ตอนที่ 32
ตอนที่ 32
ใบหน้าของคิมแดโฮเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมซูฮยอนถึงต้องการแบบนั้น
คิมแดโฮขมวดคิ้วและถามกลับไป “เธอแน่ใจนะ”
“ผมแน่ใจ”
“ไอ้หนู เธอคิดดูให้ดีๆ เธอรู้ไหมว่าเจ้าก้อนหินที่เธอให้ฉันมา มันมีมูลค่ามากขนาดไหน”
“ผมรู้...แต่ผมเชื่อใจลุง”
“ทำไมกัน”
“สิ่งที่ลุงต้องการจริงๆคือ..การสร้างดาบจากหินก้อนนั้นใช่ไหมครับ เมื่อลุงสร้างเสร็จ ลุงก็ไม่ต้องการดาบอยู่ดี”
เมื่อได้ยินคำตอบของซูฮยอน สีหน้าของคิมแดโฮที่เคยบึ้งตึง ก็เรื่มเกิดการเปลี่ยนแปรง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”อยู่ดีๆคิมแฮโฮก็หัวเราะออกมาเหมือนคนขาดสติ
“เธอเป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆ ไม่สิ แปลกมากเลยต่างหาก แต่ว่า....”คิมแดโฮค่อยๆหยิบหินอีเธอร์จากมือของซูฮยอนขึ้นมา
“เธอพูดถูก สิ่งที่ฉันต้องการคือการสร้างดาบ ไม่ใช่ไอเทมชิ้นนี้ ฉันขอถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย”
คิมแดโฮหยิบหินอีเธอร์ขึ้นมาแล้วถามซูฮยอนอีกครั้ง “เธอเชื่อใจฉันจริงๆ?”
“ใช่ครับ ผมเชื่อใจลุง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เธอเป็นคนที่แปลกจริงๆเจ้าหนุ่ม”คิมแดโฮเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
หลังจากเสียงหัวเราะของเขาขาดหายไป สีหน้าของคิมแดโฮเริ่มกลับมาจริงจังอีกครั้ง
“ในเมื่อเธอเชื่อใจฉัน ฉันจะสร้างมันออกมาให้เต็มที ฉันจะสร้างดาบที่ไม่เหมือนใครบนโลกใบนี้”
“ฝากด้วยนะครับ ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอเลย”
ซูฮยอนยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับคิมแดโฮ
คิมแดโฮลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่จะยื่นมือตอบโต้
แต่แปลก ที่ความรู้สึกของคิมแดโฮรู้สึกคุ้นเคยกับมือของซูฮยอน
* * *
เมื่อซูฮยอนเสร็จธุระเป็นที่เรียบร้อย เขาก็มุ่งหน้ากลับบ้านทันที่
เวลาที่เขากลับบ้าน มันเป็นช่วงเวลาที่ชินซูย็องเลิกงานพอดี
ชินซูย็องเตรียมสตูว์ง่ายๆไว้รอซูฮยอนกลับมาถึงบ้าน
เมื่อซูฮยอนกลับถึงบ้าน ชินซูย็องก็เป็นฝ่ายแรกที่เปิดปากพูดกับเขา
“ลูก เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ได้ครับ”
ในที่สุดเหตุการณ์ที่เขาเคยคิดไว้ ก็มาถึงจนได้
ซูฮยอนค่อยๆนั่งลงบนโต๊ะอาหาร
ในการพูดคุยกันครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้เปิดทีวีไว้ทิ้งไว้ เพราะเสียงของมันอาจแทรกซ้อนได้
ชินซูย็องเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“บอกความจริงกับแม่ ลูกมีอะไรปิดบังแม่อยู่หรือป่าว”
“จริงๆแล้วผม...”ถึงแม้เขาตั้งใจจะบอกความจริงกับแม่ แต่พอมาเจอสถานการณ์จริงๆ ซูฮยอนกลับลนลานแปลกๆ
“แม่รู้จัก ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ใช่ไหมครับ”
“ใช่ แม่รู้”
“ถ้างั้น แม่ก็คงรู้สินะ ว่างานของมันเสี่ยงอันตรายแค่ไหน”
“แน่นอนแม่ต้องรู้สิ แม่ไม่ได้ตาบอดกับหูหนวกสักหน่อย”
“แม่ จริงๆแล้วผม..”
ซูฮยอนหลับตาลง แล้วท่องพุทโธภายในใจ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวของเขา
ซูฮยอนเริ่มเล่าตั้งแต่เป็น ‘ผู้ตื่นขึ้น’ วันไหน เข้าสู่หอคอยได้ยังไง ภายในหอคอยมีอะไรบ้าง
ที่สำคัญซูฮยอนไม่ลืมเล่าว่าเขาพึ่งผ่านการเคลียร์ดันเจี้ยนมาเมื่อวานนี้
หลังจากที่ซูฮยอนเล่าเรื่องของเขาเสร็จสิ้น เขาก็สังเกตุดูปฏิกิริยาของชินซูย็อง
“แม่ดูไม่ค่อยตกใจเลยนะ”
ซูฮยอนคิดว่า เมื่อเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมด ชินซูย็องต้องแสดงสีหน้าตกใจออกมา
แต่เขากลับคิดผิด เพราะสีหน้าของชินซูย็อง ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด
“แล้วลูกอยากให้แม่แสดงอาการแบบไหนล่ะ”
“แม่คงไม่โกรธผมนะ”
ซูฮยอนเคยลองจินตนาการว่า ถ้าหากเขาเล่าเรื่องราวของตัวเองออกไป ชินซูย็องต้องโมโหเขาเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ
ที่ผ่านมาชินซูย็องเป็นห่วงซูฮยอนมาโดยตลอด ไม่ว่าเขาจะกลับบ้านดึกแค่ไหน เธอก็ยังทำกับข้าวไว้รออยู่ดี
ชีวิตของซูฮยอนต้องเสี่ยงตายอยู่ตลอดเวลา ถ้าเธอรู้ความจริง เธอคงไม่อยากให้ลูกชายสุดที่รักของเธอต้องไปเสี่ยงอัตรายอย่างแน่นอน
“ทำไมแม่ต้องโกรธลูกด้วย”
ชินซูย็องไม่ได้มีอาการโมโหเลยสักนิด แต่เธอกลับแสดงสีหน้าเศร้าใจออกมา
ซูฮยอนคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา
“ทำไมล่ะครับ”
“ลูกแม่”
เมื่อชินซูย็องเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจ
หัวใจที่เคยพ่องโตของซูฮยอน เริ่มแตกสลายอย่างช้าๆ
“ลำบากมากไหม?”
พอซูฮยอนได้ยินประโยคสั่นๆของชินซูย็อง
หัวใจของซูฮยอนก็เต้นไปด้วยความปั่นป่วน
ลำบากมากไหมเหรอ ถ้าบอกไม่ ก็คงเป็นเรื่องโกหก
ไม่เคยมีใคร ถามคำถามแบบนี้กับเขามาก่อนเลยสักครั้ง แม้แต่แม่ในอดีตของตัวเองก็ตาม
“ในอนาคตจะมีเรื่องมากมายถาโถมเข้ามาหาลูก ลูกไม่เป็นไรแน่นะ”
ซูฮยอนพยายามระงับอารมณ์ความรู้สึกที่กำลังพวยพุ่งออกมาจากภายใน
เขากลัวว่าถ้าไม่พยายามอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้
มีหวังต่อมน้ำตาได้แตกออกมาแน่ๆ
“ไม่ลำบากเลยครับ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าของ ชินซูย็อง เขาไม่สามารถพูดคำว่า 'ลำบาก' ออกมาได้เต็มปาก
ไม่แน่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธออาจจะรู้เรื่องของเขา ว่าเป็น ‘ผู้ตื่นขึ้น’ มาตั้งนานแล้วก็ได้
“ถ้าลูกพูดแบบนั้น แม่คงห้ามลูกไม่ได้”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของซูฮยอน
ชินซูย็องเริ่มเกิดอาการเหม่อยลอย
ถ้าเธอพยายามโน้มน้าวเขาไม่ให้เป็น 'ผู้ตื่นขึ้น' มันคงทำให้ลูกชายของเธอเสียใจ
ในฐานะผู้เป็นแม่ สิ่งที่เธอทำได้ คือการให้กำลังใจเขาแทน
ชินซูย็องเคารพการตัดสินใจของลูกชายเธอ
ถ้าลูกของเธอมีความสุข เธอก็จะไม่ห้ามเขา..
“ไม่ว่าลูกจะทำอะไร แม่จะค่อยสนับสนุนลูกอยู่เสมอ”
ชินซูย็องเดินเขาไปกอดซูฮยอนเบาๆ
ด้วยอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ ทำให้ความรู้สึกอย่างร้องไห้เริ่มเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ”
ซูฮยอนไม่อยากเสียน้ำตา ต่อหน้าผู้เป็นแม่
เขาพยายามกลั้นน้ำตา และหัวเราะกลบเกลื่อนแทน
“ขอบคุณจริงๆครับ แม่”
* * *
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารเริ่มเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข ชินซูย็องยิงคำถามให้กับซูฮยอนมากมาย
เช่น มีผู้ตื่นขึ้นทำอะไรลูกไหม งานของลูกยากหรือป่าว
และแน่นอนชินซูย็องไม่ลืมเตือนซูฮยอนถ้าเจองานอันตรายอย่าไปรับเด็ดขาด
“ลูกพูดจริง?”
“จริงครับ แม่ดูสิ”
ชินซูย็องจ้องมองยอดเงินในบัญชีของซูฮยอนด้วยสีหน้าสีใจ
“เรื่องจริงเหรอ…”
“ถ้าแม่ไม่เชื่อ พรุ่งนี้พวกเราไปยืนยันกับธนาคารก็ได้นะ”
“มะ...มะ...แม่เชื่อ”
ชินซูย็องเคยได้ยินมาตลอดว่า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ทุกคน มีรายรับที่มากว่าคนธรรมดาหลายเท่า
แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่ามันจะทำเงินได้มากขนาดนี้
ขนาดเธอทำงานมาแล้ว 20 ปี จำนวนเงินที่เธอได้รับ ยังมีน้อยกว่าซูฮยอนหลายเท่า
“สีหน้าของแม่ ดูมีความสุขจังนะ”
“แน่นอน ใครๆก็ชอบเงินกันทั้งนั้น”
“แต่ก่อนหน้านี้ แม่บอกไม่อยากมีเงินเยอะๆ เพราะกลัวโจรปล้นไม่ใช่หรือไง”
“อดีตก็คืออตีด จะไปสนใจทำไม สนใจปัจจุบันดีกว่า จริงไหม”
“อะ..อ่านั้นสินะครับ”
ใครจะคิดว่าชินซูย็องจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเร็วขนาดนี้
ซูฮยอนถอนหายใจอย่างโลกอกแล้วสายหัวไปมา
ในที่สุดแม่ของเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป
<<ซูฮยอนรู้ว่า แม่ของเขา ซ่อนปัญหา เรื่องการเงินของเธอมาตลอด>>
ซูฮยอนรู้สึกดีจริงๆ ที่เขาช่วยเธอแบ่งเบาภาระได้
ชินซูย็องต่อสู้กับปัญหาการเงินมาตลอดหลายปี ในที่สุดเธอก็ปล่อยวางไปได้อีกเรื่อง
“แม่ พรุ่งนี้เราไปหาบ้านใหม่กันไหม”
ด้วยเงินที่มากขนาดนี้ ในที่สุดพวกเขาก็หนีออกจากห้องเช่าใต้ดินแห่งนี้ไปได้สักที
ที่สำคัญแม่ของเขาก็ความฝันของเธอด้วยเช่นกัน
เธอฝันอยากมีร้านค้า ร้านเล็กๆเป็นของตัวเองมาโดยตลอด
เมื่อพวกเขาพูดคุยกันเสร็จ ชินซูย็องก็เดินไปเปิดทีวีเพื่อดูข่าวสาร
ข่าวในทีวีตอนนี้ มีข่าวของลีจุนโฮ กำลังรายงานอยู่
“เมื่อคืนที่ผ่านมา มีดันเจี้ยนโผล่ขึ้นมาใน เมือง กวางจู จังหวัด คย็องกี มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับดันเจี้ยนแห่งนี้ เพราะระดับของดันเจี้ยนมันเลื่อนระดับขึ้นเอง แต่โชคดีที่หัวหน้าปาร์ตี้ลีจุนโฮสามารถพา สมาชิกกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
ดันเจี้ยนที่เหมือนในเมือง กวางจู ยังมีไม่ค่อยเยอะ
ซูฮยอนนึกว่า ถ้าข่าวเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทั่วทั้งโลกต้องเกิดการปั่นป่วนแน่ๆ
แต่ดูเหมือน มันจะไม่ใช้แบบนั้น เพราะมันดูเหมือนข่าวที่ค่อยเตือนให้ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ทุกคนระวังตัวซะมากกว่า
ติ๊ด ติ๊ด
หลังจากที่ซูฮยอนก้าวเขามาในห้องนอน เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น
มันเป็นสายของลีจุนโฮ
“ฮัลโหล”
"นายจะเอาหินอีเธอร์อยู่ไหม"
มันเป็นบทสนทนาแบบเดิมอีกแล้ว
ลีจุนโฮเคยส่งข้อความแบบนี้มาหาซูฮยอนหลายครั้ง แต่ซูฮยอนก็ยังคงยืนยันคำเดิม
แต่ด้วยความดื้อรั้นของลีจุนโฮ เขายังคงคะยั้นคะยอจะคืนหินอีเธอร์ให้ซูฮยอนให้ได้
“ตอนนี้ผมมีเงินอยู่เยอะพอสมควร นายไม่ต้องคืนในผมหรอก”
“อีกอย่างนายก็ช่วย ปกปิดความลับเรื่องของผม แถมยังช่วยจัดการเรื่องน่าลำคาญให้อีก ถือซะว่ามันเป็นค่าจ้างของนายก็แล้วกัน” ซูฮยอนกล่าว
“แต่มันมากเกินไป การโจมตีดันเจี้ยน ฉันแทบไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยสักนิด”
ดูเหมือนความคิดของลีจุนโฮจะเข้มงวดเป็นพิเศษ ไม่ว่าซูฮยอนจะพูดยังไงเขาก็ไม่ยอมเลยสักนิด
ถ้างั้น.....
“ผมของยืมชื่อของนายหน่อยได้ไหม”
“ชื่อฉัน?”
“ใช่แล้ว ในฐานะ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ B ในอนาคตนายต้องไปโจมตีดันเจี้ยนระดับสูงอีกแน่ๆ ฉะนั้นถ้านายไปโจมตีดันเจี้ยนเมื่อไหร่ ช่วยเพิ่มชื่อของผมเข้าไปด้วยก็แล้วกัน”
ในอนาคตจะมีการโจมจีดันเจี้ยนเกิดขึ้นอีกมากมาย แต่แทนที่เขาจะเปิดเผยความสามารถของตัวเอง จะดีกว่าไหมถ้าเขากับลีจุนโฮ ร่วมมือกัน
ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามีพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน หินอีเธอร์ที่เก็บไปอาจมีจำนวนมากเพิ่มขึ้น
“ถ้ามันทำให้นายลำบากใจ ก็ไม่เป็นไร”
“ไม่ ไม่ลำบากเลยสักนิด คำขอของนายก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น” ลีจุนโฮตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
คำขอของซูฮยอน มันก็ดีต่อตัวเขาด้วยเช่นกัน
ด้วยพลังที่ซูฮยอนมี ถ้ามีการโจมตีดันเจี้ยนเกิดขึ้น มันคงเป็นเรื่องกล้วยๆ
“ฉันยอมรับคำขอของนาย ถ้าได้เรื่องแล้ว เดียวฉันติดต่อกลับไปนะ”
“ได้เลย”
หลังจากทั้ง 2 คนว่างสายไป
ความกังวลที่ซูฮยอนมี ก็ค่อยๆถูกยกออกไปจากบ่า
<<ถ้ามันผ่านไปได้ด้วยดี ฉันก็ไม่ต้องสร้างตัวตนปลอมๆอีกต่อไป>>
จากนี้ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลการโจมตีดันเจี้ยนอีกแล้ว
ต้องขอขอบคุณเพื่อนใหม่ของเขาอย่างลีจุนโฮ
เงื่อนไขขั้นต่ำในการโจมตีดันเจี้ยนอย่างต่ำ คุณต้องอยู่อย่างน้อย แรงค์ B
ที่ผ่านมาซูฮยอนกังวลปัญหานี้มาโดยตลอด แต่ในที่สุดมันก็ถูกแก้ไขโดยลีจุนโฮ
ปัญหาต่างเกี่ยวกับชินซูย็องถูกแก้ไข ทำให้บรรยากาศของครอบครัวเริ่มกลับมาแฮปปีอีกครั้ง
<<ตอนนี้…>>
สิ่งที่เขาต้องทำต่อไป คือ.. มองไปข้างหน้าและมุ่งสู่เป้าหมายที่ว่างไว้
วันต่อมา...
ซูฮยอนออกจากบ้านในช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้น
ณ. เวาลานี้ ชินซูย็องไม่ส่งสัยอีกต่อไปว่าซูฮยอนกำลังจะไปไหน
เขามุ่งหน้าไปหาที่ๆเงียบสงบแล้วเปิดประตูเข้าสู้หอคอยแห่งการทดสอบอีกครั้ง
<<นี้แหละคือเป้าหมายที่ฉันต้องทำ>>
[คิมซูฮยอน การทดสอบของชั้นที่ 11 พร้อมแล้ว]