Ep.182 - รังมนุษย์กลายพันธุ์
4/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.182 - รังมนุษย์กลายพันธุ์
บางตัวก็มีขนยาวปกคลุมร่างกาย มีหางแมวงอกข้างหลัง แต่ยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ หมอบคลานอยู่บนพื้น ทุกการเคลื่อนไหวเหมือนแมวทุกประการ
บางตัวก็มีเขี้ยวเต็มปาก ผิวสีน้ำตาล จมูกย่น มีสภาพคล้ายกับหมู
นอกจากนี้ยังมีเขี้ยวทารกในรูปลักษณ์หมี , หนู และอินทรี!
ภายในห้องทดลองนี้ มีพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ทั้งยังน่าสยดสยองยิ่งกว่า
ไม่ต้องกล่าวถึงมนุษย์ที่ถูกขังไว้ในกรงชนิดพิเศษสำหรับทำการทดลอง
สถานการณ์ดังกล่าวนี้ แน่นอนทำให้ฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ทั้งยังโกรธอีกด้วย!
เดิมทีเขาคิดว่า องค์กร Z เป็นเพียงองค์กรเล็กๆที่ไม่เปิดเผยตัวตน สิ่งนี้เองนี่นำไปสู่ความสอดคล้องกับในชีวิตก่อนหน้าที่ตนไม่เคยได้ยินชื่อของอีกฝ่ายมาก่อนเลย
แต่ตอนนี้ เขาค้นพบแล้วว่าแท้จริงตนคิดผิด!
เข้าใจผิดไปอย่างสิ้นเชิง
มีความสามารถในการทดลองมากถึงขนาดนี้ แล้วมันจะเป็นองค์กรเล็กๆไปได้อย่างไร!
ยังไงก็ตาม การทดลองเช่นนี้ ไม่สมควรเกิดความก้วหน้าใดๆอีกต่อไป เพราะวิธีการทั้งหมดของพวกมัน ล้วนเป็นวิธีชั่วร้ายที่มีเพียงองค์กรมืดเท่านั้นที่จะใช้!
ดังนั้นห้องทดลองแบบนี้ สมควรที่จะถูกทำลาย!
วินาทีต่อมา รอบตัวฉินเฟิงก็บังเกิดเปลวเพลิงลุกพรึบ! อย่างกระทันหัน มันกวาดกระจายอย่างบ้าคลั่งไปทั่วทั้งห้อง
ตูม ตูมมม!
อุปกรณ์ต่างๆภายในห้องมอนิเตอร์ ทั้งหมดถูกระเบิดโดยฉินเฟิง ข้อมูลข้างในภาพล้วนถูกทำลาย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยังสามารถส่งออกไปได้ แต่อย่างน้อยที่สุด ภาพในปัจจุบันของฉินเฟิง และหลังจากนี้ไป ไม่อาจถูกถ่ายเก็บไว้ได้อีกแล้ว!
นี่คือวิธีที่ฉินเฟิงใช้ป้องกันตัวเอง และเขาได้ตัดสินใจแล้ว
เกิดเสียงระเบิดครั้งใหญ่ ตามด้วยเปลวไฟพวยพุ่งสู่เบื้องบน เสียงแจ้งเตือนไฟไหม้ดังขึ้น ภายใต้เสียงไซเรน สปริงเกอร์พ่นน้ำออกมา แต่น้ำทั้งหมดก็ถูกเผาลงโดยไฟโลกันต์ กลายเป็นหมอกฟุ้งกระจาย
จากนั้น ฉินเฟิงก็เตะประตูเปิดออก ก้าวไปตามระเบียงทางเดิน
เสียงอึกทึกขนาดนี้ เป็นธรรมดาที่จะทำให้ภายในฐานเกิดความตื่นตระหนก พวกเขาติดต่อสำนักงานใหญ่ แต่ก็มีเพียงเสียงซ่า ซ่า ของคลื่นสัญญาณที่ไม่ดี
นั่นเพราะห้องมอนิเตอร์ถูกทำลายลงแล้วโดยฉินเฟิง
บางคนวิ่งมาที่นี่อย่างรีบร้อน บังเอิญได้พบกับฉินเฟิง และตระหนักได้ทันทีว่าเป็นคนแปลกหน้า เนื่องจากชุดของเขามันไม่เหมาะกับสถานที่ทดลองเลย
“แกเป็นใครกัน?” ชายคนนั้นคำราม แต่ไม่รอให้ฉินเฟิงได้ตอบคำถาม ปืนในมือก็ลั่นไกออกไปซะก่อน
ฉินเฟิงเองก็มิคิดหยุดฝีเท้า ก้าวต่อไป กระสุนทั้งหมดพลันหยุดนิ่ง ลอยคว้างอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าฉินเฟิง ห่างออกไป 1 เมตร ตามต่อด้วยเสียงของพวกมันตกกระทบลงกับพื้น มิอาจทำร้ายฉินเฟิงได้แม้เพียงปลายเส้นผม
ชายที่ใช้อาวุธปืน เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ สองขาของเขาก็กลายเป็นอ่อนเปลี้ย และเนื่องจากฉินเฟิงมิได้ขยับกายเคลื่อนไหวรวดเร็วนัก ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นโลโก้เลเวล E บนอกเขาได้อย่างชัดเจน ภาพนี้เองที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
“ศัตรูบุก!! พวกเราถูกศัตรูโจมตี!!!”
ชายคนนั้นร้องตะโกนใส่อุปกรณ์สื่อสาร
ช่วงเวลาเดียวกัน เท้าของฉินเฟิงสะบัดออกเล็กน้อย วินาทีต่อมา กระสุนหลายนัดที่นอนนิ่งอยู่เบื้องล่างก็ปลิวออกไป เจาะลงในกะโหลกของอีกฝ่าย
โผล๊ะ!
สองตาของชายคนนั้นเบิกกว้าง ภายในมันฉายชัดว่าไม่อาจทำใจเชื่อ ว่าตนจะต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้!
ทั่วทั้งพื้นที่ฐานทดลอง หลังจากได้ยินเสียงของชายคนนี้ ก็บังเกิดความโกลาหลขึ้นทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายชราที่อยู่ในแลปทดลองห้องหนึ่งเอ่ยเสียงจม เขาเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดมา ปากเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหม่นทะมึน สีหน้าก็น่าเกลียดมากเช่นกัน
“ศาสตราจารย์หวาง มีใครบางคนบุกเข้ามาในฐานทดลอง ตอนนี้กล้องวงจรปิดใช้งานไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะทำลายห้องควบคุมไปแล้ว!”
“ไอ้พวกไร้ประโยชน์!” ศาสตราจารย์หวางสบถสาปแช่งด้วยความโกรธ เขาเริ่มทำการเปิดมอนิเตอร์สำรอง โดยใช้อุปกรณ์สื่อสารของตนเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดโดยตรง
และในตอนนั้นเอง ร่างของฉินเฟิงก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
ภายในกล้อง ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงในปัจจุบัน มันเป็นสีดำทมิฬ ถูกปกคลุมไปด้วยรูนมืด ดูคล้ายกับเงาที่บิดเบี้ยว มิอาจมองเห็นรูปลักษณ์ได้
ศาสตราจารย์หวางสูดลมหายใจลึก สองมือชะชักงัน
หลังจากนั้น ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น!
“นั่นผู้ใช้อบิลิตี้มืด? ประเสริฐ ประเสริฐจริงๆ! เร็วเข้า รีบส่งคนไปจับตัวเขา ห้ามลงมือถึงตาย ต้องจับมาแบบเป็นๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า”
ศาสตราจารย์หวางร้องอุทานด้วยความตื่นเต้น
ผู้ใช้อบิลิตี้มืดน่ะมีน้อย พบเจอได้ยากยิ่ง และทุกคนล้วนทราบดี ว่าอบิลิตี้มืดนั้นทรงพลังเพียงใด
อย่างหนึ่งนิ้วสู่ความตายก็เป็นตัวอย่างที่ดี ไหนจะโรคระบายมืดที่สามารถฆ่าล้างเผ่าพันธ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์คลั่งไคล้
แม้ศาสตราจารย์หวางจะไม่รู้ว่าคนๆนี้มีจุดประสงค์อะไร คิดมาสร้างปัญหาหรือขโมยสิ่งใด แต่ศาสตราจารย์หวางได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะต้องจับเป็นอีกฝ่ายมาให้ได้ กระทั่งในสมองของเขา ยังผุดหลายโครงการวิจัยขึ้นมา!
“ตอนนี้เป้าหมายอยู่ตรงระเบียงทางเดินห้องมอนิเตอร์ ปล่อยแก๊สพิษใส่เขาซะ ทำให้เขาหมดสติลง” ศาสตราจารย์หวางสั่ง
“รับทราบศาสตราจารย์!”
คนอื่นๆรีบเตรียมการอย่างรวดเร็ว โชคดีที่รู้ตำแหน่งว่าศัตรูอยู่ที่ไหน ดังนั้นเลยสามารถลงมือได้อย่างรวดเร็ว
ภายในระเบียงทางเดินที่ฉินเฟิงกำลังเดินอยู่ ปรากฏท่อสีดำขนาดใหญ่ถูกเปิดออก
ภายในท่อ อาวุธปืนพลันปรากฏขึ้น วินาทีต่อมา ละอองหนาก็ถูกพ่นออกไป
ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอาวุธปืน พลังสมาธิถูกกระตุ้น อำนาจอันแข็งแกร่งพุ่งตรงสู่ปากกระบอกปืน เริ่มบิดและหมุนมันเป็นเกลียว
แก๊สยาสลบที่อีกฝ่ายใช้ สำหรับฉินเฟิงซึ่งเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E ถือว่าเบาบางเกินไป
ฉินเฟิงเร่งเดินออกจากช่องระเบียงทางเดิน ไปโผล่ยังอีกสถานที่หนึ่ง พลังสมาธิของเขาขยายออก แจ้งให้ฉินเฟิงทราบถึงตำแหน่งของแลปทดลอง
ณ เวลานี้ เมื่อศาสตราจารย์หวางเห็นฉินเฟิงกำลังเดินเข้ามาแลปทดลองของเขา เจ้าตัวก็รู้สึกโกรธ ร้องคำรามขึ้น “ไป! ไปจับตัวเขามา ไม่ต้องสนแล้วว่าจะมีชีวิตอยู่รึเปล่า แต่ยังไงก็ต้องเอาศพเขามาให้ฉันให้จงได้!”
ภายในแลปทดลอง ฝูงชนได้ยินเสียงคำรามผ่านอุปกรณ์สื่อสาร ทั้งหมดรวมตัวกัน ดาหน้าไปหยุดฉินเฟิง
และเมื่อประจัญหน้ากัน พวกเขาก็ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง!
“ศาสตราจารย์หวาง เขา … เขาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E !”
“เลเวล E มันทำไม? พวกแกครอบครองความสามารถของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล F !! แล้วจะไปกลัวเลเวล E เพื่อ!? รีบจับตัวเขากลับมาให้ฉัน!”
คนเหล่านั้นลังเล สุดท้ายกัดฟันตอบ “ศาสตราจารย์หวาง รอข่าวดีจากพวกเราได้เลย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ประเสริฐ! ถ้าจบเรื่องแล้วฉันจะช่วยปรับปรุงยีนส์ของแกให้ จะช่วยให้แกสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม!”
ชายคนนั้นพอได้ยินสิ่งที่ศาสตราจารย์หวางกล่าว ก็กลายเป็นปลาบปลื้มทันที
เพราะการทดลองผสมยีนส์ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ แต่ทุกความสำเร็จ มันสามารถช่วยให้คนๆนั้นได้รับความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายได้ และหากศาสตราจารย์หวางกล่าวคำว่าสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมออกมา นั่นหมายความว่า ความแข็งแกร่งขั้นต่อไป คือสามารถก้าวขึ้นได้ถึงเลเวล E!
และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้ แม้จะผ่านการฝึกฝนนานนับ 10 ปีก็ตาม
ต้องทราบนะว่า เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาถึงขั้นยอมละทิ้งสายเลือดดั้งเดิม กลายเป็นสัตว์ร้ายก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง ฉะนั้นทำไมตนถึงจะไม่รู้สึกยินดีเล่า ที่จะได้แข็งแกร่งขึ้น
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ฝูงชนก็รีบวิ่งมายังสถานที่ที่ฉินเฟิงยืนอยู่
ในเวลานี้ มือปืนคนอื่นๆก็เข้ามาขัดขวางฉินเฟิงเช่นกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าทั้งหมดถูกฆ่าจนเกลี้ยง
ไม่มีใครสามารถต่อกรกับพลังสมาธิของฉินเฟิงได้
ไม่นานนัก ร่างเงาของบุคคลหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉินเฟิง ในมือของเขาถือหลอดยาสีฟ้า ฉีดมันเข้าไปในร่างกาย และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงตามมา
ผิวหนังของเขากลายเป็นสีน้ำตาล คล้ายกำว่าเกิดการลอกของหนังกำพร้า ขนกลายเป็นหยาบโลน รูจมูกเริ่มย่นและขยายใหญ่ ความสูงและรูปร่างยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในพริบตาเดียว อีกฝ่ายก็สูงใหญ่ เพิ่มมากขึ้นถึง 2.2 เมตรอย่างกระทันหัน มีรูปลักษณ์ดั่งสำนวนหลังกลายเป็นเสือ เอวกลายเป็นหมี ทั้งคนทั้งร่างปูดบวมอ้วนฉุ แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้เพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก
อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ เขากลายเป็นตัวตนที่อัปลักษ์อย่างหาที่เปรียบมิได้!
***พรุ่งนี้งดประจำสัปดาห์ครับ***