ตอนที่แล้วตอนที่ 10 : กินเข้าไป! 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13-14

ตอนที่ 11-12


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 11 : ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ

หลังจากที่สองพี่น้องปู้ออกไปแล้ว ลั่วฉวนจึงกลับมานั่งนอนอาบไล้แสงตะวันต่อ

แต่แล้วคล้ายวันนี้มีโชค รอคอยเพียงไม่นานเสียงกระดิ่งร้านจึงกระทบโสดประสาทลั่วฉวน

“เถ้าแก่ร้านใช่หรือไม่?”

ลั่วฉวนลืมตาขึ้น ที่พบเห็นตรงหน้าคือสตรีหุ่นเย้ายวนในชุดสีดำโค้งเว้าตามเรือนร่าง

เส้นผมสีดำยาวนั้นมัดไว้เป็นหางม้าเผยท่าทีอาจหาญ

“จุ๊ จุ๊ ร้านต้นตำรับ ชื่อนี้ช่างกล้าใช้นัก!” รับชมป้ายทางเข้าร้าน สตรีผู้นี้จึงกล่าวคำติชมออกมา

ลั่วฉวนเผยสีหน้าเรียบเฉยไม่ตอบคำใด

อาจด้วยเพราะเบื่อแล้ว สตรีผู้นั้นจึงขมวดคิ้ว “ข้าถามว่าใช่เถ้าแก่หรือไม่ ไฉนจึงยังไม่ตอบ?”

ลั่วฉวนในที่สุดจึงต้องกล่าวคำขึ้นเสียงเบา “ใช่ ไม่ทราบว่าคิดซื้อหาอะไร?”

“ยารักษาหรืออะไรทำนองนั้น ในเมื่อเรียกหาตนเองเป็นร้าน เช่นนั้นคงมีของเหล่านั้นกระมัง?” สตรีตรงหน้าครุ่นคิดไปครู่ก่อนจะกล่าวตอบ

ชายขอบของนครจิ่วเหยา มันมีเทือกเขาจิ่วเหยา ที่แห่งนั้นมียาวิเศษ อสูรกาย และสัตว์ร้ายมากมาย  เป็นปกติที่ผู้ฝึกตนจำนวนมากจะมาอาศัยอยู่แถบนี้ เว่ยฉิงจู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ลั่วเฉินพยักหน้ารับพร้อมตอบ “ไม่มี”

เว่ยฉิงจู่กลายเป็นเงียบงัน

ขณะเว่ยฉิงจู่คิดกลับไป คำของลั่วฉวนกลับทำให้นางต้องชะงัก “ยานั้นไม่มี ทว่าที่ขายนั้นดีกว่าที่กล่าวถามถึง”

“เถ้าแก่น้อยคุยใหญ่โตแล้ว!” เว่ยฉิงจู่อดไม่ได้จนหัวเราะออกยามได้ทราบคำของลั่วฉวน จากนั้นนางค่อยเผยยิ้ม “แต่ก็ถือว่าทำให้ข้าสนใจว่าในร้านนี้ขายอะไร”

ขณะพูดกล่าว นางก็เดินเข้ามาในร้านเรียบร้อยแล้ว

ก็เป็นดังลั่วฉวนคาดไว้ เว่ยฉิงจู่อุทานร้องดังเหมือนผู้คนก่อนหน้า

“นี่มันอะไรกัน! ร้านนี้ถึงกับมีแต่เครื่องเคลือบ! เถ้าแก่ไฉนรวยเช่นนี้ได้!”

ลั่วฉวนเบะปากอยู่ภายในทว่าไม่ตอบคำใดกลับ

ในโลกแห่งนี้ ขวดแก้วถือเป็นสมบัติกระมัง?

เว่ยฉิงจู่สูดลมหายใจเข้าลึก นางสะกดความตื่นเต้นที่อีกฝ่ายร่ำรวยล้นพ้นไว้ภายใน จากนั้นจึงเริ่มสำรวจรับชมสินค้าภายในร้าน

เพียงกวาดสายตารับชม ครั้งเดียวก็เกินพอให้นางตื่นตะลึงได้

“โคล่านี้ถึงกับมูลค่าสิบผลึกวิญญาณ! และแท่งเครื่องเทศนั่นราคาถึงกับตั้งหนึ่งร้อยผลึกวิญญาณ! เถ้าแก่คิดกรรโชกทรัพย์ผู้อื่นแล้ว!”

เว่ยฉิงจู่กล่าวออกอย่างโกรธเคืองพร้อมจับจ้องลั่วฉวน

ลั่วฉวนยังคงนิ่ง เขาเพียงกล่าว “ของดีที่ขายในร้านนี้มูลค่าสมราคาแล้ว และป้ายราคาย่อมไม่ใช่การติดโดยส่งเดช”

หลังได้ทราบคำของลั่วฉวน เว่ยฉิงจู่จึงกล่าวตอบโต้ “วาจาไร้สาระ นี่นับเป็นครั้งแรกที่ข้าพบเจอคนเช่นเถ้าแก่ในนครจิ่วเหยา!”

ลั่วฉวนส่ายศีรษะ “รับชมสรรพคุณเบื้องล่างผลิตภัณฑ์เสียก่อน”

“สรรพคุณ?”

เว่ยฉิงจู่ขมวดคิ้วสงสัย เมื่อครู่นางได้ตระหนักถึงราคาสินค้า ทว่ายังไม่ได้อ่านสรรพคุณดังที่ลั่วฉวนกล่าวบอก

เว่ยฉิงจู่คิดไปครู่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ชั้นวาง สายตากวาดมองพิจารณาสรรพคุณของแท่งเครื่องเทศและโคล่า

อ่านเรียบร้อย เว่ยฉิงจู่จึงอดไม่ได้ที่จะสะท้านเฮือก

หากสรรพคุณเป็นจริง เช่นนั้นราคาก็สมควรแก่การขายแล้ว!

“เถ้าแก่ สรรพคุณเหล่านี้ของจริงใช่หรือไม่?” เว่ยฉิงจู่ยังไม่คิดเชื่อ

ลั่วฉวนจึงกล่าวตอบ “ย่อมไม่มีการโกหกใด”

“ดี เช่นนั้นข้าซื้อ!” ด้วยกัดฟันแน่น เว่ยฉิงจู่จึงตัดสินใจซื้อหา

“ขอบคุณที่อุดหนุน ทั้งหมดหนึ่งร้อยผลึกวิญญาณ” ลั่วฉวนในที่สุดค่อยเผยรอยยิ้มทางการค้าออกมา

เว่ยฉิงจู่หยิบขวดโคล่าและแท่งเครื่องเทศ จากนั้นจึงนำไปหนึ่งร้อยผลึกวิญญาณวางไว้ที่โต๊ะ

เมื่อลั่วฉวนกำลังจะรับผลึกวิญญาณไว้ เว่ยฉิงจู่กลับยื่นมือไปขวางด้านบนผลึกวิญญาณ

ลั่วฉวนหันมองเว่ยฉิงจู่ด้วยความสงสัย

“เถ้าแก่ หากสรรพคุณไม่เป็นตามกล่าวอ้าง...”

อย่างไรแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนจะร่ำรวยเฉกเช่นปู้หลี่เกื๋อ หนึ่งร้อยผลึกวิญญาณอย่างไรก็ถือว่าแพงมากล้ำสำหรับเว่ยฉิงจู่

ลั่วฉวนเพียงกล่าวคำเบา “ร้านของเรายินดีต้อนรับทุกเมื่อ”

ตอนที่ 12 : อสูรหมาป่าสีม่วง

เว่ยฉิงจู่กลับไปแล้ว ลั่วฉวนจึงเปิดหน้าต่างระบบ

“ความคืบหน้า : โคล่า 2/100 แท่งเครื่องเทศ 2/100”

รับชมข้อมูลที่แสดงผล ลั่วเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

จากความคืบหน้าตอนนี้ นั่นหมายความถึงเป็นงานที่ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสำเร็จได้

เว่ยฉิงจู่ที่ออกจากร้านต้นตำรับ นางมุ่งหน้าไปยังประตูตะวันออก

ไม่นานจากนั้น สตรีอีกสองคนจึงเผยตัวออก ทั้งสองรูปลักษณ์คล้ายคลึงเว่ยฉิงจู่

สตรีทั้งสองนามว่าซ่งฉิวหยิ่ง และหลินว่านฉวง พวกนางได้เป็นมิตรสหายกับเว่ยฉิงจู่ครั้งเจอกันที่เจือกเขาจิ่วเหยา

“พร้อมหรือยัง?” ซ่งฉิวหยิ่งเผยยิ้มบาง “ได้ข่าวใหม่มา เหยื่อของพวกเราคราวนี้เป็นอสูรหมาป่าสีม่วง ขอบเขตจิตวิญญาณเลยนะ”

แต่แล้ว สีหน้าของเว่ยฉิงจู่และหลินว่านฉวงกลับต้องแปรเปลี่ยน

อสูรหมาป่าสีม่วงมีชื่อเสียงว่าร่างกายทั้งตัวเป็นสีม่วง พลังป้องกันของมันสูงส่ง ทั้งยังมีกำลังถึงขอบเขตจิตวิญญาณเมื่อเติบโตเต็มวัย

ด้วยกำลังของคนทั้งสามนั้นคือขอบเขตโชคชะตา และเว่ยฉิงจู่คือผู้แข็งแกร่งที่สุด นางคือขอบเขตโชคชะตาระดับที่แปด

“ฉิวหยิ่ง อสูรหมาป่าสีม่วงนั้นพวกเราสามคนล่าไหวหรือ?” เว่ยฉิงจู่ขมวดคิ้ว

ซ่งฉิวหยิ่งจึงเผยยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะ “น้องฉิงจู่ ข้าทราบดีว่าพวกเรามีกำลังกันเพียงใด”

กล่าวถึงตรงนี้ ซ่งฉิวหยิ่งจึงหันมองรอบ จากนั้นจึงกระซิบบอกคนทั้งสอง “ครั้งนี้เหมือนว่าอสูรหมาป่าสีม่วงนั่นได้รับบาดเจ็บ เพราะอาการบาดเจ็บจึงทำให้ขอบเขตร่วงหล่นจากจิตวิญญาณสู่ขอบเขตโชคชะตาระดับที่แปด!”

หลินว่านฉซงจึงหรี่ดวงตาเล็กน้อย นางพยักหน้ารับ “แน่ใจนะว่าขอบเขตโชคชะตาระดับที่แปด? เช่นนั้นก็ควรค่าทดลองดู! น้องฉิวจู่ตัดสินใจก็แล้วกัน!”

รับชมคนทั้งสองเสนอความเห็น เว่ยฉิงจู่จึงคิดไปครู่ก่อนพยักหน้ารับ “หากเป็นเช่นนั้นก็มีแต่ต้องทดลองดูกันแล้ว!”

……

ณ ส่วนลึกของป่าหนาทึบในเทือกเขาจิ่วเหยา มันมีเสียงหอนร้องดังขึ้น

ที่ไม่ไกลจากต้นเสียง ขณะนี้ร่างทั้งสามกำลังรุกคืบอย่างระแวดระวัง

“เพราะอะไรกัน ระหว่างทางรู้สึกว่าสัตว์อสูรมันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น นี่พวกเราตอนนี้อยู่ไกลห่างจากอสูรหมาป่าสีม่วงเพียงใดกันแล้ว?” เว่ยฉิงจู่เอ่ยถามเสียงเบา

“ไม่ไกลมาก ใกล้แล้ว” ซ่งฉิวหยิ่งตอบกลับเสียงเบา

ด้วยจมูกสูดดม ดวงตาของหลินว่านฉวงจึงเผยประกาย “มีกลิ่นเลือด!”

ไม่นานนัก ที่ป่าหนาทึบเบื้องหน้า มันปรากฏสัตว์อสูรหมอบคลานกับพื้น

สัตว์อสูรตัวนี้ขนาดราวหลายเมตร แผ่นหลังของมันประกอบด้วยผลึกแก้วซึ่งส่องแสงสีม่วง

ที่ต้องตาที่สุดคือท้องของมันที่เกิดบาดแผล ขณะนี้แม้มองด้วยตาเปล่ายังแทบพบเห็นอวัยวะภายในร่าง!

“เหมือนว่าอสูรหมาป่าสีม่วงจะบาดเจ็บอยู่จริง” เว่ยฉิงจู่กล่าวกระซิบ “เมื่อเปิดศึก เช่นนั้นทำเหมือนเดิม ฉิวหยิ่งและข้าโจมตี ว่านฉวงคอยหาโอกาสแทรกแซง”

ซ่งฉิวหยิ่งและหลินว่านฉวงต่างพยักหน้ารับ

“ไป!”

ตามคำสั่งการของเว่ยฉิงจู่ คนทั้งสามขณะนี้ต่างแทบหยุดลมหายใจ การโจมตีของพวกนางประหนึ่งดาบคมกริบเข้าปะทะใส่ร่างอสูรหมาป่าสีม่วง

โฮก!

ด้วยรับรู้ถึงวิกฤต อสูรหมาป่าสีม่วงที่นอนกับพื้นกลายเป็นลืมตาตื่นพร้อมคำรามออกเสียงดัง

“สำเร็จแล้ว!” เว่ยฉิงจู่โพล่งเสียงดังออก

อาวุธของนางคือดาบยาวสีเขียวเข้ม มันกำลังทอประกายด้วยแสงเจิดจ้า!

ความเร็วของหมาป่ามีจำกัดเพราะบาดเจ็บ การโจมตีของเว่ยฉิงจู่นั้นพุ่งตรงเข้าปะทะเต็มที่!

ตึง!

เสียงแตกหักดังขึ้น ด้ามดาบยาวได้เข้าปะทะกับผลึกสีม่วงที่ด้านหลัง แต่กลายเป็นว่าที่โดนสะท้อนกลับคือผู้ลงมือโจมตี!

“แข็งแกร่งมาก!” เว่ยฉิงจู่หนักใจไม่น้อย ขณะนี้ถอยหนีเพื่อหลบเลี่ยงอสูรหมาป่าสีม่วงที่คิดเข้ากัด

“สัตว์หน้าขน ทางนี้!” ขณะนี้เองที่น้ำเสียงโกรธเคืองดังจากใกล้เคียง

ฝ่ามือของซ่งฉิวหยิ่งพลันทอประกายด้วยแสงสีทอง จากนั้นนางจึงต่อยหมัดเข้าใส่หน้าท้องของอสูรหมาป่าสีม่วงอย่างเต็มแรง

......

ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด