บทที่ 40 งานชิงสมบัติ
บทที่ 40 งานชิงสมบัติ
ขณะที่กุนไท่กำลังบ่มเพาะอยู่นั้น เขาสัมผัสได้ว่าเหวินอี้มาหาตนที่หน้าบ้านพักแล้ว และตอนนี้กำลังเข้ามาที่สวนหน้าบ้านโดยการนำของสาวรับใช้ เขาหยุดการบ่มเพาะทันที ก่อนจะรีบไปต้อนรับอีกฝ่าย
ภายในสวนที่สวยงาม เหวินอี้กำลังนั่งดื่มด่ำไปกับชาชั้นเลิศที่สาวใช้ยกมาให้ กุนไท่เดินเข้ามาพลางกล่าวขึ้น
“พี่อี้! ไม่ได้เจอกันนาน เป็นเช่นไรบ้าง?”
“ข้าสบายดี จะ...เจ้า! เหตุใดสภาพถึงเป็นเช่นนั้น”
เหวินอี้แปลกใจกับสภาพของกุนไท่มาก เพราะเขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ข้าไม่เป็นไรหรอก ท่านไม่ต้องห่วง! ข้าเพียงแค่ฝึกฝนหนักเกินไปเพียงเท่านั้น”
กุนไท่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว!”
เหวินอี้พยายามไม่ใส่ใจกับใบหน้าที่ชวนง่วง และลักษณะที่เกียจคร้านของกุนไท่
“ข้าขอบคุณเจ้ามาก ที่มอบโอสถนั่นแก่ข้า ตอนนี้ข้าทะลวงผ่านมาได้แล้ว! ในงานชิงสมบัติครั้งนี้เราคงไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว เพราะเจ้าได้เป็นศิษย์สายในแล้ว อีกไม่นานข้าจะตามเจ้าไป!”
เหวินอี้กล่าวต่อด้วยความมุ่งมั่น
“ได้ ข้าจะรอท่าน”
กุนไท่พยักหน้าตอบ
จากนั้นทั้งสองก็ได้คุยกันจนถึงยามค่ำ ก่อนที่เหวินอี้จะจากไป เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วงานชิงสมบัติได้มาถึงเร็ววัน กุนไท่เดินไปหาผู้อาวุโสที่ทำการลงชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วม
กุนไท่ได้อยู่ในลานประลองที่หนึ่งพันสองร้อยหกสิบสาม เป็นสนามประลองสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับต่ำของศิษย์สายใน เพราะทุกคนนั้นอยู่แค่ขั้นรวบรวมพลังของระดับหลอมรวมพลังเท่านั้น และแต่ละคนนั้นอายุไม่ถึงสามสิบปี! มันบ่งบอกได้ว่าแต่ละคนมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม
“เฮ้ น้องชาย! เจ้ามาผิดที่หรือเปล่า?”
ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่งกล่าวขึ้น ใบหน้าหล่อเหลา ดูแล้วน่าจะเป็นผู้มีอัธยาศัยดี
“ไม่หรอกพี่ชาย”
กุนไท่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มพลางปลดปล่อยพลังของระดับหลอมรวมพลังให้อีกฝ่ายได้รับรู้
ชายหนุ่มผู้นั้นตกตะลึงรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ เพราะอีกฝ่ายดูแล้วอายุน่าจะเพียงแค่สิบหกปีเท่านั้น แต่กลับมาถึงระดับนี้ได้ แล้วพวกเขาเล่า? ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่สามารถมาถึงระดับนี้ได้ ชายหนุ่มรู้สึกอยากเป็นมิตรกับกุนไท่มากขึ้น
เนื่องจากเขามาจากตระกูลพ่อค้า การสร้างช่องทางการทำเงิน หรือสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งไว้ เพื่อช่วยเหลือตัวเขาในยามคับขัน มันเป็นจิตสำนึกที่ถูกปลูกฝั่ง ตั้งแต่เขายังเล็กที่ถูกบิดามารดา และเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลฝึกฝนเคี้ยวเข็นมา
กุนไท่รับรู้ความคิดอีกฝ่ายได้ ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเป็นมิตรว่า
“ข้ามีนามว่ากุนไท่ ข้าพึ่งได้เข้ามาเป็นศิษย์สายในได้ไม่นานนี้เอง ข้าคงต้องขอคำแนะนำจากท่านเสียหน่อย ไม่ทราบว่าพี่ชายมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร?”
“ข้ามีนามว่า หลี่เจี่ย มาจากตระกูลพ่อค้า”
ชายหนุ่มนามหลี่เจียกล่าวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อย ทำให้กุนไท่รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนพูดคุยเก่งเหมาะสมแล้วที่มาจากตระกูลพ่อค้าที่มีวาจาล้ำเลิศ!
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น มีชายหนุ่มผู้หนึ่งนามว่า เฟิงเหลย เป็นชายหนุ่มรูปงามล้อมรอบไปด้วยศิษย์สตรีมากมาย มันมาจากตระกูลใหญ่มีบิดาเป็นถึงผู้อาวุโสในนิกาย ขณะที่มันกำลังหยอกล้อกับหญิงงามเหล่านี้อยู่นั้น พลันมีหนึ่งในหญิงสาวกล่าวขึ้นมาว่า
“ดูนั่นสิ บุรุษหนุ่มนั่นช่างเยาว์นัก แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาเทียบเท่ากับพวกเราเลย!”
“จริงด้วย ยังเยาว์มากแต่ระดับบ่มเพาะ? เหมาะสมที่จะได้ข้าเป็นคู่ครองนัก!”
เริ่มมีสตรีหลายคนที่สนใจกุนไท่ขึ้นมา ด้วยรูปโฉมที่สง่างาม ศักยภาพที่สูง และกลิ่นอายที่เล็ดรอดออกมานั้น ทำให้ดูเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าผู้อื่นจนเทียบไม่ติด กุนไท่ในตอนนี้ไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาแม้แต่น้อย เลยไม่ได้ส่งผลต่อคนรอบข้าง
“หึ! กะอีแค่เด็กน้อยที่บ่มเพาะเร็ว! อายุแค่นั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหนเชียว เมื่อถึงตอนประลองข้าจะทำให้มันพิการตลอดชีวิต!”
เฟิงเหลยที่เห็นศิษย์สตรีของตนนั้น มองชายอื่นทำให้รู้สึกเกลียดชังกุนไท่เป็นอย่างมาก เขารู้สึกอิจฉาพรสวรรค์ของอีกฝ่าย และสาบานว่าจะทำให้เด็กนี่อับอายเมื่ออยู่บนลานประลอง!
ลานประลองที่หนึ่งพันสองร้อยหกสิบสาม มีจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมดหนึ่งพันคน ลานประลองทั้งหมดมีหนึ่งพันสามร้อยลานประลอง หมายความว่ามีผู้เข้าร่วมถึงหนึ่งล้านสามแสนคน และนี่มีแค่ศิษย์สายในเท่านั้น!
ทันใดนั้นบนที่นั่งผู้ทรงเกียรติปรากฏผู้อาวุโสสามคน ผู้อาวุโสทั้งสามนั้นเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายฟ้าสวรรค์คำรามพิโรธ พวกเขามีสถานะที่สูงส่งอย่างยิ่งในนิกาย และตอนนี้พวกเขาทั้งสามนั้นมาชม และเป็นสักขีพยานในลานประลองที่หนึ่งสอบร้อยหกสิบสาม!
“เหตุใดท่านผู้อาวุโสระดับสูงทั้งสามถึงได้มาที่นี่กัน? นี่มันเป็นเพียงการประลองย่อยเท่านั้น ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน!”
ศิษย์คนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น กุนไท่เข้าใจได้ทันทีว่าอาจารย์ของตนคงส่งทั้งสามคนนี้มาชมการประลองของเขาเป็นแน่ เพราะตนนั้นเป็นศิษย์ของผู้พิทักษ์
อาจารย์คงอยากจะเห็นศิษย์ของตนเองว่ามีความแข็งแกร่งเช่นใดเป็นแน่ ได้เลยท่านอาจารย์ ศิษย์จะแสดงความแข็งแกร่งทั้งหมดให้ท่านอาจารย์ได้เห็นตั้งแต่ลานประลองย่อยนี่!
การประลองย่อยนี้จะเป็นการประลองแบบกลุ่มโดยประลองครั้งละสองร้อยคน มีทั้งหมดห้ากลุ่ม กุนไท่เป็นกลุ่มแรกที่ได้ประลอง!
ศิษย์สายในกลุ่มแรกเดินขึ้นลานประลานรวมถึงกุนไท่ด้วย ลานประลองมีขนาดกว้างใหญ่มาก มันสามารถรองรับคนได้หลายพันคนได้โดยไม่มีปัญหา
“การประลองกลุ่มแรกเริ่มได้!”
ผู้ตัดสินประกาศเริ่ม การประลองแบบกลุ่มนั้น จะหาผู้ชนะเพียงคนเดียวของแต่ละคนจนได้ครบสิบคน จากนั้นจะให้ประลองตัวต่อตัวจนได้ผู้ชนะเพียงผู้เดียว และจะได้ไปพบกับผู้ชนะในลานประลองอื่นต่อ ก่อนจะเข้าสู่งานชิงสมบัติอย่างแท้จริง!
เมื่อสิ้นเสียงประกาศ กุนไท่พลันปลดปล่อยกลิ่นอายพิเศษที่สูงศักดิ์หาที่ใดเปรียบออกมา ผู้ที่เข้ารวมทั้งหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าคนพลันนอนลงกับพื้น พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่มีความสุขออกมา!
ฉากตรงหน้านี้นั้นทำให้เหล่าศิษย์ที่กำลังรับชม รวมถึงผู้อาวุโสทุกคนพลันตกตะลึงระคนเหลือเชื่อออกมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น! กุนไท่ที่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาให้ความรู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรง หากพวกเขาสัมผัสโดยตรงคงไม่ต่างจากพวกที่อยู่บนลานประลองพวกนั้นเป็นแน่!
“ขะ..แข็งแกร่งมาก!”
ผู้คนที่กำลังรับชมการประลองเผลออุทานขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“คนผู้นี้เป็นใครกันแน่!”
ศิษย์สายในผู้หนึ่งกล่าวขึ้น สายตาจ้องมองไปที่กุนไท่ราวกับมองปีศาจที่แข็งแกร่ง กุนไท่เดินลงออกมาจากลานประลองด้วยท่าทีเกียจคร้าน แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจขัดกับก่อนหน้านี้ราวกับยอดฝีมือผู้สูงส่ง ที่เพียงแค่ปลดปล่อยกลิ่นอายก็สยบคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบ ไม่ว่าผู้ใดพบเจอก็จำต้องยอมศิโรราบแต่โดยดี!