บทที่ 42 สองต่อหนึ่ง
บทที่ 42 สองต่อหนึ่ง
กุนไท่ไม่ได้ตกใจ หรือแสดงความกังวลออกมาเลยแม้แต่น้อย สายตาจับจ้องมองหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีขณะพุ่งเข้าหาตนอย่างดุดัน ทั้งสองถือเป็นผู้ไร้พ่ายในขั้นเดียวกันด้วยซ้ำในสายตาของผู้อื่น แต่ในสายตาของกุนไท่ คนเหล่านี้เป็นได้เพียงหินลับมีดที่ทำให้เขาเฉียบคมขึ้นเท่านั้น!
ปัง!
กลิ่นอายพิเศษของกุนไท่สร้างความง่วงให้กับพวกเขาทั้งสอง พลังปราณของพวกเขารู้สึกไหลเวียนช้าลง และติดขัด ร่างกายรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เนื่องเพราะถูกความง่วงกัดกินจิตใจ
ทั้งคู่ต่างเรียกอาวุธคู่กายออกมา หญิงสาวผู้นั้นมีแส่ยาวสีดำ ตัวแส่เต็มไปด้วยหนามแหลม ส่วนบุรุษหนุ่มครอบครองกระบี่สีขาวที่เปล่งประกายสง่างาม
วิชาระดับสามัญชน ขั้นสูง! อสรพิษสบั้นปฐพี!
นางใช้วิชาต่อสู้ออกมาแล้วแส่ในมือของนางก็เลื้อยราวกับชีวิต พุ่งเข้าหากุนไท่
วิชาระดับสามัญชน ขั้นสูง! ฟาดฟันเจ็ดวิญญาณ!
ชายหนุ่มสะบัดกระบี่ในมือออกออกไปนับเจ็ดครั้ง บังเกิดคลื่นกระบี่สีขาวยาวเจ็ดสายพุ่งตรงเข้าใส่กุนไท่อย่างไม่บันยะบังยัง
กุนไท่เผยรอยยิ้มจางออกมา พลางหาวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะใช้ทักษะปรับเปลี่ยนโครงสร้างวิชา ส่งผลให้คลื่นกระบี่ของชายหนุ่มสลายไป
ส่วนของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง กุนไท่ไม่สามารถใช้ทักษะนี้ได้ เพราะอีกฝ่ายใช้อาวุธคู่กายเป็นหลักในการโจมตี แล้วรวมเข้ากับวิชาต่อสู้ของนางทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น พลังต่อสู้ของกุนไท่ทะยานสูงขึ้น แล้วใช้พลังปราณที่เหนือชั้นกว่าทำลามันยด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว
“จงหลับเถิด! ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องกังวล มารดาอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ!”
ทันใดนั้นปรากฏเสียงหญิงสาวดังขึ้นในโสตประสาทของพวกเขาทั้งสอง เสียงนี้เหมือนมารดาของพวกมันเป็นอย่างมาก ทั้งสองจึงรู้สึกเคลิบเคลิ้มจนมิอาจแยกแยะได้ ก่อนที่พวกมันจะหลับตาลงพลางพริ้มพราย และทิ้งกายนอนเหยียดลงบนพื้นอย่างมีความสุข
เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เหล่าผู้ชมรู้สึกพูดไม่ออก ยิ่งพวกเขามาชมการประลองของกุนไท่มากเท่าไหร่ ยิ่งค้นพบความอัศจรรย์ที่แปลกใหม่ในชีวิตของพวกเขามากขึ้นเท่านั้น
บางคนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง บางส่วนเผลอยืนขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ แม้กระทั้งผู้อาวุโสบางคนที่ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกุนไท่ที่มารับชม ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อปนตกใจ
พวกเขาไม่เคยเห็นพลังที่สามารถทำให้ผู้อื่นหลับได้มาก่อน ในตัวชายหนุ่มนาม กุนไท่ ผู้นี้มีความเป็นมา และความลับเช่นไรกันแน่!
ผู้ตัดสินยังคงแข็งค้างอยู่ รู้สึกว่าตนเองเหมือนจะใกล้ตาย เนื่องจากลืมหายใจจนสำลักลมหายใจของตนเอง พร้อมกับได้สติกลับคืนมา แล้วจะกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า
“ผู้ชนะกุนไท่! ได้เข้าสู้งานชิงสมบัติในวันพรุ่งนี้!”
ผู้ชมที่ได้ยินเสียงของผู้ตัดสิน พลันได้สติขึ้นมา ก่อนจะระเบิดเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้น
“สวรรค์! นี่ข้าฝันไปหรือ?”
“ใช่ ข้าฝันเหมือนเจ้าเลย!”
“ข้าไม่เคยพบใครที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิดที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน เป็นไปได้ไม่ว่าบุคคลผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นเซียน!”
“หรือว่าเขาเป็นเซียนกลับชาติมาเกิด?”
กุนไท่ที่ไม่ได้สนใจเสียงชมชื่นสรรเสริญเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขาเดินกลับที่พักอย่างไม่ใส่ใจ เขาคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว หากเขาแสดงพลังมากกว่านี้พวกนั้นคงจะลืมหายใจจนตาย!
กุนไท่ทบทวนการต่อสู้ที่ผ่านมาทั้งหมด และประสบการณ์ตรงนั้น มันทำให้การบ่มเพาะก้าวหน้าขึ้น เขายังคงอยู่อีกไกลกว่าจะทะลวงเข้าสู้ขั้นกักเก็บพลัง คาดว่าคงใช้เวลาอีกครึ่งปีหรืออย่างช้าก็หนึ่งปีเต็ม!
หากมีผู้ใดมาได้ยินความคิดของชายหนุ่มเข้า พวกมันคงได้บ้าคลั่ง พร้อมกับร่วมใจกันเอาหินทุบศีรษะของเขาเพื่อเปิดออกมาดูว่าข้างในนั้นมีสิ่งใดไว้กันแน่!
เช้าวันรุ่งขึ้นแสงอาทิตย์สาดส่องกระจายไปทั่วผืนฟ้า และพื้นดิน กุนไท่ลุกขึ้นยืนพลางบิดขี้เกียจ ตอนนี้เขามีความรู้สึกว่า ง่วง! เขาไม่เคยง่วงมาก่อน แม้จะเข้าสู่ห้วงนิทรานานเพียงใด หรือทำสิ่งใด เขาไม่เคยง่วงเลยสักครั้ง!
แต่หัวสมองของเขาเบลอไปหมด รวมถึงจิตใจที่รู้สึกเหนื่อยล้า แต่เขาฝืนร่างกายของตนเพื่อไม่ให้เข้าสู่นิทราได้โดยง่าย เขาทั้งตีหน้าทั้งหยิกตัวเอง แต่มันก็ยังไม่ได้ผล และสิ่งที่แย่ที่สุดคือ ด้วยสภาพเช่นนี้ เขาจะสามารถเข้าร่วมงานชิงสมบัติได้อย่างไร!
ชายหนุ่มตอนนี้รู้สึกหนักใจมาก เขาไม่อยากพลาดงานนี้ แม้จะไม่อยากเข้าร่วม แต่ด้วยเกียรติของการเป็นศิษย์ของผู้พิทักษ์ เขาจำต้องเข้าร่วม
เขาคาดว่าอาจารย์ต้องมาชมการประลองด้วยตนเองเป็นแน่ และเขายังต้องการขัดเกลาฝีมือกับอัจฉริยะมากมายที่แข็งแกร่งเหล่านั้นอีกด้วย
ในงานนี้เขาอาจมีโอกาสได้ต่อสู้การศิษย์สายหลักที่มีพลังระดับผู้เชี่ยวชาญ! สิ่งนี้อาจจะทำให้เขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
และแล้วเขาก็ไม่สามารถทนต่อความง่วงนี้ได้ ทำให้เขาเข้าสู่นิทราโดยพลัน ตึง! เสียงร่างกายของมนุษย์กระแทกกับพื้น กุนไท่เผยรอยยิ้มที่มีความสุขราวกับว่าบนโลกนี้ไม่มีความสุขใดได้เท่ากับการนอนหลับอีกแล้ว!
ทันใดนั้นบังเกิดระลอกคลื่นกลิ่นอายพิเศษ มันมีสีน้ำเงินให้ความรู้สึกลึกล้ำ และยิ่งใหญ่ มันระเบิดออกมาจากร่างของกุนไท่ พร้อมกับกลายเป็นคลื่นพลังกระจายออกมาไปเป็นวงกว้าง
คลื่นพลังนี้ยังแผ่กระจายออกไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่ามันไปถึงไหน และเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ผู้คนไม่ว่าจะเป็นใครระดับใด หรือแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อสัมผัสกับระลอกคลื่นนี้ก็พลันเข้าสู่ห้วงนิทราโดยทันที!
ผู้บ่มเพาะแต่ละคนเริ่มนอนเรียงรายกันมากขึ้นตามพื้นถนนไม่ว่าจะเป็นในตำหนัก หรือในสิ่งปลูกสร้างใดก็แล้วแต่ ก็ไม่สามารถทนรับกลิ่นอายที่พิเศษนี้ไหว
ตอนนี้ระลอกคลื่นได้กระจายไปทั่วทั้งนิกายฟ้าสวรรค์คำรามพิโรธแล้ว แต่มันกลับยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น มันยังคงแผ่ขยายออกไปไม่รู้จักจบจักสิ้น!
สัตว์อสูรเองก็ไม่สามารถต้านทานได้เช่นเดียวกัน รวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ก็ไม่สามารถต้านทานได้ และแล้วสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งทวีปศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่นิทรากันหมด!