกียจที่จะกินเนื้อออร์คพวกนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะในระบบเกมไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไรก็แล้วแต่ หากถูกนำมาปรุงเป็นอาหารด้วยสกิลการทำครัว เนื้อเหล่านั้นก็จะกลายมาเป็นอาหารที่ทำให้ผู้เล่นกินได้อยู่ดีแต่อาจมีกลิ่นสาบของเนื้อติดมาบ้างเล็กน้อยๆ
‘ครืนนน’
หลังจากที่เจสเปอร์ต้องปลอบอามมี่และคนอื่นอยู่นาน เสียงเปิดประตูที่ดังมาจากด้านหน้าโรงตีเหล็กของพวกเขาก็ดังขึ้น ทุกคนต่างหันไปมอง เหล่าผู้เล่นที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปต้อนรับคนเหล่านั้นด้วยความรื่นเริงปราศจากอารมณ์ที่ตายซากเมื่อครู่ไปเสียสนิท
“โอ้ทวิสเต็ด สลิป...พวกนายสองคนกลับมาแล้ว? ดูท่าจะเหนื่อยจากงานของเจสเปอร์สินะ...มาๆพวกนายรีบมาพักก่อน พวกฉันเตรียมเนื้อย่างร้อนๆนี้ไว้ให้พวกนายสองคนโดยเฉพาะเลยนะ!!”
“พี่อามมี่...เนื้อย่างพวกนี้เป็นเนื้อ...? เกรงว่าถ้าพี่ทวิสเต็ดรู้เข้า พวกเรามีหวัง....!!” ริคเตอร์กระซิบกระซาบพูดกับอามมี่ พร้อมแสดงท่าทางด้วยการเอานิ้วปาดลงที่คอของตัวเอง
“ฉันว่าเว้นเจ้านักฆ่านี้ไว้สักคนเถอะ หากมันรู้เรื่องเข้า...ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยนะ”
โบม่อนและลูอิส รีบพยักหน้าส่งเสริมคำพูดของริคเตอร์น้องเล็กทันที เป็นที่รู้กันดีในกลุ่มของพวกเขาว่าคนที่ค่อนข้างป่าเถื่อนชอบการต่อสู้รองลงมาจากเจสเปอร์ก็คือทวิสเต็ดนั่นเอง ซึ่งถ้าวันไหนหากเจสเปอร์ติดธุระหรือไม่ว่างเข้ามาซ้อม คนที่จะเข้ามาควบคุมการฝึกประจำวันและเป็นคู่มือต่อสู้ให้กับพวกเขาแทนก็คือนักฆ่าหนุ่ม‘ทวิสเต็ด’นั่นเอง
ในเมื่อทุกคนต่างลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่ควรแกล้งทวิสเต็ด อามมี่จึงไม่รีรอที่จะรีบส่งเนื้อย่างจำนวนมากให้กับสลิป ที่ชื่นชอบในตัวเนื้อย่างของพี่สาวบับเบิ้ลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พร้อมกับยื่นเนื้อที่เหลือให้กับสองผู้เล่นแปลกหน้าที่ทวิสเต็ดและสลิปพามาอีกด้วย
“เจอกันอีกแล้วนะ ร็อคสตาร์ คาซิอุส วันนี้ดูเหมือนพวกเราจะบังเอิญพบเจอกันถึง 3 ครั้งในวันเดียว พวกนายสองคนคิดว่าบุพเพ บางไหม?” เจสเปอร์ที่เดินตามหลังมา ก็ได้ทำการกล่าวทักทายสองผู้เล่นอิสระที่เขาได้พบเจอเมื่อช่วงเช้าอย่างเป็นกันเอง
‘บุพเพ?’
เหลวไหล นายเองไม่ใช่หรือไงที่เป็นจงใจให้เกิดเรื่องบังเอิญพวกนี้ขึ้นมา ทวิสเต็ดส่ายหัวให้กับคำทักทายของเจสเปอร์ที่ชายหนุ่มเลือกใช้ ก่อนที่จะยืนกอดอกมองดูเหตุการณ์ต่อไปด้วยความขับข้องใจถึงการกระทำของผู้นำของตน
“เอ๊ะ...!!ทำไมนายถึงมาอยู่ในที่นี้ได้? ที่นี้เป็นของสมาคมช่างตีเหล็กกับ Rising Sun ร่วมมือกันตามที่ท่านทวิสเต็ดบอกไม่ใช่เหรอ??”
ร็อคสตาร์โพล่งคำพูดออกมาทันทีเมื่อได้เห็นเจสเปอร์ ผู้เล่นแปลกหน้าที่เป็นคนแนะนำเควสและความลับต่างๆมากมายให้กับเขามาตลอดวันนี้ ด้วยความแปลกใจ
“ดูแล้วพวกนายสองคน คงจะฟังเรื่องราวของพวกเรามาจากสองคนนี้มาบ้างแล้วสินะ...ถูกต้องที่นี้เป็นของสมาคมช่างตีเหล็กจริงๆตามที่นายว่าและที่นี้ก็ยังเป็นของพวกเรา Rising Sun อีกด้วย” เจสเปอร์จงใจเว้นคำพูดเอาไว้สักครู่เพื่อให้ทั้งสองผู้เล่นได้ย่อยข้อมูลก่อนที่จะอธิบายถึงเรื่องราวต่อไปให้กับร็อคสตาร์และคาซิอุสได้รับรู้ “แต่ก่อนที่ฉันจะอธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมดให้กับพวกนายได้รับรู้ พวกนายทั้งสองคนต้องทำสัญญาปกปิดความลับพวกนี้เสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นหากเรื่องพวกนี้รั่วไหลออกไป สถานที่แห่งนี้ก็จะสูญเสียความน่าเชื่อจากผู้เล่นและอาจส่งผลเสียต่อพวกเราได้”
ร็อคสตาร์และคาซิอุสต่างมองหน้ากันไปมาสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็เลือกที่จะเซ็นสัญญาปกปิดความลับตามที่เจสเปอร์เรียกร้อง
“งั้นก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกทีก็แล้วกัน ฉันชื่อ เจสเปอร์ เป็นผู้นำของกิลด์ Rising Sun และเป็นที่ปรึกษาให้กับสมาคมช่างตีเหล็กแห่งนี้อีกด้วย”
“กิลด์ Rising Sun!! กิลด์ที่ลึกลับคือพวกนายยังงั้นเหรอ?”
ร็อคสตาร์และคาซิอุสได้แต่อ้าปากค้าง ถึงพวกเขาจะไม่ใช่ผู้เล่นที่ชอบพิชิตดันเจี้ยนเหมือนผู้เล่นคนอื่นๆ แต่พวกเขาก็ต่างรู้ดีว่าการฝ่าฟันอุปสรรคในดันเจี้ยนนั้นยากเพียงใด มีกิลด์และกลุ่มคนจำนวนมากที่หาญกล้าท้าทายดันเจี้ยนเหล่านั้นแต่ก็มีเพียงน้อยคนที่จะพิชิตดันเจี้ยนพวกนี้ลงได้
ซึ่งนั่นไม่รวมโหมดความยากระดับนรกที่จนถึงทุกวันนี้มีเพียงกิลด์ลึกลับอย่าง Rising Sun เท่านั้นที่พิชิตได้สำเร็จและบุคคลเหล่านั้นกำลังยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาทั้งสองในเวลานี้
“อืม...คือพวกเราเอง” เป็นประโยคตอบกลับสั้นๆแต่ได้ใจความ “และที่ฉันเรียกพวกนายสองคนให้มาพบก็เพื่อที่จะชวนพวกนายสองคนให้มาเข้าร่วมกับฉันในฐานะ ผู้เล่นประจำกิลด์ Rising Sun พวกนายสองคนมีความเห็นว่าอย่างไร?”
เมื่อเจสเปอร์ลั่นประโยคนี้ออกไป สมาชิกคนอื่นในกิลด์ไม่ว่าจะเป็น อามมี่ ลูอิส... ก็ต่างหันมามองเขาราวกับได้ชินอะไรผิดไป
“เจส ฉันขอคุยด้วยหน่อย”
ทวิสเต็ดที่กอดอกยืนฟังมาโดยตลอดในที่สุดก็เปิดเอ่ยปากพูดก่อนที่เดินนำหัวหน้าของเขาและคนอื่นๆที่เดินตามมาด้วยความสงสัย ไปยังอีกฟากที่พ้นรัศมีการได้ยินของ 2 ผู้เล่นร็อคสตาร์ คาซิอุส
“เจส...ฉันของพูดอะไรสักหน่อย หวังว่านายจะไม่ถือสา” ทุกคนต่างยืนล้อมวงกันเข้ามาเพื่อรับฟังการสนทนาครั้งนี้ โดยมีทวิสเต็ดนักฆ่าประจำกิลด์เป็นคนเปิดประเด็น
“พวกนายถามมาเถอะ!!ฉันเองก็อยากรับฟังความคิดเห็นของพวกนายทั้งหมดเหมือนกัน”
อย่างที่เจสเปอร์เคยบอกไปว่ากิลด์ Rising Sun นี้เป็นของทุกคน เป็นดวงตะวันที่คอยส่องแสงนำทางนำพาความอบอุ่นมาให้แก่ทุกคนหาใช่ของเขาแต่เพียงคนเดียวไม่
“ฉันไม่เคยสงสัยกับแผนการของนายมาก่อน แต่ครั้งนี้ฉันไม่เข้าใจความคิดของนายระหว่างที่ฉันไปรับตัวผู้เล่นสองคนนี้มา...ฉันได้เห็นทักษะและความสามารถของพวกเขามาแล้ว พลังใจทั้งคู่อาจจะเต็มเปี่ยมอันนี้ฉันยอมรับ...แต่พลังและฝีมือในการต่อสู้ของพวกเขาจัดว่าอยู่ในขั้นย่ำแย่และขาดประสบการณ์ในการต่อสู้มากพอสมควร...ฉันคิดว่าพวกเขาสองคนคงไม่ดีพอกับกิลด์ของเรา”
ทวิสเต็ดกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ซึ่งสลิปที่ได้ติดสอยห้อยตามไปเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของทวิสเต็ด
“ที่นายพูดมาถูกต้องทั้งหมดพวกเขาสองคนไม่ดีพอสำหรับกลุ่มของพวกเราจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ อุปกรณ์และระดับของเลเวลล้วนห่างชั้นจากพวกเราอยู่มาก แต่...” เจสเปอร์ชี้มือไปยังกองไอเท็มจำนวนมากที่รอการคัดแยกเข้าหยุดตรงจุดนั้นสักพักหนึ่งก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังทิศทางต่อไปอีกหลายจุด
“พวกนายเห็นแล้วใช่ไหมว่าปริมาณงานของพวกเรามีเยอะมากขนาดไหน พวกนายลองบอกฉันมาที่ว่าจะคัดแยกไอเท็มที่รับซื้อมากับตรวจนับของในร้านค้าใช่เวลาเท่าไหร่?”
“อย่างต่ำก็ 5-6 ชั่วโมง!!”
เจ้ซันนี่ที่เป็นเลขาของเจสเปอร์และเป็นคนดูแลร้านค้าทั้งหมดคำนวนเวลาออกมาในทันทีก่อนที่จะได้รับการพยักหน้าจากทุกคนเป็นเชิงเห็นด้วย
“นี้ยังไม่นับรวมเวลาที่พวกนายต้องฝึกประจำวันอีกนะ!!เท่านี้พวกนายก็คงพอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมว่าพวกเราต้องเสียเวลาให้กับร้านนี้มากแค่ไหนกว่าพวกเราจะทำอะไรเสร็จในแต่ละวัน อีกไม่นานพวกเราคงถูกผู้เล่นคนอื่นไล่ตามทันในที่สุด”
เมื่อทุกคนได้ฟังที่เจสเปอร์พูดมาพวกเขาก็พอจะเข้าใจมากขึ้น เป็นอย่างที่เจสเปอร์ว่ามา ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้พวกเขาแทบจะไม่ได้เลื่อนระดับเลเวลของตัวเองเลย พวกเขาให้ความสำคัญกับร้านค้าแห่งนี้จนหลงลืมไปว่าแม้พวกเขาจะมีฐานะการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นแต่ความสามารถกับหยุดอยู่ที่เดิมไม่นานคนอื่นๆก็พร้อมที่แซงหน้าเข้าไป
“มันจะไม่ดีกว่าเหรอ ถ้ามีคนมาช่วยเหลือภาระตรงนี้ให้กับพวกเราได้ อย่าลืมสิว่าเป้าหมายของกิลด์ Rising Sun คืออะไร? กิลด์จะเป็นกิลด์ที่สมบูรณ์ได้ยังไงถ้ามีสมาชิกเพียงแค่ 10 คน!!” เจสเปอร์ตบลงที่ไหล่ของทวิสเต็ดเบาๆให้ชายหนุ่มนักฆ่าได้คิด “แล้วก็อีกอย่าง เรื่องนี้พวกนายหลายคนอาจยังไม่รู้ ผู้เล่นสองคนนี้ได้ทำประโยชน์ให้กับกิลด์ของพวกเรามาตั้งแต่เช้าแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนในน้ำใจที่กลุ่มคนเหล่านี้มอบให้ ฉันคงไม่อาจทิ้งทั้งสองคนนี้ไปได้”
ดังวลีที่ว่า ‘เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล’ เป็นการเตือนว่าคนเคยทำดีกับตัวให้รู้จักเลี้ยงดูแล แม้จะไม่ได้ทำการอันใดในช่วงนั้นแต่ภายภาคหน้าอาจจำเป็นต้องใช้งานอีกครั้งจะได้ไม่ขัดสนในเวลายากลำบาก
*แบร์ กริล (Bear Grylls) เป็นนักผจญภัยชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียง เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากซีรีส์ทางโทรทัศน์ Man vs. Wild ด้วยความที่เคยเป็นทหารในกองทัพอังกฤษมาก่อน ทำให้เขามีความรู้ในเรื่องการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ เป็นอย่างดี เช่นการหาแหล่งน้ำแปลกๆ การกินสัตว์หรือแมลงสดๆ ออกในรายการ ทำให้เขากลายเป็นที่จดจำของคนทั้งโลก
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy