EP.80 พลัง Mana Eater
เหงื่อของเลนซี่ที่ไหล่ออกมาตามตัวทำให้ผมรู้ได้ว่า
เขากำลังรวบรวมพลังที่มีทั้งหมดไปที่มีดดาบของเขา
แต่นี่ก็คือโอกาสเดียวของผมที่จะรวบรวมพลังขึ้นมา
เหมือนกัน ผมตั้งสมาธิที่มีทั้งหมดเพื่อโฟกัสพลัง KI
ไปยังที่ฝ่ามือจนทำให้มันไปกระทบกับใบมีดที่อยู่ในมือ
ของเลนซี่ถึงมันจะร้อนมากแค่ไหนแต่ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่
โยนมันทิ้งแน่นอน
ปัญหาเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือร่างกายทั้งตัวของผม
อ่อนแอจนเกินไปและตัวผมเองก็ไม่ได้มีพลัง Ki มากพอ
ที่จะใช้รักษาทุกส่วนในร่างกาย ตอนนี้สิ่งที่รู้สึกได้ก็คือ
ใบหน้าของผมเริ่มไหม้และดูเหมือนว่าจะละลายไปใน
อีกไม่ช้า
<สกิล Mana Eater เริ่มเปิดใช้งาน>
<คุณสมบัติไฟ +1>
<คุณสมบัติไฟ +1>
<คุณสมบัติไฟ +1>
…………..
เสียงการแจ้งเตือนยังคงดังก้องอยู่ในหัวผม ยิ่งเสียงดัง
มากขึ้นเท่าไหร่ เปลวไฟที่อยู่ในตัวผมก็จะเพิ่มมากขึ้น
เท่านั้นและมันก็จะดูเหมือนว่าแย่ไปยิ่งกว่าเดิม
“มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ?!” เลนซี่ตะโกนออกมาดัง
พร้อมกับพยายามที่จะดึงมีดดาบกลับไป
เขาพยายามที่จะเตะผมอยู่หลายต่อหลายครั้ง
จนเลือดตามลำตัวผมเริ่มไหลออกมาอย่างไม่หยุด
แต่ผมเองก็เลือกที่จะไม่ยอมปล่อยจนกว่าผมจะได้รับ
พลังไฟทั้งหมด
“นายนี่มันโง่จริงๆ! ยอมตายไปง่ายๆสะก็จบ” เลนซี่
จู่โจมผมเรื่อยๆอย่างไม่หยุดเพื่อหวังแค่ว่าเขาจะดึง
ดาบกลับไปให้ได้
และเสียงแจ้งเตือนก็หยุดลงในที่สุดผมจึงปล่อยมือออกจาก
เลนซี่จนทำให้เขากระเด็นถอยหลังไปนิดนึง ร่างกายผมมีแต่
รอยแผลเต็มไปหมดและความรู้สึกอ่อนแอก็กลับมาอีกครั้ง
ถุงมือที่ได้มาแข็งแกร่งกว่าที่ผมคิดไว้และผมก็รู้สึกว่ามีอะไร
เหลวๆไหลออกมาจากถุงมือและจะดูเหมือนว่าชิ้นส่วนกระดูก
ของผมมีการแตกหัก ใบหน้าของผมตอนนี้ครึ่งนึงมีรอยไหม้
ที่มาจากเปลวไฟและซีโครงผมที่ปวดขนาดนี้คงเป็นเพราะ
จากแรงเตะของเลนซี่
ทุกสิ่งที่ผมทำล้วนแล้วมาจากสัญชาติญาณทั้งนั้น
มีเพียงสองอย่างที่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจกับมันเท่าไหร่
อย่างแรกคือ Mana eater จะทำงานก็ต่อเมื่อใช้กับ
อาวุธที่ทำมาจาก คริสตรัลของสัตว์เวทมนตร์เท่านั้น
เพราะถ้าสังเกตุว่าใช้กับอาวุธธรรมดาทั่วไปก็จะ
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยแต่กับการต่อสู้ที่ผ่านมาผมพบ
ว่ามันทำงานได้ดี แต่ผมเองก็ยังต้องการเช็คอะไรอีก
สักอย่าง
ผมยกหมัดทั้งสองขึ้นมาตั้งท่าพร้อมที่จะต่อสู้อีกครั้ง
ถุงมือในมือผมส่องประกายแสงสีส้ม แดงออกมาและ
ความรู้สึกร้อนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเปลวไฟก่อตัวล้อมรอบ
ไปจนถึงแขนของผม จนลามไปถึงนิ้วของผมก็ถึงปกคลุม
ไปด้วยเปลวไฟเป็นที่เรียบร้อย
อย่างที่สองก็คือผมสามารถใช้พลัง Ki ร่วมกับพลังอื่นๆได้
ตามหลักการที่ผมคิดคือ Mana และ Ki คือสิ่งเดียวกันแต่ผู้คน
ใช้วิธีไหนในการใช้ Mana ทำให้เปลวไฟขึ้นมาได้และตอนนี้
ตัวผมเองก็สามารถพลัง Ki และ Mana ในการให้ไฟขึ้นมาแล้ว
ผมจะใช้พลังนี้ไปกระตุ้นเซลล์ในร่างกายและถุงมือเพื่อที่จะ
สร้างอาวุธไฟด้วยตัวผมเอง
“นายมันคือปีศาจชัดๆ พวกเราคิดถูกแล้วที่คิดจะ
กำจัดนายให้จบๆไปสะ”
เลนซี่พยายามที่จะใช้ดาบที่ปกคลุมด้วยเปลวไฟโจมตีผม
และตั้งใจเหวี่ยงดาบมาที่ถุงมือแต่มันก็ทำให้หน้าของเขา
ตกลงไปที่พื้นเพราะความสามารถของพลัง Mana Eater
คือการดึงดูดไฟออกได้อย่างดี มันไม่ได้หยุดไฟหรือยืมมันมา
แต่มันเหมือนกับการขโมยจากคนนึงและเพิ่มพลังทั้งหมด
มาในร่างกายของผม
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเลนซี่และดึงมืดดาบในมือของเขา
ออกมาพร้อมกับยกไปหน้าเขาขึ้นและยกตัวเขาสูงให้ลอย
บนอากาศ
“ไม่ ไม่ ไม่” เลนซี่กรีดร้อง
ใบหน้าของเลนซี่เริ่มไหม้อย่างช้าๆจนเปลวไฟลามไปยังร่างกาย
จนแทบจะเกรียมไหม้ พลังของผมเริ่มเบาลงช้าและหายล่วงลงไป
บนพื้นในที่สุด
แกรี่ค่อยๆเดินเข้ามาหาผมด้วยสภาพที่ยังไม่ค่อยโอเค
เท่าไหร่นักแต่เขาเองก็พยายามรวบรวมพลังที่มีทั้งหมด
เดินเข้ามา
“เรย์! ทั้งแขนและใบหน้าของนายเหมือนจะมีรอยไหม้
เล็กน้อย ฉันต้องรีบพานายไปโรงพยาบาลให้ไวที่สุด!” แกรี่พูด
ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาที่ไหลตกลงมากจาดวงตา
ทั้งสองข้าง
ผมอยากจะตอบสิ่งที่แกรี่พูดแต่ปากของผมก็ละลาย
ไปบางส่วนแล้ว
และทันใดนั้นก็มีเงาของใครบางคนที่กำลังเดินเข้า
มาหาพวกเราอย่างช้าๆและทันทีที่ผมเริ่มมองเห็นได้ชัด
ก็พบว่านั่นคือมาสเตอร์เค
“แกรี่ ! นายไปต่อสู้กับอะไรมาทำไมเป็นหนักได้ขนาดนี้”
เขาร้องถามด้วยน้ำเสียงที่ตกใจและเป็นกังวล
“พวกเขาไม่อยู่แล้วครับแต่เรย์กำลังต้องการความช่วยเหลือ”
มาสเตอร์เคเริ่มสำรวจพื้นที่ๆอยู่รอบๆเขาก็พบว่ามีร่องรอย
ของไฟไหม้และรอยยิงธนูอยู่ในทุกพื้นที่ เหล่าพวกต้นไม้ที่เคย
สีเขียวสดใสก็กลายเป็นต้นสีดำเพราะเปลวไฟที่ลุกลาม สิ่งที่เหลือ
ที่ไว้มีแค่ร่องรอยพวกนี้และก็อาวุธของเขาเพียงเท่านั้น
มาสเตอร์เคหยิบอาวุธที่วางอยู่ที่พื้นขึ้นมาก็สังเกตุได้ว่า
นี้คืออาวุธชิ้นสีแดงที่เลนซี่เคยใช้อยู่เป็นประจำ
“ต้องคือพวกเขาแน่ๆ เรื่องนี้ผมคงต้องแจ้ง วินฟอร์ต”
ในขณะที่มาสเตอร์เคกำลังวุ่นวายกับการสำรวจความเสียหาย
บริเวณรอบๆและหาร่องรอยที่คนร้ายทิ้งไว้ ก็มีอัศวินสายดำสี่คน
เดินเข้ามาหาพวกเรา พวกเขาคือนักเรียนชั้นปีที่สาม เขาเข้ามา
ช่วยพยุงทั้งผมและแกรี่ไปหาที่นั่งพัก
ดวงตาของผมช่างอ่อนล้าและร่างกายทั้งตัวก็ถูกเผาไหม้
สิ่งเดียวที่จะดีที่สุดสำหรับผมตอนนี้คือหลับตาทั้งคู่ลงเพื่อพักผ่อน
เมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่านี่คือที่ๆผมคุ้นเคยนั่นเอง
จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากโรงพยาบาล ผมรู้สึกถึงความหนักที่
ตรงบริเวณช่วงขาและเมื่อมองไผก็พบว่าซอลเวียกำลังนอนทับ
ขาของผมอยู่
“เธอนอนอยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้ว” แกรี่พูด
และเมื่อผมมองไปที่ด้านซ้ายก็พบว่าแกรี่เองก็นอนอยู่
บนเตียงของโรงพยาบาลเหมือนกัน ร่างกายของพวกเราทั้ง
คู่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลแต่ตอนนี้พวกเราน่าจะกลับมาเป็น
ปกติแล้ว
และทันใดนั้นซอลเวียก็ลืมตาขึ้น
“เรย์….” เธอเรียนผมด้วยเสียงที่เบาและฟังค่อนข้าง
ตกใจที่ไหนที่สุดผมก็ฟื้นสักที
“เรย์ ในที่สุดนายก็ฟื้นขึ้นมาสักที” ซอลเวียพูดประโยค
เดิมๆแบบนี้กับผมวนไปวนมาอยู่หลายครั้ง
“ผมหลับไปนานเท่าไหร่”
“สามวันแล้วหล่ะที่นายหมดสติไป”
ผมรีบเอามือขึ้นมาจับใบหน้าของตัวเองในทันที
เพราะผมจำได้ว่ามีหลายจุดที่เป็นรอยไหม้จากเปลวไฟ
แค่นั้นยังไม่พอริมฝีปากของผมละลายรวมกันแต่ตอนนี้
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติแล้ว และเมื่อ
มองไปยังมือทั้งสองข้างก็พบว่ารอยแผลที่มีก็กลับ
มาเป็นปกติ
“นายไม่ต้องกังวลไปเรย์ ทุกอย่างในร่างกายนาย
กลับมาเป็นเหมือนปกติแล้ว”
“เป็นไปได้ไง?” ผมถามด้วยความงง
“นั่นเป็นสิ่งที่เราอยากรู้เหมือนกันแต่พวกเราก็ไม่รู้จริงๆ
ดูเหมือนว่าร่างกายของนายจะมีการรักษาด้วยตัวเอง
ทั้งรอยแผลไหม้และบาดแผลภายในต่างๆ หรือทุกอย่าง
ก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว ทั้งทีหมอและพยาบาลต่างพากัน
ตกใจเพราะร่างกายของนายค่อนข้างแปลก จากที่ฉันไปค้นหา
ข้อมูลจากในตำรามาก็เจอว่าร่างกายของนายเหมือน……...”
และซอลเวียก็หยุดพูด
“เหมือนกับอะไร?”
“ร่างกายของนายสามารถรักษาตัวเองได้เหมือนกับ
พวกสัตว์เวทมนตร์ ยิ่งมีเวลาในการพักฟื้นมากเท่าไหร่
พลัง Ki ในตัวนายก็จะทำหน้าที่รักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น
ให้กลับมาสมบูรณ์แบบในที่สุด”
“เรย์ ฉันเห็นร่างกายของนายตอนมาถึงที่นี่ พวกเราทุกคนเห็น
จากสภาพนายแล้วคิดว่านายอาจจะต้องอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป
มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกนายกันแน่?”
จากนั้นพวกเราก็ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับ
ซอลเวียฟัง ทั้งวิธีการที่เหล่าพวกคนร้ายเข้ามาจู่โจมเราหรือ
เรื่องที่หนึ่งในคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีแดงนั้นคือเลนซี่
แต่เธอเองก็ดูไม่ตกใจกับเรื่องที่พวกเราเล่าให้ฟัง
เธอพูดขึ้นมาว่าเหมือนตอนที่เปลวไฟฟขึ้นมา เธอเอง
ก็ถูกโจมตีด้วยชายคนนึงที่ส่วมหน้ากากเหมือนกันและเมื่อ
เธอมองหาเลนซี่เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือแต่ก็หาเขาไม่เจอ
จนทำให้ไม่มีทางเลือกและเดินทางกลับหอพักทันที
หลังจากที่พวกเราทั้งสามคนได้ผลัดกันประติดประต่อ
เรื่องราววุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
ผมค่อนข้างตกใจเมื่อคนที่เปิดเข้ามานั้นคือรูมเมทของพวกเรา
นี่เอง แต่ไม่เพียงเท่านั้นยังมีฝาแฝดผมแดงเดินเข้ามาด้วย
ผมจำทั้งพวกเขาได้ดีจากการเทรนนิ่งอัศวินมังกรในวันนั้น
หลังจากที่ทุกคนเดินเข้ามากันหมดแล้ว มาสเตอร์เคก็เดินเข้ามา
พร้อมกับปิดประตูลง
อะไรเกิดขึ้นกันแน่ ผมชักงงไปหมดแล้ว