บทที่ 110
ปราณพิษในร่างถูกขับออกมาอย่างสุดกำลัง อสรพิษร้ายสีดำปรากฏกายออกมาสะกดชายฉกรรจ์ทั้งกลุ่มให้ยืนแน่นิ่ง สายตาของแต่ละคนจ้องมองอสรพิษร้ายด้านหน้าด้วยความหวาดกลัว หลายคนอาวุธหลุดร่วงลงพื้นตัวสั่นสะท้าน เสียงเอ่ยวาจาจากเด็กหนุ่มด้านหน้าได้ยินแล้วตัวสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม
“หากพวกท่านยังอยากมีชีวิตอยู่ ได้โปรดมอบสมบัติของพวกท่านมาให้ข้า หาเช่นนั้นแล้ว อสูรคู่ใจข้าคงกินพวกท่านจนอิ่มท้องเป็นแน่”
กลุ่มชายฉกรรจ์ได้แต่ต้องรีบทำตาม แหวนในนิ้วมือถูกถอดออกแล้วโยนมันออกไปด้านหน้าสมบัติยังคงพอหาใหม่ได้ แต่ชีวิตหาใหม่ไม่ได้ หลังจากโยนแหวนออกไปหลายคนก็คิดพุ่งหลบหนี เมื่อมีคนหนึ่งหนีรอดทั้งหมดจึงพุ่งหลบหนี เนี่ยฟงทำได้แต่ส่ายศีรษะไปมา หลังจากมองหยางเวยเดินเข้าไปเก็บแหวนที่วางอยู่บนพื้น หยางเวยเดินตรวจสอบแหวนในมืออย่างมีความสุข ชั่วน้ำเดือดก็ขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นโบกสะบัดมือนำของชิ้นหนึ่งออกมา พร้อมกับยื่นให้แก่เนี่ยฟง มันคือป้ายหินที่มีอักษรโบราณสลักอยู่ เนี่ยฟงนำมาตรวจสอบอยู่นานในที่สุดก็ยกยิ้มออกมา
“หยางเวยขอแผ่นที่เขตป่าด้วย”
หยางเวยรีบโบกสะบัดมือนำออกมาออกกางไว้บนรถม้า เนี่ยฟงจ้องมองแผนที่และวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สลับกันไปมา เกือบหนึ่งเค่อเนี่ยฟงก็ใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งใจกลางป่าขนาดใหญ่ทางตะวันตกของแผนที่มีอักษรเขียนว่าเขาสัตว์อสูร
“เมื่อเทียบเคียงจากแผ่นที่ปัจจุบันแล้ว สิ่งที่แผ่นป้ายหินบอกทางมันคือที่นี่”
“เจ้าคิดว่าเราจะเจอศิลาจารึกหรือไม่”
“ข้าไม่แน่ใจในแผ่นป้ายหินแจ้งแค่จุดหมายบางอย่างเท่านั้น”
เนี่ยฟงขับรถม้าออกไปอย่างช้าๆ หยางเวยก็นั่งตรวจสอบแหวนที่เหลืออยู่ในมืออีกหลายวง การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น สองข้างทางไร้ซึ่งสัตว์อสูรโจมตี ไม่นานทั้งสองก็ผ่านเข้ามาในเมืองที่สอง สิ่งแรกที่เข้ามาในเมือง ทั้งสองหาโรงเตี๊ยมเข้าพัก หลังจากสั่งอาหารเนี่ยฟงก็เอ่ยปากถามเกี่ยวกับเขาสัตว์อสูรและการเดินทาง เสี่ยวเอ้อตอบคำถามไม่กี่ข้อก็ต้องรีบไปรับแขกโต๊ะอื่น ทำให้เนี่ยฟงได้ข้อมูลไม่มากนัก
“ข้าว่าเราไปสอบถามเส้นทางจากพวกทหารดีหรือไม่”
“ดีเช่นนั้นหลังจากทานอาหารอิ่มแล้วเราแยกออกไปหาข่าวกัน”
หลังจากทานอาหารจนอิ่มทั้งสองก็เช่าโรงเตี๊ยมไว้นอนหนึ่งคืนแล้วก็แยกกันไปหาข่าว หยางเวยมุ่งหน้าไปที่ป้อมทหาร ส่วนเนี่ยฟงมุ่งหน้าหาข้อมูลตามร้านขายตำรา หลังจากรับรู้ข้อมูลมาบ้างแล้วของเขาสัตว์อสูร หยางเวยถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เกือบสองชั่วยามทั้งสองก็กลับมาที่โรงเตี๊ยมเช่นเดิม ทันทีที่เนี่ยฟงกลับมาถึงโรงเตี๊ยมก็พอรับรู้บางอย่างจากหน้าตาของหยางเวย
“ข้าพอรับรู้บางอย่างเกี่ยวกับเขาสัตว์อสูรแล้ว หากเราจะขึ้นไปต้องผ่านกลุ่มโจรเงามายา กลุ่มโจรที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งป่า อีกทั้งด้านบนเขายังเป็นที่อยู่ของสัตว์อสูรอสรพิษฟ้าระดับสีแดงขั้นกลางอีก”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟง ทั้งสองนิ่งเงียบไปชั่วน้ำเดือด เป็นหยางเวยที่เอ่ยวาจาออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน
“ข้าคิดว่ากลุ่มโจรเงามายาอะไรนั้น ต้องมีสมบัติมากมายเป็นแน่ อีกอย่างแก่นพลังปราณระดับสีแดงขั้นกลางคงทำให้ข้าเลื่อนระดับได้ เจ้าจะเดินทางเมื่อไหร่”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเล็กน้อยไม่นานก็หัวเราะออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าคิดว่าเจ้าทำหน้าตาเช่นนั้นเจ้าจะเกรงกลัวเสียอีก”
“เหอะ กลัวส่วนกลัว ส่วนสมบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“ข้ามีข่าวดี อีกสี่วันจะมีขบวนของสำนักมังกรผยองราชันมุ่งหน้าไปปราบกลุ่มโจรเงามายา รวมทั้งชาวยุทธและสำนักต่างๆด้วย ข้าคิดว่าเราจะเดินทางไปกับคนพวกนี้”
“บัดซบ เช่นนั้นสมบัติก็ต้องถูกแบ่งให้แก่คนพวกนั้นหมดละสิ”
เนี่ยฟงหัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมกับกระซิบข้างๆหูหยางเวยอย่างเบาๆ
“เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะพาเจ้าปล้นสมบัติของกลุ่มโจรเงามายาก็แล้วกัน”
หยางเวยตื่นตกใจดวงตาเบิกโพลงหันมามองเนี่ยฟงด้วยความตื่นเต้น
“ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าเจ้ามันคือตัวโชคดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ตลอดระยะเวลาสามวันเนี่ยฟงเก็บตัวศึกษาหนังสือที่ได้จากชายชราเกี่ยวกับเก่าแก่จากอาณาจักรโบราณที่ปกครองเขตพื้นที่ต่างๆเพิ่มขึ้น มันยังบอกถึงวิธีสังหารสัตว์อสูรโบราณ ส่วนหยางเวยยังคงคลุกตัวอยู่ที่บ่อนพนัน โดยอ้างกับเนี่ยฟงว่าออกมาสืบข่าว เนี่ยฟงก็ไม่กล่าวสิ่งใดเพราะบางครั้งเรื่องที่หยางเวยเอามาแจ้งก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน ภายในเมืองผู้คนชาวยุทธ์มากมายต่างทยอยมาที่เมืองแห่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วมาตามคำเชิญของเจ้าสำนักมังกรผยองราชัน ทำให้ค่ำคืนที่เมืองแห่งนี้ประดุจมีงานฉลองเกิดขึ้น
รุ่งอรุณทอแสงหลายคนตื่นแต่เช้าออกมายืนรอที่ด้านหน้าลานกว้างกลางเมือง ชาวยุทธ์หลายคนต่างออกมายืนรอกันบ้างแล้ว ไม่นานก็มีเงาของสัตว์ขนาดใหญ่ปกคลุมท้องฟ้า เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองพบเป็ฝูงนกยักษ์หลายสิบตัวแต่ละตัวมีคนนั่งอยู่เกือบยี่สิบคน ไม่นานก็มีนกยักษ์ตัวหนึ่งบินลงมาด้านล่าง ชายหนุ่มผู้หนึ่งกระโดดลงจากหลังนกยักษ์ลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจดจำได้ดีว่าเป็นผู้ใดคนผู้นี้คือ เถาหม่าเวย ครั้งหนึ่งเคยร่วมการประลองเขตทั้งแปดเมื่อสี่ปีก่อน
“กลุ่มใดไม่มีสัตว์อสูรประเภทนกให้มารวมกันตรงด้านนี้ ส่วนกลุ่มใดที่มีให้เรียกออกมาแล้วไปรวมที่ด้านหลังของขบวน”
สิ้นเสียงกล่าวของเถาหม่าเวย ชายหนุ่มทั้งสองก็เดินออกไปรวมกลุ่มกับกลุ่มไม่มีสัตว์อสูร จากที่สังเกตดูมีไม่ต่ำกว่าสิบคนเถาหม่าเวยเรียกสัตว์อสูรของต้นออกมา เป็นอินทรีปากแดงขนาดใหญ่ หลังจากนั้นกลุ่มคนทั้งสิบก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของอินทรีปากแดง ชั่วน้ำเดือดทันทีที่เถาหม่าเวยกระโดดขึ้นมา มันก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าติดตามขบวนนกยักษ์ขนาดใหญ่ไป หลายคนจ้องมองสภาพป่าไม้ด้านล่างที่สวยงาม หลายคนเลือกที่จะนั่งโคจรลมปราณอยู่เฉยๆ
ขบวนนกยักษ์ขนาดใหญ่บินอยู่เต็มท้องฟ้ามุ่งหน้ามาที่เขาสัตว์อสูร ด้านล่างยังคงเห็นขบวนของกลุ่มทหารหลายร้อยคนเดินมาตามทาง เกือบสองชั่วยามทั้งหมดก็ลงมาที่พื้น เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ก่อนขึ้นเขาสัตว์อสูร มีการตั้งค่ายกระโจมขนาดใหญ่อยู่หลายหลังมีศิษย์สำนักมังกรผยองราชันเดินไปมาในค่าย มีทหารหลายสิบคนยืนเฝ้ายามอยู่ ทั้งหมดถูกเชิญมายืนอยู่หน้ากระโจมใหญ่ ด้านในมีผู้อาวุโสหลายคนนั่งอยู่คาดว่าคงเป็นคนของสำนักมังกรผยอง ไม่นานก็มีชายชราผู้หนึ่งสวมชุดของสำนักมังกรผยองเดินออกมาจากกระโจม
“ข้าหานเจิ้งเปา เจ้าสำนักมังกรผยองราชันเป็นตัวแทนกล่าวต้อนรับพวกท่านที่มาปราบกลุ่มโจรเงามายาในครั้งนี้ มันอดีตกลุ่มโจรพวกนี้หาได้มีพิษสงใดใด แต่เมื่อเกิดหอคอยปีศาจขึ้นมาทำให้พวกมันได้รับพลังปราณและของบางอย่างจากการสังหารปีศาจ ตลอดระยะเวลาสี่ปีมานี้พวกมันเตรียมกำลังพลไว้พร้อมพอสมควรที่จะเข้ายึดเมือง ดังนั้นพรุ่งนี้เช้าข้าจะนำทัพออกไปจัดการพวกมันเอง คืนนี้ขอให้พวกท่านพักผ่อนเถอะ ศิษย์สำนักข้าคงเตรียมกระโจมไว้ให้พวกท่านแล้ว”
หลายคนตะโกนโห่ร้องดีใจ หลังจากนั้นก็เดินตามศิษย์สำนักผู้หนึ่งไปที่กระโจมสำหรับพัก ด้านในมีอาหารมากมายวางไว้ต้อนรับ หลังจากทานอาหารอิ่ม เนี่ยฟงและหยางเวยเลือกที่จะออกมานอนด้านนอกเอง ตลอดช่วงบ่ายก็เดินสำรวจบริเวณรอบๆค่าย อีกทั้งยังแอบทิ้งวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้ตามทางอีกด้วย
“เนี่ยฟงเจ้าคิดอย่างไรกับค่ายที่นี่”
“เหอะหากข้าเป็นพวกกลุ่มโจร คืนนี้ข้าต้องลงมือจัดการค่ายที่นี่แน่”
“ฮ่า ฮ่า เอาเถอะคืนนี้คงต้องสนุกแน่”
ทั้งสองยังคงเดินสำรวจด้านนอกบริเวณค่ายจนค่ำทั้งสองก็กลับมายังค่าย เมื่อทานอาหารเสร็จมีหลายคนถูกเรียกเข้าไปในกระโจมใหญ่เพื่อประชุมเกี่ยวกับการบุกค่ายโจรเงามายาพรุ่งนี้เช้า เนี่ยฟงและหยางเวยแยกตัวออกมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านข้างของค่าย เพราะด้านในมีแต่คนคุยโวโอ้อวดถึงความเก่งกาจข่มผู้อื่น ทั้งสองนั่งโคจรลมปราณอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ เนี่ยฟงโบกสะบัดมือขวา วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏออกมา บดบังทั้งสองหายไปจากสายตาผู้คน