ตอนที่แล้วบทที่ 106
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 108

บทที่ 107


เสียงร้องของสัตว์อสูรดังแว่วเข้ามาเป็นระยะๆ ในช่วงเวลากลางคืน ชายหนุ่มสองคนนอนเฝ้ายามบนกิ่งไม้ใหญ่ เสียงย่ำเท้าหนักๆก้าวเข้ามาในทิศทางด้านข้าง จากเสียงย่ำเท้าคงตัวใหญ่ไม่น้อย ผู้คุ้มกันหลายคนตื่นตัวโบกสะบัดมือนำอาวุธมาถือไว้แน่น ไม่นานมันก็หยุดลงไม่ถึงสามลมหายใจมันก็หันหน้าไปทางอื่น เสียงถอนหายใจดังออกมาจากคนคุ้มกันหลายคน ไม่กี่ชั่วยามทุกคนก็พร้อมออกเดินทาง มีรถม้าคันใหญ่สำหรับเถ้าแก่ทังมู่นั่ง รถม้าอีกสองคันเป็นผู้ติดตาม ส่วนผู้คุ้มกันส่วนใหญ่จะเลือกขี่ม้า ส่วนชายหนุ่มทั้งสองเลือกที่จะติดตามไปตามกิ่งไม้คุ้มกันด้านนอก

สี่วันก็เข้ามาในเขตของเมืองหลวงผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่สองข้างทาง หลายคนนำสินค้าพื้นเมือง ชิ้นส่วนของสัตว์อสูร รวมไปถึงสมุนไพรออกมาวางขาย ชายหนุ่มทั้งสองร่ำลาเถ้าแก่ทังมู่แยกตัวออกมาก่อนเข้าเมือง สมุนไพรหลากหลายชนิดถูกกว้านซื้อมาจนหมด ชายผู้หนึ่งยกยิ้มอย่างดีใจ ส่วนชายอีกผู้หนึ่งหน้าตาดูมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพราะต้องเสียเงินจ่ายค่าสมุนไพรไปจำนวนไม่น้อย ทั้งสองผ่านกำแพงเมืองหลวงในตอนเย็นจึงมุ่งหน้าหาโรงเตี๊ยม เมื่อเข้ามาถึงดูเหมือนชาวเมืองจะมีงานสำคัญ ผู้คนออกมาเดินชมเมืองกันแน่นขนัด พลุไฟถูกจุดสว่างไสวเต็มท้องฟ้า หยางเวยเดินเข้าไปสอบถามหญิงชราผู้หนึ่ง

“ท่านป้าขอรับ ที่นี่เกิดสิ่งใดขึ้นขอรับ”

หญิงชราหันมามองตามเสียงเรียก พร้อมกับกล่าวตอบ

“วันนี้ผู้ดูแลเขตจึงจัดงานฉลองขึ้นให้แก่ชาวเมืองเนื่องด้วยโอกาสได้หลานชาย ส่วนพรุ่งนี้จะมีงานประลองที่สำนักเจ็ดดาว เป็นงานประลองใหญ่ของสำนัก พวกเจ้ามาจากต่างถิ่นสินะจึงไม่ทราบเรื่องนี้”

“ขอรับท่านป้า พวกข้าทั้งสองออกมาท่องเที่ยว ข้าต้องขอบคุณท่านป้ามากขอรับ”

หยางเวยสอบถามเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าไปทางหญิงชราบอก เป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ผู้คนด้านในกินดื่มกันเสียงดังจนออกมาด้านนอก เสี่ยวเอ้อรีบเข้ามาต้อนรับทั้งสองทันทีที่เดินเข้ามา

“คุณชายทั้งสองเชิญด้านในขอรับ”

“เอาอาหารที่ดีที่สุดมาสามอย่างน้ำชาหนึ่งกา และห้องพักสองห้อง”

เสี่ยวเอ้อตอบรับหยางเวยทันทีพร้อมกับนำทั้งสองเข้าไปในโต๊ะว่างด้านใน ทั้งสองนั่งรออยู่ไม่นานก็มีน้ำชาและอาหารสามอย่างมาส่งที่โต๊ะ ในระหว่างที่ทานอาหารเนี่ยฟงไม่ลืมที่จะฟังผู้คนรอบตัวพูดคุยกันเช่นเดิม ไม่นานก็มีข่าวน่าสนใจเกี่ยวกับสำนักเจ็ดดาว พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะมีงานเทศกาลในสำนักมีการจัดการประลองประจำปีของศิษย์ในสำนัก อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ชาวยุทธ์และชาวบ้านทั่วไปเข้าเยี่ยมในสำนักได้ เนี่ยฟงแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่นานทั้งสองก็แยกย้ายกันเข้าห้องพัก

“เหอะ เจ้าหนูดูจากท่าทางของเจ้าแล้วเจ้าคงคิดแผนการบางอย่างได้แล้วสินะ”

“แน่นอนขอรับ พรุ่งนี้ท่านรอดูเรื่องสนุกเถอะขอรับ”

รุ่งเช้าหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จชายหนุ่มทั้งสองก็ออกจากโรงเตี๊ยมมุ่งหน้าไปยังสำนักเจ็ดดาว สองข้างทางมีชาวบ้านนำของออกมาวางขาย เนี่ยฟงสะดุดตากับของสิ่งหนึ่งเป็นป้ายหินขนาดเท่าฝ่ามือมีอักษรโบราณเหมือนที่สลักบนศิลาจารึก

“ท่านลุงขอรับ ป้ายหินแผ่นนี้ท่านได้มาจากที่ใดขอรับ”

ชายหนุ่มดูมีอายุผู้หนึ่งที่นั่งขายของรีบหันมามองตามเสียงเอ่ยถาม

“ข้าได้มาจากพ่อค้าอีกคนหนึ่ง เห็นว่าได้มาจากเขตภูเขาไฟเมื่อหลายปีก่อน”

เนี่ยฟงพยักหน้าให้หยางเวยแล้วก็ถือแผ่นหินเดินออกไป เป็นหยางเวยที่ต้องรีบเข้ามาจัดการค่าป้ายหิน หลังจากนั้นก็รีบพุ่งทะยานติดตามเนี่ยฟงไป

“ไอ้บ้าเนี่ยฟง เหตุใดเจ้าถึงซื้อป้ายหินนั่นมา ข้าเห็นเจ้าจ้องมองมันมาตลอดทาง”

เนี่ยฟงหันไปมองหยางเวยพร้อมกับกระซิบเบาๆ

“มันคือแผนที่นำไปสู่ศิลาจารึกชิ้นต่อไป”

“จริงรึ”

“แน่นอน หลังจากเสร็จสิ้นที่นี่ เราจะไปที่เขตภูเขาไฟกัน”

ทั้งสองเดินเที่ยวชมในสำนักเจ็ดดาวเช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วไป ระหว่างทางเนี่ยฟงก็แอบวางอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้ตามทาง บ้างก็ให้ไปติดตามเสาไม้ขนาดใหญ่ สำนักเจ็ดดาวมีขนาดใหญ่พอสมควร มีตึกหินชนาดใหญ่หลายตึก แน่นอนเนี่ยฟงก็แอบวางอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้หมดแล้ว ไม่นานทั้งหมดก็รีบวิ่งพากันออกไปดูการประลอง ซึ่งทั้งสองก็ออกไปพร้อมกับชาวบ้านด้วยเช่นกัน ระหว่างที่ดูการประลองไปสองคู่เนี่ยฟงก็ขอออกมาด้านนอกก่อนอ้างกับหยางเวยว่าปวดท้อง

หลังจากออกมาเนี่ยฟงก็พุ่งทะยานเข้าไปด้านในสำนักเจ็ดดาวอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์บดบังสายตาผู้คน สิ่งแรกที่กระทำคือมุ่งหน้าไปที่ห้องครัว ใช้เวลาหาอยู่นานพอสมควรเมื่อมาถึง ไม่รอช้าแอบเข้าไปด้านในโบกสะบัดมือขวานำขวดยาออกมา เทผงยาในขวดลงในถังน้ำสองถังข้างเตา หลังจากนั้นก็แอบเอาไปเทตามผักและเนื้อที่เตรียมสำรับทำอาหาร สิ่งต่อไปก็คือแอบไปที่ห้องส้วมของสำนัก ไม่ลืมที่จะแอบวางอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้เช่นกัน เนี่ยฟงตระเวนพุ่งทะยานไปมาบนหลังคาเพื่อแอบวางอักขระศักดิ์สิทธิ์จนเวลาใกล้เที่ยง เนี่ยฟงก็กลับไปหาหยางเวยพร้อมกับชวนกันออกไปหาอะไรทานด้านนอก เช่นเดียวกับการหยุดพักการประลอง

“เจ้าจะอยู่ที่นี่นานหรือไม่”

หยางเวยเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ข้าจะบอกก็แล้วกันว่าเราต้องไปเมื่อไร แต่ว่าก่อนหน้านั้นเจ้าแทงพนันได้มาบ้างหรือเปล่า”

“เหอะ คนที่นี่ข้าหาได้รู้จักผู้ใด แทงไปมีหวังเสียกับเสีย หรือว่าเจ้ารู้ว่าผู้ใดจะชนะ”

หยางเวยเอ่ยถามไม่นานก็ครุ่นคิดบางอย่าง

“ข้าลืมไปได้อย่างไร ว่าเจ้ามันคือตัวโชคดี”

“เจ้ารอแทงตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน”

มื้อนี้เป็นหยางเวยเลี้ยงเนี่ยฟงด้วยความเต็มใจ หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่ลานประลองอีกครั้ง ผู้คนต่างเข้ามาชมการประลองที่จะเกิดขึ้นในรอบบ่าย คู่แรกเป็นชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวผู้หนึ่ง เนี่ยฟงแจ้งต่อหยางเวยให้แพงพนันหญิงสาว แน่นอนว่าหยางเวยก็ทำตาม โดยวางเงินเดิมพันมากถึงห้าหมื่นตำลึงทอง เสียงตะโกนดังลั่นการประลองเริ่มดุเดือดมากยิ่งขึ้น เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เสียงดาบและกระบี่ดังลั่น เกือบสองเค่อชายหนุ่มรูปงามก็พลาดท่าเหยียบพื้นลานประลองลื่นพุ่งไปด้านหน้า เจอปลายกระบี่แทงเข้าที่ต้นขา เลือดสีแดงพุ่งออกมา ไม่นานชายหนุ่มรูปงามก็เอ่ยวาจายอมแพ้ เพราะทุกครั้งที่ตนจะได้เปรียบมักมีบางอย่างแปลกๆอยู่ตลอดเวลา

หยางเวยตะโกนออกมาเสียงดังลั่น เพราะหญิงสาวบนลานประลองพลังปราณน้อยกว่าชายหนุ่มรูปงามจึงได้ราคาต่อรองดีพอสมควร หยางเวยเดินออกจากการไปรับเงินอย่างอารมณ์ดี ผ่านไปอีกสองคู่หยางเวยก็ยังคงแทงพนันถูกเช่นเดิม ได้เงินไปอย่างมหาศาลเพราะแต่ละคู่หยางเวยแทงครั้งละห้าหมื่นตำลึงทอง จนบ่อนรับพนันปิดรับหยางเวย ในระหว่างนั้นเองเนี่ยฟงก็แสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นท่าทางของศิษย์สำนักเจ็ดดาว เริ่มทยอยเดินออกไปจากลานประลองทีละคนสองคน เนี่ยฟงจ้องมองไปที่เจ้าสำนักอย่างไม่วางตา

ไม่ถึงหนึ่งเค่อทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปคู่ประลองคู่ต่อไปหายไปจากห้องเตรียมตัวทั้งคู่ รวมไปถึงผู้อาวุโสหลายท่านที่หายไป การประลองจึงเลื่อนคู่ถัดไปออกมาประลองแทน เจ้าสำนักให้ผู้อาวุโสออกไปตาม ไม่นานก็เริ่มมีอาการแปลกๆ รู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง เจ้าสำนักรีบจี้สกัดจุดตัวเอง แต่ทว่าก็ไม่หายไม่ถึงห้าลมหายใจก็เริ่มที่จะทนไม่ไหว รีบลุกออกไปด้านนอก เนี่ยฟงที่จ้องมองอยู่แล้วก็แสยะยิ้มเอ่ยวาจากับหยางเวย

“ที่นี่จัดการหมดแล้วเราออกเดินทางกันเถอะ”

สิ้นเสียงกล่าวชายหนุ่มทั้งสองก็เดินออกไปจากฝูงผู้คน ระหว่างทางเนี่ยฟงก็แอบโบกสะบัดมือขวา วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏออกมาหลังจากนั้นก็แตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กๆหายไปกับพื้นดิน ทันทีที่ทั้งสองออกจากเมือง ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นที่สำนักเจ็ดดาว ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตึกหินค่อยๆพังทลายลงมา ฝุ่นควันคละคลุ้งไปหมด ห้องสุขาที่เหล่าศิษย์สำนัก เหล่าอาจารย์รวมไปถึงเจ้าสำนักกำลังใช้อยู่เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นด้วยเช่นกัน ตูม ตูม ตูม ตูม เจ้าสำนักตะโกนออกมาเสียงดังลั่นด้วยอารมณ์โกรธแค้น

“บัดซบไอ้ลูกหมา ผู้ใดกันลงมือเช่นนี้ มันหยามเกียรติข้ายิ่งนัก”

หลังจากนั้นก็ระเบิดพลังปราณออกมาตูม แต่ต้องแปลกใจขึ้นอีกครั้ง เพราะระดับพลังปราณที่ระเบิดออกมาเป็นเพียงระดับสีส้มขั้นต้นหาใช้สีแดงขั้นต้น ด้วยความตื่นตกใจจึงรีบโคจรลมปราณตรวจสอบตันเถียนพบว่าไม่มีอักขระศักดิ์สิทธิ์ประทับอยู่ แต่นั่นก็หาได้ทำให้อารมณ์โกรธของเจ้าสำนักเจ็ดดาวจางหาย เพราะกลิ่นตัวที่ฉุนเกินกว่าจะห้ามใจและสิ่งปฏิกูลที่เกาะอยู่ตามร่างกายเต็มไปหมด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด