เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 933 ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 933 ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย ฟางหยวนสามารถหลบหนี
เขากลับไปในตำแหน่งเดิมและล่อปลาหมึกอสูรที่เหลืออยู่ออกไป
“โอ้ ไม่ ปลาหมึกอสูรบรรพกาลและปลาหมึกอสูรอีกสิบตัว!” นักรบมังกรเย่ชาที่ติดอยู่ในวงล้อมปลาหมึกอสูรรู้สึกขมขื่นเมื่อเห็นปลาหมึกอสูรอีกฝูงตรงเข้ามา
ผีดิบอมตะทั้งหมดต่างคร่ำครวญถึงความโชคร้ายของตนเอง
แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้เพื่อช่วยเหลือซิงเซียงซื่อ
“อดทนไว้!” นักรบมังกรเย่ชาตะโกนและไม่ตระหนี่ที่จะใช้พลังงานอมตะในการต่อสู้
นางมารผลาญสวรรค์เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ นักรบมังกรเย่ชาไม่กล้าขัดคำสั่งของนาง
โชคดีที่ไส้เดือนยักษ์ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน ร่างของมันฟาดไปรอบๆ ทำให้สนามรบยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
กลุ่มผีดิบอมตะไม่กล้าโจมตีรุนแรงและสามารถใช้การโจมตีจากระยะไกลเท่านั้น
เดิมทีมันเป็นสถานการณ์ที่เรียบง่าย
แม้ไส้เดือนยักษ์จะเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักรบมังกรเย่ชา
อย่างไรก็ตามเมื่อฝูงปลาหมึกอสูรเข้าสู่สนามรบ มันจึงกลายเป็นการต่อสู้สามทางที่วุ่นวายมาก
“ซิงเซียงซื่อ เจ้าต้องรอด!” เล่ยหยูตะโกน
แม้เขาจะไม่พอใจฟางหยวน แต่เมื่อคิดว่าฟางหยวนอาจตาย เหงื่ออันเย็นเยียบก็ไหลลงมาจากหน้าผากของเขาอย่างช่วยไม่ได้
ความปลอดภัยของฟางหยวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับกลุ่มผีดิบอมตะ!
ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหล ฟางหยวนลอบเข้าไปในรังของปลาหมึกอสูร
ปลาหมึกอสูรอาศัยอยู่ในรูบนกำแพงหิน
ฟางหยวนเข้าไปในรูขนาดใหญ่และใช้มือสัมผัสผนังที่เต็มไปด้วยชั้นน้ำมันสีดำหนาอย่างน้อยหกนิ้ว
ด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว ฟางหยวนตระหนักถึงวิญญาณป่าที่ซ่อนตัวอยู่อย่างน้อยสี่ดวง สองดวงเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพี อีกสองดวงเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งความมืดและเส้นทางแห่งวารี
แน่นอนว่าฟางหยวนไม่สนใจวิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้
‘นักรบมังกรเย่ชาสามารถเลี้ยงฝูงปลาหมึกอสูรเพราะเขาเลียบแบบสภาพแวดล้อมของที่นี่ใช่หรือไม่?’ ฟางหยวนคิดและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มิติช่องว่างของผีดิบอมตะตายไปแล้ว มันไม่สามารถสนับสนุนการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต
แล้วนักรบมังกรเย่ชาทำได้อย่างไร?
บางทีฟางหยวนอาจสามารถเรียนรู้ความลับของนักรบมังกรเย่ชาจากการค้นคว้าสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เวลาที่ฟางหยวนจะทำเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงปัดเป่าความคิดและเดินหน้าต่อไป
หลายนาทีต่อมา
เสียงคำรามสุดท้ายก่อนตายของสัตว์อสูรบางตัวก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่มันจะเงียบลงอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าฆาตกรก็คือฟางหยวน
ในถ้ำที่เต็มไปด้วยชั้นน้ำมันมีสัตว์อสูรบางตัวลอบอาศัยอยู่ตามซอกหลืบ
มันคือสุนัขซากศพที่มีร่างกายเน่าเปื่อย
ปลาหมึกอสูรกินเลือดและเนื้อของเหยื่อที่มีชีวิตเท่านั้น พวกมันไม่สนใจเนื้อเน่า
สุนัขซากศพจะกินของเหลือจากปลาหมึกอสูร พวกมันเหมือนคนรับใช้ที่คอยทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของเจ้านาย ดังนั้นสัตว์อสูรทั้งสองชนิดจึงสามารถอาศัยอยู่ร่วมกัน
ฟางหยวนต่อสู้อย่างดุเดือดกับสุนัขซากศพและลงไปถึงพื้นที่ชั้นล่างของถ้ำปลาหมึกอสูร
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่พบเบาะแสของมรดกที่เขาต้องการ
ฟางหยวนยังเดินหน้าต่อไปในรูพลุนจำนวนนับไม่ถ้วน
เขาพบปลาหมึกอสูรตัวหนึ่งที่เฝ้ายามอยู่
มันเป็นปลาหมึกอสูรระดับสัตว์อสูรเดียวดาย หากฟางหยวนโจมตีด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริง เขาจะสามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เขาเลือกที่จะปกปิดตัวตนและผ่านมันไปอย่างลับๆ
เมื่อเวลาผ่านไปและยังไม่พบร่องรอยของมรดก ฟางหยวนจึงเริ่มกังวล
หากเขาพลาดโอกาสนี้ เขาต้องวางแผนและรอคอยเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง
‘หากไม่มีทางเลือก ข้าต้องยอมแพ้เท่านั้น เวลามีอยู่จำกัด หากนักรบมังกรเย่ชาเปิดปากไส้เดือนยักษ์แต่ไม่พบข้า ข้าจะไม่สามารถอธิบาย’
ฟางหยวนคาดว่าเขามีเวลาประมาณสิบห้านาที
ตอนนี้ใกล้หมดเวลาแล้วแต่เขายังไม่พบสิ่งใด
ฟางหยวนเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่และบรรลุถึงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำปลาหมึกอสูร
เขาพบราชาปลาหมึกอสูรนอนอยู่ที่นี่
‘กลิ่นอายวิญญาณอมตะ!’ หัวใจของฟางหยวนกระโดดขึ้น
เขารู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจากร่างของราชาปลาหมึกอสูร
ปลาหมึกอสูรตัวนี้แก่ที่สุดในฝูง เมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณอมตะป่าจึงมาอาศัยอยู่ในร่างของมัน
ความตื่นตระหนกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นความยินดี
โชคดีที่ราชาปลาหมึกอสูรตัวนี้ไม่ถูกล่อออกไป
หากราชาปลาหมึกอสูรปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มผีดิบอมตะ พวกเขาจะไล่ล่ามันและพยายามจับวิญญาณอมตะอย่างบ้าคลั่ง
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการจับวิญญาณอมตะป่าหรือไม่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องเข้ามาสำรวจสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
‘บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กองกำลังพันธมิตีผีดิบของภาคเหนือค้นพบมรดกในชีวิตที่แล้ว’ ฟางหยวนคาดเดาได้ทันที
หลังจากลังเล ฟางหยวนตัดสินใจเสี่ยงโชค
เขาปลอมตัวเป็นสุนัขซากศพและเคลื่อนที่เข้าใกล้ราชาปลาหมึกอสูร
หากวิญญาณอมตะในร่างของราชาปลาหมึกอสูรสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน นั่นจะเป็นปัญหา
แต่ความเป็นไปได้มีอยู่ไม่มากนัก
ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจเสี่ยงดวง
‘ที่นี่เป็นส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ บางทีมันอาจอยู่ที่นี่’
ทันใดนั้นราชาปลาหมึกอสูรพลันเปิดเปลือกตาขึ้นและจ้องมองมาที่ฟางหยวนด้วยดวงตาคู่สีอำพัน
การแสดงออกของฟางหยวนไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่เขาเคลื่อนที่ผ่านราชาปลาหมึกอสูรไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ด้านหลังราชาปลาหมึกอสูรเต็มไปด้วยซากโครงกระดูกและเศษเนื้อที่เน่าเปื่อย
ราชาปลาหมึกอสูรปิดเปลือกตาลงในที่สุด
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น ‘มันอยู่ที่นี่! มีพลังงานแห่งเต๋าและร่องรอยของค่ายกลวิญญาณอยู่ที่นี่!’
เขากระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมากในมิติช่องว่างของตนเพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณ
ในไม่ช้าฟางหยวนก็พบร่องรอยของค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่ไม่สมบูรณ์เนื่องจากผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน
‘มีความเป็นไปได้สูงมากที่มรดกจะอยู่ในค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิตินี้ แต่หากข้าต้องการคลี่คลายมัน ข้าต้องกระตุ้นใช้วิญญาณครั้งใหญ่ มันอาจรบกวนราชาปลาหมึกอสูร แต่ข้าต้องเสี่ยงเท่านั้น...’
ฟางหยวนตัดสินใจคว้ากระดูกขึ้นมาหนึ่งชิ้นและล่าถอยออกไป
เมื่อเขาล่าถอยไปถึงจุดหนึ่ง เขากลับโจมตีราชาปลาหมึกอสูรอย่างกะทันหัน
การต่อสู้ที่ดุเดือดปะทุขึ้นทันที
ฟางหยวนต่อสู้พร้อมกับล่าถอย เมื่อเขาไปถึงปากถ้ำ เขากระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะกลับไปในส่วนลึกของถ้ำอีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ราชาปลาหมึกอสูรยังอยู่ที่ปากถ้ำ ฟางหยวนต้องต่อสู้กับเวลาเพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ
เมื่อราชาปลาหมึกอสูรและสมุนของมันไม่พบศัตรู พวกมันจึงกลับเข้าไปในถ้ำ
พวกมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขณะที่ฟางหยวนตระหนักถึงความซับซ้อนของค่ายกลวิญญาณเป้าหมาย
เพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอย่างสมบูรณ์แบบ เขาต้องใช้เวลาหลายเดือนในการทำสิ่งนี้