ตอนที่แล้วตอนที่ 49 จิตรกรรมจากผิวหนัง (ตอนต้น)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 51 จิตรกรรมจากผิวหนัง (ตอนปลาย)

ตอนที่ 50 จิตรกรรมจากผิวหนัง (ตอนกลาง)


ตอนที่ 50 จิตรกรรมจากผิวหนัง (ตอนกลาง)

ในตอนที่มู่อี้ตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขารู้สึกได้ก็คือความหนาวและเขาสังเกตได้ว่ารอบๆตัวของเขาตอนนี้ยังคงเป็นบนถนนที่เกิดการต่อสู้ขึ้นก่อนหน้านี้และยังเป็นเวลากลางคืน

เห็นได้ชัดว่ามู่อี้ไม่ได้หมดสติไปนานมากนัก ไม่อย่างนั้นแล้วตระกูลซูหรือไม่ก็ตระกูลเผิงคงต้องเข้ามาตรวจสอบที่นี่แล้ว เพราะถ้าหากเขาหายตัวไปเป็นเวลานานทุกๆคนย่อมรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างแน่นอน

"พี่ชาย ท่านตื่นขึ้นมาแล้ว" เมื่อเห็นว่ามู่อี้ตื่นขึ้นมาแล้ว เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็รีบเข้ามาหามู่อี้ในทันที สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล

"ตอนนี้กี่ชั่วยามแล้ว? ข้าหมดสติไปนานมากแค่ไหน?" มู่อี้เอ่ยปากถามออกมาทันที

"ตอนนี้เป็นเวลาประมาณเที่ยงคืน พี่ชายหมดสติไปประมาณ 1 ใน 4 ชั่วโมงเท่านั้น" เนี่ยนหนิวเอ้อร์พูดพร้อมกับเอียงศีรษะเล็กน้อย

เมื่อได้ยินว่าเขาหมดสติไปไม่นานมู่อี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เห็นเนี่ยนหนิวเอ้อร์ ในใจของเขาตอนนี้คาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ก่อนหน้านี้มากมาย เพราะถ้าหากผู้ชนะคือเจี่ยเหรินเขาคงตายไปแล้วในตอนนี้ บางทีคงจะถูกลอกหนังด้วยเช่นกัน

"แล้วเขาอยู่ไหน?" มู่อี้พยายามลุกขึ้นมานั่ง แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้างแต่มันรู้สึกดีกว่าก่อนหน้านี้แล้ว ร่างกายของเขายังไม่กลับมาเป็นปกติและยังมีความรู้สึกอ่อนล้า

"เขาอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้ว" เนี่ยนหนิวเอ้อร์ชี้มือเล็กๆของนางออกไปทันทีและมู่อี้ก็มองตามมือของนางไป

ในตอนนี้เจี่ยเหรินยังไม่ตายเพียงแค่นั่งนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับเส้นผมที่ปกคลุมใบหน้า เขาจ้องมองอยู่ที่แขนของตนเองและพึมพำอะไรบางอย่างออกมาไม่หยุด

"เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?" ไม่เห็นว่าเจี่ยเหรินยังไม่ตาย มู่อี้ก็รู้สึกเป็นห่วงเนี่ยนหนิวเอ้อร์ขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากให้เจี่ยเหรินต้องตายไปแต่เขาแค่รู้สึกกังวลที่ต้องทิ้งเนี่ยนหนิวเอ้อร์ให้อยู่ตัวคนเดียวในตอนที่เขาหมดสติไปก่อนหน้านี้

แม้ว่ามู่อี้จะดูแลเนี่ยนหนิวเอ้อร์เหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่งแต่เขาก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น การตัดสินใจของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยและนางยังมีความคิดที่เป็นอิสระของตนเองซึ่งแม้แต่มู่อี้ก็ไม่อาจบีบบังคับนางได้

"ข้าไม่เป็นอะไร" เนี่ยนหนิวเอ้อร์ส่ายศีรษะก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า "พี่ชาย ในตอนแรกข้าคิดว่าท่านต้องแย่แน่แล้วแต่ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรท่าน ไม่ต้องกังวลไปตอนนี้เขาไม่เหลือพลังที่จะทำอะไรอีกแล้ว"

เนี่ยนหนิวเอ้อร์พูดออกมาเบาๆเห็นได้ชัดว่านางรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ เพราะนางคิดว่าที่มู่อี้หมดสติไปนั้นก็เพราะ เจี่ยเหรินและนางควรจะฆ่าเจี่ยเหรินไปซะ แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อนางจ้องมองไปที่เจี่ยเหรินและเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจการโจมตีของนางและจิตใจของนางก็เริ่มรู้สึกถึงความอ่อนโยนเมื่อมองไปที่ซ่งชิง

เพราะเนี่ยนหนิวเอ้อร์เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อได้เห็นเจี่ยเหรินดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่งนางก็ไม่ได้ลงมือโจมตีเพียงแค่คอยปกป้องมู่อี้เท่านั้น ตราบใดที่เจี่ยเหรินไม่ทำอะไรมู่อี้นางก็จะไม่ฆ่าเขา

นี่ยังพิสูจน์ได้ว่าจิตใจของเจี่ยเหรินไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อมู่อี้อีกต่อไปแล้ว เขาเพียงแค่จ้องมองซ่งชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อเนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้เห็นแบบนี้นางก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยขึ้นมาในใจด้วยเช่นกัน

"เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ พี่ชายไม่มีทางโทษเนี่ยนหนิวเอ้อร์แน่นอน เนี่ยนหนิวเอ้อร์ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว" มู่อี้ลูบศีรษะของเนี่ยนหนิวเอ้อร์เบาๆ จากนั้นเขาก็พยายามยืนขึ้นมาและเดินเข้าไปหาเจี่ยเหรินแม้ว่าร่างกายจะมีอาการสั่นอยู่ก็ตาม

ความสนใจครึ่งหนึ่งของเขาอยู่ที่เจี่ยเหรินและอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่ซ่งชิง ในตอนนี้ซ่งชิงได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปอย่างสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบาดแผลบนใบหน้าหรือเพราะเหตุผลอื่นจึงทำให้อีกฝ่ายดูแก่ขึ้นอีกหลายปี

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยมากมาย ดวงตาก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว และไม่มีการตอบสนองใดๆเหมือนกับหญิงชราที่กำลังนั่งนิ่ง

เจี่ยเหรินเริ่มสงบนิ่งขึ้นมามากแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวว่าซ่งชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของตนเองจะถูกทำร้าย เมื่อมู่อี้เข้ามาใกล้เขาก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นก็จ้องมองมาที่มู่อี้

เนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยก็จ้องมองมาที่เจี่ยเหรินด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ตราบใดที่เจี่ยเหรินขยับแม้แต่เพียงเล็กน้อยนางจะไม่ยั้งมือแน่นอน

แม้ว่านางจะรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจเจี่ยเหรินแต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะยอมให้เจี่ยเหรินทำร้ายมู่อี้ได้

พูดให้เห็นชัดก็คือการเห็นอกเห็นใจของนางนั้นขึ้นอยู่กับว่ามู่อี้จะต้องปลอดภัยด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นแล้วนางคงไม่เห็นอกเห็นใจอย่างแน่นอนไม่ว่าเจี่ยเหรินจะน่าสงสารสักแค่ไหน

แต่ในตอนนี้เจี่ยเหรินเพียงแค่จ้องมองมาที่มู่อี้เท่านั้นและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น

"ทำไมกัน?" มู่อี้ถามขึ้นมาทันที

เมื่อได้เห็นท่าทีของเจี่ยเหรินในตอนนี้มู่อี้รู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากเจี่ยเหรินชื่นชอบและหลงใหลซ่งชิงทำไมต้องฆ่าเขา? หรือเป็นเพราะว่าเขาแต่งงานกับเผิงมี่? นั่นคือเหตุผลที่เจี่ยเหรินต้องฆ่าซ่งชิงอย่างนั้นหรือ? แล้วทำไมต้องลอกผิวหนัง?

มู่อี้ไม่อาจหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดได้จึงถามออกไปทันที

"ข้ามันน่าเกลียด"

ในตอนที่มู่อี้ถามออกไปนั้นเจี่ยเหรินไม่ได้ตอบคำถามของเขา อีกฝ่ายพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาจนทำให้มู่อี้รู้สึกสับสนมากขึ้นไปอีก

"ข้ามันน่าเกลียด น่าเกลียดตั้งแต่เด็กดังนั้นข้าจึงไม่อยากพบเจอใครเลย จนกระทั่งข้าได้พบกับท่านอาจารย์และท่านอาจารย์ก็รับข้าเข้าไปเป็นศิษย์ ในตอนนั้นข้าก็ได้มีพี่ชายกับพี่สาว"

"พี่สาวคือลูกสาวของท่านอาจารย์ซึ่งท่านอาจารย์รับนางมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเยาว์วัย ในตอนนั้นข้ามีอายุเพียงแค่ 8 ขวบปีเท่านั้น ท่านอาจารย์มิได้รังเกียจหน้าตาที่น่าเกลียดของข้า พี่ชายกับพี่สาวก็เป็นคนที่ดีที่สุดในโลกใบนี้สำหรับข้า เมื่อข้าโดนกลั่นแกล้งหรือทำร้ายพี่ชายก็พร้อมจะออกมาปกป้องข้าเสมอ และทุกๆครั้งที่มีของกินอร่อยๆพี่สาวก็จะแบ่งให้กับข้าเสมอ"

มู่อี้ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาแค่ยืนฟังสิ่งที่เจี่ยเหรินพูดออกมาเงียบๆเท่านั้น เขาเชื่อว่าสิ่งที่เจี่ยเหรินพูดออกมานั้นจะเป็นการคลายข้อสงสัยของทุกๆคนอย่างแน่นอนและนั่นคือสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด

"แม้ว่าข้าจะน่าเกลียด แต่คะแนนสอบของข้านั้นดียิ่งกว่าพี่ชายกับพี่สาวเสียอีก ในไม่ช้าข้าก็ก้าวหน้านำพี่สาวไปสุดท้ายแล้วข้าก็ก้าวหน้านำพี่ชายไปด้วยเช่นกัน ท่านอาจารย์ตั้งความหวังกับข้าเอาไว้สูงมากนักและยังถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของท่านอาจารย์ ในด้านการแกะสลักลวดลายของประตูกระดาษและนั่นทำให้ข้าต้องฝึกพื้นฐานการตัดกระดาษ"

"ในปีนั้นข้าอายุ 18 ปีแล้วและได้มาถึงก้าวที่ 3 ของระดับความยากขั้นที่ 1 ไม่เพียงแต่ท่านอาจารย์จะดีใจมากเท่านั้นแม้แต่พี่ชายและพี่สาวก็ยังร่วมยินดีไปกับข้าด้วยเช่นกัน แต่ในวันเดียวกันนั้นข้าก็ได้ยินสิ่งที่ท่านอาจารย์และพี่สาวพูดคุยกัน"

เจี่ยเหรินพูดมาจนถึงตอนนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาแสดงความเจ็บปวดและทรมานออกมา

มู่อี้ไม่ได้เร่งรัดเขาเพียงแค่รอเงียบๆเท่านั้น เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ขึ้นไปนอนอยู่บนหลังของมู่อี้อีกครั้งและวางศีรษะเล็กๆของนางเอาไว้บนไหล่ของมู่อี้

"มันกลายเป็นว่าท่านอาจารย์จะมอบพี่สาวให้กับข้า ซึ่งข้ารู้สึกยินดีมากที่ได้ยินเช่นนี้แต่คำตอบของพี่สาวนั้นทำให้ข้าต้องประหลาดใจเพราะนางมีชายในใจของนางอยู่แล้วนั่นคือพี่ชาย. . "

เจี่ยเหรินเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาของเขามีเพียงความว่างเปล่าไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมาก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกเช่นไร

แต่มู่อี้ก็ชื่นชมความรู้สึกของเขาในตอนนั้น คนที่มีใบหน้าน่าเกลียดและถูกคนมากมายหัวเราะเยาะมาตั้งแต่เด็กได้รับความรักและความอบอุ่น เขาย่อมต้องเข้าใจความรู้สึกนี้อย่างลึกซึ้งแน่นอน มู่อี้เชื่อว่าในตอนนั้นทุกๆคนคงแสดงความรักออกมาจากใจจริงไม่ว่าจะเป็น ท่านอาจารย์ พี่ชาย หรือพี่สาวของเจี่ยเหริน

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความเคารพที่เขามีให้พี่สาวนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นความรักอย่างเงียบๆ มันอาจจะเป็นเพราะความรักที่เขาได้รับมาจากพี่สาวจึงทำให้ความรู้สึกของเขาค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป มู่อี้ไม่ใช่เจี่ยเหรินดังนั้นเขาจึงไม่ทราบแน่ชัดและทำได้เพียงรอฟังเรื่องนี้ต่อไปเท่านั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด