Ep.169 - ผู้รอดชีวิต
3/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.169 - ผู้รอดชีวิต
ฉินเฟิงควบม้าศึกเข้าสู่ประตูทางทิศเหนือของเมืองหาน กำจัดพวกแมลงระดับต่ำ โยนออกไปให้พ้นทาง
การล่าแมลงสัตว์ร้ายเหล่านี้ในปริมาณมหาศาล อย่างน้อยก็พอเทียบได้กับการสังหารแมลงระดับสูงบางตัว
ในตอนนั้นเอง บนอุปกรณ์สื่อสารก็ส่งเสียงติ๊ด ติ๊ด ขึ้น
【ตรวจพบสัญญาณผู้รอดชีวิต!】
เนื่องจากฉินเฟิงได้ฝ่าดงพื้นที่เพาะปลูก ผ่านประตูเมือง เข้าสู่ย่านที่พักอาศัย เลยสามารถรับสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ ในแผนที่เมืองหาน เครื่องหมายสีแดงเล็กๆปรากฏขึ้น
ในเมืองหาน หากมีอาหารเพียงพอ ผู้คนจะสามารถซ่อนตัวในห้องใต้ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการจู่โจมจากพวกแมลงได้ แม้จะผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่มนุษย์ก็ยังดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้มีชีวิตรอดกันต่อไป
ยิ่งเป็นในยุคสมัยโลกาวินาศแบบนี้ คงไม่ต้องกล่าวถึง
ในยุคโลกาวินาศ มนุษย์ตั้งแต่ 6 ขวบ ยัน 16 ปี ช่วงชีวิต 10 ปี ในระดับการศึกษาประถมและมัธยม ในโรงเรียนต่างพร่ำสอนให้พวกเขารู้จักวิธีการเอาตัวรอด
และเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกทางตอนเหนือถูกยึดครองมาเป็นเวลานาน เลยทำให้ยังไม่มีผู้ใช้พลังเข้ามาช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเสียที
ฉินเฟิงแม้เป็นคนโหดร้าย ทว่าไม่เลือดเย็น หากมีจังหวะเหมาะ สามารถช่วยเหลือได้ เป็นธรรมดาที่เขาจะเข้ายื่นมือช่วยอีกฝ่าย
ฉินเฟิงจับตำแหน่งสัญญาณของผู้รอดชีวิต และควบม้าศึกตรงไป
หึ่ง หึ่ง!
เสียงปีกของแมลงระดับต่ำไล่ติดตามฉินเฟิง
ยังไม่พอ ด้วงกระหายเลือดหลายตัวก็พลันปรากฏกายขึ้นจากมุมอับเบื้องหน้า เมื่อเห็นฉินเฟิง มันก็โฉบเข้าหาทันที
เขาเลยกลายเป็นถูกล้อมทั้งหน้าและหลัง!
“พรมโลกันต์!”
รัศมีเบื้องหลังถูกปกคลุมด้วยเพลิงโลกันต์ โถมทับ และปิดทางแมลงสัตว์ร้ายระดับต่ำเอาไว้ เปลวเพลิงทรงพลานุภาพแผดเผาเพียงไม่กี่วินาที สัตว์ร้ายเลเวล G ก็ถูกสังหารจนสิ้น
จากนั้นฉินเฟิงก็ชักมีดกษัตริย์ครามออกมา โบกสะบัดไปเบื้องหน้าเบาๆ ตัดฉับเข้ากลางหัวของด้วงกระหายเลือด
สำหรับคนทั่วๆไป สถานการณ์เมื่อครู่นับว่าอันตรายอย่างสุดแสน แต่สำหรับฉินเฟิง อันตรายที่ว่ามิอาจทำอะไรกับเขาได้เลย
ไม่นานนัก ฉินเฟิงก็มุ่งหน้ามาถึงร้านค้าริมถนน ซึ่งเป็นจุดปล่อยสัญญาณ
อย่างไรก็ตาม ที่หน้าประตูร้าน ดันมีหอยทากกระดองเหล็กนอนขวางอยู่
แม้จะเป็นหอยทากกระดองเหล็กเลเวล F ระดับสามัญ แต่ก็ครอบครองความแข็งแกร่งอยู่พอสมควร! นั่นหมายความว่ามันอาจจะ …
ในหัวใจของฉินเฟิงบังเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาทันที
เขารีบลงจากม้าศึก ทางฝั่งหอยทากคล้ายตระหนักถึงผู้มาเยือน มันตื่นจากการหลับไหล ยื่นส่วนหัวที่อ่อนนุ่มออกมา ดีดฉกเข้ากัดฉินเฟิง
ฉินเฟิงไร้ซึ่งความตื่นตระหนกใดๆ สะบัดมีดสวนกลับไป
“มีดเปลวเพลิง!”
ใบมีดที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงผุดงอกจนยาวกว่า 2 เมตร สับเข้าช่วงลำคอที่ยืดยาวออกมาของศัตรู
ศีรษะของมันขาดสะบั้นทันที ฉินเฟิงเดินเตะศพของหอยทากและกระดองของมันไปอีกทาง ก้าวเข้าไปในร้านค้า
【คุณอยู่ห่างจากผู้รอดชีวิตเป็นระยะทาง 35 เมตร!】
ภายในร้านไม่ได้ใหญ่โตอะไร ฉินเฟิงเดินไม่นานก็พบช่องทางลงอย่างรวดเร็ว ทว่าประตูกลับถูกล็อคจากด้านใน
ปัง ปัง ปัง!
ฉินเฟิงเคาะประตูเหล็ก แต่กลับไม่มีเสียงใดจากภายในตอบกลับมา
โชคยังดีที่ประตูนี้มิได้ถูกเสริมความทนทานมากจนเกินไป แม้มันจะสามารถใช้ป้องกันการโจมตีของสัตว์ร้ายได้ ทว่ามิอาจต้านทานมีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิง
กำลังภายในถูกถ่ายเทลงในมีดกษัตริย์คราม ฉินเฟิงเฉือนกลอนประตูเหล็กแล้วกระชากมันออกทันที
ภายในห้อง แผ่กลิ่นเลือดจางๆฟุ้งออกมา แสงไฟอ่อนๆช่วยให้เขาสามารถมองเห็นฉากข้างในได้ ---ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงที่ผอมแห้ง ลืมตาครึ่งหลับครึ่งตื่น ทั้งยังมีทารกตัวน้อยอยู่ในอ้อมแขน อายุอย่างมากน่าจะไม่เกินสองเดือน
ในเวลานั้นหญิงผอมแห้งพอเห็นฉินเฟิง ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นทันใด ช่วงเวลาที่ทั้งสองสบตากัน เธอคล้ายเห็นได้ถึงแสงสุกใส ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว
ขณะเดียวกันในหัวใจของฉินเฟิง คล้ายปรากฏคำๆหนึ่งขึ้นมาทันที
“ยังมีหวัง!”
เขาที่กำลังสบตาเธอ สามารถตระหนักได้ถึงคำๆนี้ที่อีกฝ่ายส่งผ่านเข้ามา
“ช่วย … เธอ … ด้วย ..” ผู้หญิงพยายามขยับตัว คล้ายต้องการยื่นทารกในอ้อมกอดของเธอให้ฉินเฟิง
ทว่าฉินเฟิงกลับยังคงเงียบ
เขาสาวเท้าไปข้างหน้า ระดมกำลังภายในลงบริเวณฝ่ามือ แล้วลูบลงบนแผ่นหลังของผู้หญิงผอมแห้ง กำลังภายในอันแข็งแกร่ง ถูกถ่ายเทเข้าไปปกป้องหัวใจของฝ่ายหญิง ขยายไปหล่อเลี้ยงให้มันชุ่มชื้น
“มาเถอะ พวกเราต้องพาเจ้าตัวน้อยออกไปฝัง”
ฉินเฟิงกล่าว
ในยุคโลกาวินาศ มนุษย์ทุกคนที่ถึงวัย 16 ปี ต่างก็ได้รับการฉีดยาปลุกพลัง โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นชายหรือหญิง ดังนั้นร่างกายของพวกและเธอจึงแข็งแรงกว่าในอดีต ตรงกันข้ามกับทารกน้อย
ในเวลายาวนานเกือบครึ่งเดือน แม้ผู้คนที่ถูกฉีดยากระตุ้นจะสามารถฝืนทนได้ แต่เด็กตัวน้อยไม่อาจทนไหว แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะตัดสินใจกรีดเลือดของตัวเองให้ลูกดื่ม แต่ก็ไม่สามารถยื้อได้อยู่ดี
ทารกน้อยเสียชีวิตแล้ว ...
ผู้หญิงผ่ายผอมเงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายจะร้องไห้ แต่ถึงอยากจะหลั่งน้ำตา มันก็ไม่สามารถไหลออกมาได้แม้แต่หยดเดียว
ฉินเฟิงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเศร้าเสียใจ พาเธอออกจากห้องใต้ดินทันที เพราะอย่างที่บอก นี่คือยุคโลกาวินาศ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้ทุกคนจะรับรู้ถึงเรื่องนี้ แต่พอเจอเข้ากับตัวเองจริงๆ บางเรื่องก็ทำใจไม่ไหวเหมือนกัน
แม้ผู้หญิงผอมจะอ่อนแอ แต่ก็ยังพอมีความสามารถในการเคลื่อนไหวอยู่ ฉินเฟิงยื่นน้ำและขนมปังให้เธอ เฝ้ามองอีกฝ่ายรับประทานราวกับหมาป่าหิวโซ ฟื้นฟูกำลังพอจะเดินเหินได้อย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงมอบหนึ่งถุงผงขับไล่สัตว์ร้ายแก่เธอ ให้เธอคอยรับหน้าที่เดินตามหลัง และโรยมันไประหว่างทาง เขายังบอกให้เธอทาพวกมันลงบนตัวเอง
ต่อจากนั้น ฉินเฟิงก็เริ่มกวาดล้างไปตามถนน ขณะเดียวกันก็คอยดูสัญญาณขอความช่วยเหลือ --ในช่วงเวลาวันเดียว ผลกลายเป็นว่าเขาสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้มากกว่า 80 คน!
เนื่องจากการตัดสินใจช่วยเหลือของเขา อัตราความเร็วในการล่าสังหารจึงลดหลั่นลงเป็นธรรมดา แต่สุดท้ายถนนกว่า 20 สายก็ถูกกวาดล้าง ถือว่าบรรลุจำนวนภารกิจได้มากกว่าเมื่อวาน ยังไม่พอ เจ้าตัวยังวานคนที่ตนให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือกันโรยผงขับไล่สัตว์ร้ายไปตลอดเส้นทาง
เนื่องจากปัจจุบันคือช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นฟ้าจึงมืดลงเร็วกว่าปกติ ฉินเฟิงตัดสินใจยุติการต่อสู้ และนำผู้รอดชีวิตขึ้นรถศึกกว่าสองคัน พาพวกเขากลับไปยังสถานชุมชนชั่วคราว
หลังจากที่เหล่าพ่อค้าเฝ้ารอคอยมานาน เมื่อพวกเขาเห็นฉินเฟิง ทั้งหมดก็วิ่งกรูเข้าหาทันที จุดประสงค์ชัดเจนว่าต้องการซื้อวัตถุดิบจากฉินเฟิง
ไม่รอให้เขาทันได้เอ่ยปาก คนกลุ่มหนึ่งก็เดินแทรกฝ่าฝูงชน ตรงเข้ามายังตำแหน่งของฉินเฟิง
กลิ่นอายของผู้ใช้พลังเลเวล E ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกสะท้านโดยไม่รู้ตัว ล่าถอยแยกย้ายกันไป
ในภารกิจนี้ มีเลเวล E เพียงหนึ่งเดียวที่เดินทางมาในเมืองหาน มิใช่ใครอื่น--
--เป็นชิหลง!
“สวัสดีมิสเตอร์ฉิน ฉันชื่อว่าชิหลง ตอนนี้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการภารกิจกอบกู้เมืองหาน”
ชิหลงยื่นมือออกไปอย่างกระตือรือร้น
ฉินเฟิงผงะไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังยื่นมือออกไปเชคแฮนด์อีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นทางฉันต่างหากที่ต้องรู้สึกยินดี มีผู้ใช้อบิลิตี้ที่ทรงพลังอย่างมิสเตอร์ฉินร่วมภารกิจ เมื่อเช้าฉันเห็นว่าคุณสามารถยึดพื้นที่เพาะปลูกทางตอนเหนือของเมืองหานคืนมาได้ นั่นเองคือเหตุผลที่ฉันมาหาคุณในตอนนี้ อย่างน้อยก็ทำความรู้จักกันเอาไว้ก่อน จะได้ร่วมมือช่วยกันกู้คืนเมืองหาน!”
ในสมองของฉินเฟิง ย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาเช้าที่แหงนหน้ามองโดรน
ที่แท้ ในเวลานั้นคนที่อยู่เบื้องหลังโดรนก็คือชิหลงคนนี้นี่เอง
การตัดสินใจล่าถอยไปแต่โดยดีในช่วงท้ายของอีกฝ่าย ทำให้ฉินเฟิงเกิดความประทับใจไม่น้อย
“ผู้บัญชาการชิต้องการจะให้ร่วมมือกันอย่างไร?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะหารือกันที่นี่ มิสเตอร์ฉิน เชิญมากับเรา ฉันได้เตรียมอาหารเย็นเอาไว้แล้ว พวกเราจะได้กินกัน คุยกันไปพลางๆ”
ฉินเฟิงไม่รังเกียจหากมีใครอยากจะเลี้ยงอาหารฟรี ดังนั้นพยักหน้าตกลง จะได้รวดหารือเรื่องขายวัตถุดิบกันไปเลย
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเดินทางไปด้วยกัน ฉินเฟิงเอ่ยปากเตือนชิหลงประโยคหนึ่ง
“คนเหล่านี้คือผู้รอดชีวิตที่ผมเพิ่งพาออกมาจากที่นั่น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี ขอรบกวนผู้บัญชาการชิช่วยเหลือด้วย”
ชิหลงตบหน้าอกตนเอง กล่าวรับประกัน “เจียงไค นายช่วยไปจัดแจงที่พักให้พวกเขา อย่าลืมทำทุกอย่างให้ถูกต้อง!”
พวกเขาคือคนที่ฉินเฟิงได้ให้ความช่วยเหลือ ทว่าเมื่อออกมา กลุ่มคนเหล่านี้มักไม่เป็นที่ต้องการ พวกเขาต้องดิ้นรนอย่าหนักเพื่อเอาชีวิตรอดกันเอง และสุดท้ายก็จบลงด้วยการอดตายไม่ก็โดนข่มเหงรังแก ดังนั้นฉินเฟิงเลยต้องการให้พวกเขาได้รับความเป็นธรรมอย่างเหมาะสม!
ซึ่งปัจจุบัน ชิหลงยังคงต้องการให้ฉินเฟิงให้ความร่วมมือ จึงยินยอมตอบตกลงเป็นธรรมดา
ใบหน้าของเจียงไคหมองลง นี่เขาจะต้องจัดการกับคนพวกนี้ ที่มุดหัวอยู่ในเมืองหานตั้งกว่า 10 วัน ที่ทั้งตัวเหม็นและไม่ได้อาบน้ำเนี่ยนะ? ในขณะที่คนอื่นๆอย่างฉินเฟิงและผู้บัญชาการชิ ออกไปหาความสุขจากมื้อค่ำอันแสนหรูหรา??