ตอนที่ 31
ตอนที่ 31
<<แน่นอนการสร้าง ดาบบัลมุงก์ มันไม่ได้ใช้แค่ หินอีเธอร์ เพียงอย่างเดียว>>
มันยังจำเป็นต้องใช้ไอเทมอีกหลายอย่าง กว่าจะสร้าง ดาบบัลมุงก์ ให้เสร็จสมบูรณ์
ในอดีตที่ผ่านมา กว่าจะรวบรวมวัตถุดิบมาได้ ต้องสังเวย ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ไปหลายชีวิต
เพราะฉะนั้นตอนนี้ ถ้าคุณอยากสร้าง ดาบบัลมุงก์ มันก็เป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน
<<ตอนนี้อย่าพึ่งไปคิดถึงมันเลย ปล่อยในมันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน>>
ซูฮยอนโบกแท็กซี่และบอกคนขับให้ไปส่งที่ ยังพย็อง
เมื่อมาถึงจุดหมาย ซูฮยอนก็ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเดินเข้าไปในป่า
ตามทางที่ซูฮยอนเดินไป มีตะเกียงน้ำมันจุดประกายให้แสงสว่างอยู่
รอบๆตัวของซูฮยอน บรรยากาศของมันดูน่าขนลุกแปลกๆ
เวลาประมาณ 4 โมงเย็น ถึงแม้แสงอาทิตย์จะยังไม่ลาลับขอบฟ้าไป
แต่ภายในป่า ก็ถูกใบของต้นไม้บดบังแสงสว่าง
<<อยู่แถวๆนี้หรือป่าวนะ?>>
ซูฮยอนรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อไปให้ถึงจุดหมายไวๆ
ไม่นาน ซูฮยอนก็เจอกับบ้านพักโทรมๆ 1 หลัง ซึ่งรายล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า
ไม่ใช้แค่นั้น มันยังมีเสียงตีเหล็กที่ดังออกมาเป็นระยะๆ
เพราะประตูบ้านหลังนั้น ได้เปิดแง้มไว้อยู่
เสียงเหล็กที่กระทบกันดังก้องออกมาจนได้ยินไปทั่ว
ในที่สุดซูฮยอนก็เจอบ้านที่ตามหาสักที่
เขาพยายามเปิดประตูออกอย่างช้าๆและกล่าวทักทาย “มีใครอยู่ไหมครับ”
เคร่ง เคร่ง
ไม่มีเสียงขานรับกลับมาเลยแม้แต่น้อย
มีแต่เสียงเหล็กที่กระทบกัน ดังกลับมาแทน
ซูฮยอนเปิดปากพูดอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม “มีใครอยู่ไหมครับ”
เคร่ง
เสียงตีเหล็กอยู่ๆก็หยุดลงไปกลางคัน หลังจากนั้นไม่นาน
ก็ได้มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากตัวบ้าน
“มีเรื่องอะไรกัน เสียงดังเป็นบ้า”ชายคนที่เป็นประตูมามีหนวดเครารุงรังเต็มไปหมด
เขาใช้สายตาที่ไม่พอใจจ้องมองไปทางซูฮยอน
ซูฮยอนเมื่อเห็นสายตานั้น เขาก็คิดถึงความหลังเก่าๆขึ้นมา
‘นานแค่ไหนกันนะ ที่ไม่ได้ให้ใบหน้าแบบนี้’
<<ลุง..>>
เขาคือช่างฝีมือ มือฉมัง นามคิมแดโฮ.
เขามีชื่อเสียงด้านการสร้างอาวุธและสิ่งประดิษฐ์
ที่เขาขังตัวเองอยู่ในภูเขาแห่งนี้
เป็นเพราะคิมแดโฮต้องการโฟกัสอยู่กับอาวุธที่เขากำลังตีขึ้นอยู่
<<เขายังเหมือนเดินไม่เปลี่ยนเลย…>>
ดาบบัลมุงก์ ที่ซูฮยอนเคยใช้ ก็เป็นฝีมือของเขาเช่นกัน
ในปี 2032
มี ‘ผู้ตื่นขึ้น’ หลายคนกำลังยืนรายล้อมเพื่อป้องกันคิมแดโฮจากเหล่ามอนสเตอร์
เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่สร้าง ดาบบัลมุงก์ สำเร็จ
ในอดีตความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคิมแดโฮเป็นเหมือนลุงกับหลาน
ณ. ซอกหลืบความทรงจำของซูฮยอน....
“ลุงอยู่ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงของซองอิน
คิมแดโฮที่อยู่หลังบ้านก็เดินออกมาต้อนรับซองอินด้วยความเร่งรีบ
เขามองซองอินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกล่าว “ดูเหมือนเธอจะผ่านมันไปได้ด้วยดีนะ”
“ลุงรู้ได้ไง”
“แหม่....ข่าวออกจะดังขนาดนั้น ไม่รู้ก็บ้าแล้ว เธอเองก็ยังหนุ่มยังแน่น ทำไมถึงไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นด้วย เธออยากตายเร็วๆหรือไง”
“ช่วยไม่ได้นี้ครับ มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำ”
“มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ ที่ออกไปทำหน้าที่ของตัวเองหนักขนาดนั้น เธออย่าสนใจเรื่องของคนอื่นจนเกินไป เป็นห่วงตัวเองซะบ้าง”
“ผมก็อยากทำแบบที่ลุงบอกอยู่หรอก แต่พอเห็นคนอื่นตกอยู่ในอันตราย ร่างกายของผมก็ขยับไปเองทุกที” ซองอินหัวเราะเบาๆ
“ช่างมันเถอะลุง แล้วไอเทมที่ผมของให้ ลุงสร้าง เสร็จหรือยังครับ”
“เรียบร้อยแล้ว นี้ไง”
คิมแดโฮดึงดาบออกมาจากด้านหลัง แล้วส่งในกับซองอิน
“นี้มัน…”
“ฉันตั้งชื่อให้มันว่า ดาบบัลมุงก์”
ดาบบัลมุงก์ มันคือดาบที่ วีรบุรุษ ซิกฟรีด เคยใช้
“นายคิดว่าไงล่ะ มันเท่ดีใช่ไหมล่ะ” คิมแดโฮแสดงท่าทีภูมิใจออกมา
เขายิ้มแป้นจนเห็นฟันสีเหลืองอร่ามของตัวเองส่องสว่างอยู่
ซองมินมองดูดาบอย่างไม่อาจละสายตาไปได้
“คุณเพิ่มวัตถุดิบลงไปในดาบอีกใช่ไหมครับ”
ซองอินถามกลับอย่างสงสัย
คิมแดโฮยิ้มแย้มขึ้นแล้วตอบกลับ “เด็กน้อย เธอไม่ต้องรู้หรอก เธอเอามันไปใช้ก็พอ”
“ลุง..ผม..”
มันไม่ได้มีแค่หินอีเธอร์เกรดสูงสุดเท่านั้น
มันยังมีวัตถุดิบอีกหลายชนิด ที่คิมแดโฮเก็บรักษาเอาอย่างดี ใส่ลงไปด้วย
ต้องขอขอบคุณวัตถุดิบที่คิมแดโฮเก็บไว้ ทำให้ดาบบัลมุงก์ที่เขาสร้าง เป็นไอเทมที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
แต่ว่า…
“ผมรับของชิ้นนี้ไปไม่ได้”
ถ้าเขารับมันไปเขาคงไม่มีความสุขแน่ๆ
“ผมไม่สามารถรับของชิ้นนี้ไปได้จริงๆ คุณลุง ทำไมลุงถึง…”
“ซองอิน”คิมแดโฮตัดบทพูดของซองอินด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ซึ่งซองอินไม่ค่อยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของเขามากนัก
“ทุกคนบนโลก ต่างเรียกเธอว่า ฮีโร่ ใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“ฉันไม่ต้องการให้เธอต้องใช้ชีวิตแบบนั้น”
“ทำไมครับ”
“เธอรู้ไหมถ้าเธอยังคงทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งชีวิตของเธอจะตกอยู่ในอันตราย ทำเธอถึงต้องแบกรับความหวังของผู้คนบนโลกนี้ด้วย?”
“เพราะว่า....”ซองอินถึงกับพูดไม่ออก
มันเป็นคำถามที่ซองอินไม่สามารถหาคำตอบได้
ถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจะคิดเรื่องนี้ตอนตลอดก็ตาม
แต่คำตอบที่เขาได้ ก็มีอยู่ข้อเดียว นั้นก็คือ….[ เพราะเขาไม่มีทางเลือก ]
“เธอไม่ต้องสนใจคำพูดของฉันหรอก ฉันก็แค่บ่นไปงั้นแหละ ไม่ว่าฉันจะบอกเธอยังไงก็ เธอก็ไม่ฟังอยู่ดี”คิมแดโฮพูด
“..ผมขอโทษ”
“จริงสิ ก่อนหน้านี้เธอถามฉันว่า ‘ทำไม’ ถูกไหม”
“ใช่ครับ”
“เพราะมันไม่ยุติธรรมต่อเธอยังไงล่ะ”
ไม่ยุติธรรมเหรอ
ซองอินต้องการให้คิมแดโฮขยายความเพิ่ม ทำไมเขาถึงบอกว่ามันไม่ยุติธรรม
คิมแดโฮดึงดาบจากมือของซองอินขึ้น
เขาเลื่อนตาไปสำรวจด้ามจับ จนในที่สุด เขาก็เห็นตัวอักษร บัลมุงก์ ที่สลักไว้อย่างปราณีต
“ทุกคนบนโลก ไม่เคยทำอะไรเธอเพื่อเลยสักอย่าง แถมพวกเขายังผลักดันความกดดันไปให้เธออีก เธอคิดว่ามันน่าเห็นแก่ตัวไหมล่ะ”
“เธอไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมมั้งเหรอ”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยครับ”
“เพราะว่า..”
“เธอกำลังจะบอกว่ามันคือทางเดินที่เธอเลือกเองสินะ”
คิมแดโฮตัดบทที่ซองอินกำลังจะพูด
เพราะเขากับซองอินเคยคุยเรื่องแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว
“ถึงฉันจะห้ามยังไง เธอก็จะเลือกเดินทางนั้นอยู่ดี”
“นั้นคือเหตุผลว่าทำไม ฉันถึงต้องสร้างดาบเล่มนี้ขึ้นมา”
คิมแดโฮยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมส่งดาบบัลมุงก์ให้ซองอิน
“เมื่อคนทั้งโลกกำลังรอความช่วยเหลือจากเธอ แต่ขอให้เธอจำไว้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เธอยังมีฉันอยู่”
* * **
ช่างฝีมือ คิมแดโฮ
ตอนที่ซูฮยอนเจอคิมแดโฮ ครั้งแรก ก็เป็นที่นี่ด้วยเช่นกัน
ในปี 2018 คิมแดโฮมีความสนใจอาวุธของ 'ผู้ตื่นขึ้น' เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงปักหลักอยู่ที่นี่
“คุณลุง ผมมารบกวนหรือป่าว”
สถานที่แห่งนี้เมื่อซูฮยอนมีเรื่องหนักใจ เขามักจะมาปรึกษาคิมแดโฮทุกครั้ง
แต่ตอนนี้ คิมแดโฮที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้จักซ้ำว่าซูฮยอนคือใคร
<<เขายังดูหนุ่มอยู่เลย>>
ท่าเทียบกับในอดีต หัวของคิมแดโฮเต็มไปด้วยผมงอกที่ขาวโพลน แม้แต่ตอนเดินยังเดินได้อย่างยากลำบาก
แต่เวนานี้เขายังดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ คิมซูฮยอน”
“คิมซูฮยอนเหรอ.. มีธุระอะไรกับฉันกัน”
คิมแดโฮมองซูฮยอนพร้อกลับแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา
ที่เขามาหลบอยู่บนภูเขาแห่งนี่ ก็เพื่อหนีจากความวุ่นวายภายนอก
แต่ใครจะคิด ว่าจะเจอเด็กหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ว่ารบกวนอีก
ถึงแม้เขาจะแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาแค่ไหน แต่ซูฮยอนก็ไม่สนใจ
“ผมได้ยินมาว่า คุณกำลังสร้างอาวุธของผู้ตื่นขึ้นอยู่ใช่ไหมครับ”
“เวณเอ๋ย ใครมันปากสว่างว่ะเนี่ย”
ดูเหมือนคิมแดโฮจะเข้าใจผิด ว่าคนบอกตำแหน่งของเขา
“ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อย”
“ไปให้พ้นไอ้หนู ฉันคนนี้ไม่ทำอาวุธให้แก่หรอก”
“แต่มันไม่ใช่อาวุธรรมดานะครับ”
“ต่อใหัมันวิเศษวิโสแค่ไหน ฉันก็ไม่…”
อยู่ๆคำพูดของคิมแดโฮหยุดลงไปกลางคัน
สายตาของเขาเบิกกว้างด้วยตกใจ
ดวงตาของคิมแดโฮกำลังจับจ้องไปที่หินอีเธอร์เกรดสูงสุด ที่ซูฮยอนถือไว้
“ปะ..เป็นไปไม่ได้”
“นั้นมันหินอีเธอร์ไม่ใช่เหรอ”
“ใช้แล้วครับ มันคือของจริงด้วย” ซูฮยอนใช้หินอีเธอร์ในมือล่อลวงคิมแดโฮจนอยู่หมัด
ถ้าคนอื่นมาเห็นหินอีเธอร์ในมือของซูฮยอน ในหัวของพวกเขาคงคิดถึงแต่เรื่องเงิน
แต่คิมแดโฮนั้นต่างออกไป…
<<นิสัยของเขายังคงไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ>>
บนใบ้หน้าของคิมแดโฮไม่ปรากฏความโลภออกมาเลยสักนิด
มันมีแต่แววตาความอยากรู้อยากเห็นและ ปณิธานของช่างฝีมือซะมากกว่า
สมแล้วที่คิมแดโฮ เป็นช่างฝีมือระดับสีน้ำเงิน
“ใช่ ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นของจริง”
“ฉันไม่เคยเห็นหินอีเธอร์ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ลุงจำมันได้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยเหรอ”
คิมแดโฮพยักหน้าตอบคำถามที่ซูฮยอนส่งมา
นับตั้งแต่มีการค้นพบหินอีเธอร์
คิมแดโฮเป็นช่างฝีมือคนแรกๆ ที่ค้นพบว่า หินอีเธอร์สามารถสร้างไอเทมต่างๆได้
เมื่อเขาสร้างไอเทมจนสำเร็จ คิมแดโฮจะขายมันทันที เพื่อนำเงินที่ได้ ไปซื้อหินอีเธอร์ก้อนใหม่
คิมแดโฮเชื่อว่าเขาจับหินอีเธอร์มากว่าผู้ตื่นขึ้นบางคนซะอีก
เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถแยกแยะได้ทันที ว่าอันไหน คือหินธรรดา อันไหนคือหินอีเธอร์
“เธอได้มันมาจากที่ไหนกัน”ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในที่สุดคิมแดโฮก็ถามออกไป
“มันไม่สำคัญหรอกว่าได้มาจากที่ไหน จริงไหม”
“ก็จริง”คิมแดโฮยิ้มกว้าง
ไม่ว่าซูฮยอนจะได้หินอีเธอร์มาจากแหล่งไหน
คิมแดโฮก็ไม่สนใจ เขาสนใจแต่เรื่องจะทำอะไรกับมันดีมากกว่า
“จริงสิ เธออยากได้อะไรล่ะ”
“ผมอยากได้ดาบ”
“ดาบ?”
“ใช่ครับ ผมอยากได้ดาบที่ถือแล้วดูน่าเกรงขาม เหมือนอัศวินศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็นักฆ่า”
ในยุคปัจจุบัน ไม่มีช่างฝีมือคนไหน มีทักษะการสร้างอาวุธ ที่ดีไปกว่าคิมแดโฮอีกแล้ว
ตามความรู้สึกของซูฮยอน แม้แต่ในอนาคตชื่อเสียงของคิมแดโฮก็ดังเป็นอันดับต้นๆของช่างฝีมืออยู่ดี
อาวุธที่เขาสร้างขึ้น มักถูกขายผ่านตลาดด้วยราคาที่แผงหูฉีกอยู่เป็นประจำ
“ถ้าต้องการแบบนั้น เธอก็มาถูกที่แล้ว”คิมแดโฮยิ้มแล้วพูดอย่างมั่นใจ
“ส่วนเรื่องค้าใช้จ่าย ฉันไม่ต้องการ เนื่องจากเธอเอาหินอีเธอร์คุณภาพสูงมาให้ฉันสร้างไอเทม ฉันจะทำให้เธอฟรีๆก็แล้วกัน”
“ลุงเป็นคนตรงไปตรงมาดีนะ”
“จริงสิ พวกเราต้องมาทำสัญญาจ้างกันก่อน ส่วนผู้รับรองก็….”
“ผมไม่ต้องการมัน”
ซูฮยอนส่ายหัวปฏิเสธมันทันที
คิมแดโฮหยุดสร้างหนังสือสัญญาแล้วหันไปมองซูฮยอนด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ไม่ต้องการ?”
“ใช่ครับ ผมไม่ต้องการจริงๆ ลุง”