บทที่ 38 เปลี่ยนแผน
บทที่ 38 เปลี่ยนแผน
“พวกเรารอมาเนินนาน ในที่สุดเจ้าเด็กนั่นก็โผล่หัวออกมาเสียที!”
ผู้อาวุโสสิบหกกล่าวขึ้นมาด้วยความเดือดดาล ตัวมันต้องเสียเวลารอเวลาถึงสองเดือนเต็ม!
“พวกเรารีบจัดการให้เรียบร้อยเถอะ แค่รุ่นเยาว์เพียงผู้เดียวไม่ได้ยากลำบากอะไร”
ผู้อาวุโสสิบสี่กล่าวเสริมขึ้นมา ผู้อาวุโสทั้งสามระบุตำแหน่งของกุนไท่ได้ก่อนหน้านี้จึงรีบตามไป พวกมันติดอยู่ในเส้นทางนี้ไม่สามารถไปต่อได้ เพราะสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นทัศนียภาพรอบถ้ำ หรือหยกจิตวิญญาณนั้นขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคนที่ติดตัวกันมา
ทำให้ไม่สามารถเข้าไปในบททดสอบได้ พวกมันจึงเปลี่ยนจากเข้าหากุนไท่ให้กลายเป็นอีกฝ่ายเข้ามาหาแทน!
ขณะที่พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปหากุนไท่ ทันใดนั้นตำแหน่งของกุนไท่ก็หายไปอย่างฉับพลัน พวกมันแสดงสีหน้าที่งุนงงออกมา แต่กว่าที่พวกมันจะได้ครุ่นคิดเพื่อให้หายข้องใจ
พวกมันก็ได้พบกับกองทัพสัตว์อสูรที่มีจำนวนหลายร้อยตัว แม้ว่าพวกมันจะอ่อนแอแต่ด้วยจำนวนของมัน ก็นับว่าสร้างความรำคาญไม่น้อย!
และไม่เพียงเท่านั้น ทัศนียภาพรอบตัวเปลี่ยนเป็นเปลวไฟทุกอณู แม้จะไม่ได้ทำอันตรายต่อพวกผู้อาวุโสทั้งสามแต่อย่างใด แต่มันกลับทำให้พวกมันสูญเสียพลังปราณมากขึ้น เพราะวิสัยทัศน์ที่ทำให้พวกเขาต้องใช้พลังปราณส่วนหนึ่งคุ้มกาย เพื่อป้องกันอุณหภูมิความร้อนโดยรอบ
แต่สำหรับสัตว์อสูรนั้น พวกมันเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟทั้งหมด สัตว์อสูรธาตุไฟเหล่านี้ต่างเริงร่าในทะเลเพลิง ส่งผลให้พลังของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นจนน่าหวาดกลัว!
ที่สำคัญมันยังมีค่ายกล รวมถึงพลังมายาของกุนไท่ที่ทำให้เกิดภาพลวงตาขึ้น มันเป็นภาพที่สหาย หรือบุคคลในครอบครัวของพวกมันถูกสัตว์อสูรฆ่าตาย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ทั้งสามเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง และลืมเป้าหมายของตนเองไปอย่างชัดเจน
“ท่านแม่ ไม่นะ! หยุดเดียวนี้เจ้าพวกสัตว์เดรัจฉาน! ย้ากกกก ตายซะ!”
“หลานข้า อย่านะ ไม่! จะ...เจ้าพวกสัตว์เดรัจฉาน! ตายซะ ข้าจะแก้แค้นให้หลานชายข้า!”
แต่ละคนต่างคำรามออกมา เมื่อเห็นฉากที่ครอบครัวตนเองถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยพลังมายาของกุนไท่นั้นมันสมจริงเกินไป ทำให้พวกมันสูญเสียสติสัมปชัญญะไป ถูกครอบงำไปด้วยความโกธร และความเกลียดชัง!
ปัง!
ผู้อาวุโสสิบหกโจมตีใส่ภาพมายาสัตว์อสูรที่กุนไท่สร้างขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเหล่าสัตว์อสูรภาพมายาที่ถูกโจมตีนั้น กลับไม่ได้หายไปเหมือนมายาทั่วไป แต่กลับกลายเป็นศพของสัตว์อสูรที่เหมือนของจริงหนึ่งในเก้าส่วน
ด้วยพลังบ่มเพาะของผู้อาวุโสทั้งสาม แม้จะมีความผิดพลาดเพียงหนึ่งส่วน แต่กลับพบได้อย่างง่ายดาย! เพียงแต่ตอนนี้พวกมันเหล่านั้นกำลังเข้าสู้สภาวะบ้าคลั่งที่สูญเสียเหตุผลของตนเองไป จึงไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย
กองซากศพของเหล่าสัตว์อสูรที่มีทั้งจริง และไม่จริงนั้นมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สองวันผ่านไป ตอนนี้กองซากศพมีจำนวนเป็นพันตัวแล้ว ค่ายกลเริ่มรับไม่ไหวก่อนจะพังทลายลงมา
พวกผู้อาวุโสได้กลับคือสู่สภาวะปกติดั่งเช่นดั่งเดิม พวกเขาสูญเสียพลังปราณไปแปดในสิบส่วนแล้วทำให้รู้สึกอ่อนแรงและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
“บัดซบ! พวกเราถูกเจ้าเด็กนั้นปั่นหัวแล้ว ข้าจะฆ่ามัน!”
“มันต้องการหาที่ตาย! ข้าจะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ”
ผู้อาวุโสทั้งสามคำรามออกมาด้วยความโกรธอีกครั้ง พวกเขารู้สึกแค้นที่เสียรู้กับเด็กน้อยอายุไม่ถึงยี่สิบปี บังอาจมาถอนหงอกพวกมัน!
แต่มันสายไปแล้วสำหรับพวกเขาทั้งสาม เพราะตอนนี้กุนไท่ได้เข้าสู่ระดับหลอมรวมพลังเรียบร้อยแล้ว!
กุนไท่ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ภายในแหล่งกำเนิดของเขานั้นไม่ใช่จุดแสงดาวอีกต่อไป แต่มันรวมกันจนกลายเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง!
ขนาดของมันนั้นใหญ่กว่าปกติถึงสิบเท่า ซึ่งมีขนาดพอๆกับขั้นขยายพลัง แต่กุนไท่พึ่งจะทะลวงเข้าสู่ขั้นรวบรวมพลังเท่านั้น
แต่ก่อนที่กุนไท่จะหลบหนีไป ชายหนุ่มพลันสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่อ่อนลงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
กุนไท่เดินไปหาอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า ตอนนี้เขาเปลี่ยนแผนแล้ว ไม่เพียงจะไม่หนี แต่คิดจะสู้กับอีกฝ่ายแทน! ตอนนี้เขามั่นใจว่าสามารถสังหารทั้งสามลงได้ไม่ยากนัก สาเหตุที่พลังของอีกฝ่ายเหลือสองในสิบส่วน เพราะกลิ่นอายของเขาที่ข่มพลังของอีกฝ่าย ทำให้พวกมันอ่อนแอลงอย่างมาก
และที่สำคัญเขายังมีสมบัติสวรรค์อีกด้วย ซึ่งมันสามารถเพิ่มพลังของเขาได้ถึงสิบเท่า มันมากพอที่จะสามารถสู้กับขอบเขตผู้เยี่ยมยุทธ์ ขั้นต่ำได้ แต่หากเป็นสามคนเขาก็ไม่สามารถสู้ได้เพียงแต่ตอนนี้ สถานการณ์เกินความคาดหมายของกุนไท่ไปแล้ว ยามนี้ทั้งสามอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก เขามั่นใจว่าจะสามารถกำราบอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน!
พลันแหวนหยกของกุนไท่ส่องแสง พร้อมกับพลังต่อสู้ที่สูงมากขึ้นจนเทียบกับก่อนหน้านี้ไม่ติด เมื่อผู้อาวุโสทั้งสามสัมผัสได้ถึงพลังของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของพวกเขาเหล่านั้นบิดเบี้ยว พร้อมกับความรู้สึกหวาดกลัวกัดกินจิตใจโดยไว สัญชาตญาณของพวกเขาบอกว่าตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย
หากเป็นสภาพเต็มร้อย พวกเขาคงไม่แยแสแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาผนึกกำลังกันสามคนก็สามารถจัดการชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว
หนี!
ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ผู้อาวุโสยี่สิบเป็นคนแรกที่พุ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว อีกสองคนนั้นหน้าซีดทันที ก่อนจะรีบไล่ตามผู้อาวุโสยี่สิบไปด้วย!
“สายไปเสียแล้ว! หลังจากที่พวกเจ้าคิดจะสังหารข้า! คิดว่าข้าจะเมตตาต่อศัตรูหรือ? หึ! ไม่มีทาง!”
กุนไท่กล่าวอย่างสงบ พร้อมกับพุ่งไล่ตามไป แม้เขาจะยังเหาะไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญก็ตาม แต่เขาสามารถไล่ตาม เพื่อทำให้พลังของอีกฝ่ายหมดกลางคันได้!
“บัดซบ! เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจนัก! มันอยู่แค่ระดับหลอมรวมพลัง เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!”
ผู้อาวุโสสิบหกสบถออกมา ความเร็วของกุนไท่ตามพวกเขามาทัน เพียงแต่กุนไท่ยืนอยู่เฉยๆ ส่วนพวกมันอยู่บนฟ้าทำให้ไม่สามารถจัดการได้ กุนไท่ได้แต่รอให้อีกฝ่ายพลังปราณหมดไปเท่านั้น
หนึ่งชั่วยามต่อมา
“ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ! ข้าอายุมากแล้ว ข้าต้องดูแลบุตรหลานในตระกูล!”
ผู้อาวุโสสิบสี่ยอมแพ้เป็นคนแรก ก่อนจะลงมาที่พื้นพร้อมกับคุกเข่าลง และอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
“ใช่แล้ว วีรบุรุษน้อยอย่างท่านคงไม่มีจิตใจมืดดำทำกับชายชราผู้นี้หรอกใช่หรือไม่!”
ผู้อาวุโสยี่สิบกล่าวอ้อนวอนขึ้นมาเหมือนกัน พวกมันยอมทิ้งศักดิ์ศรี และเลือกรักษาชีวิตไว้
แต่ผู้อาวุโสสิบหกนั้นกลับแตกต่างจากผู้อื่น มันไม่ใช่แค่ไม่ยอมก้มหัว แต่กลับข่มขู่กุนไท่แทน
“หึ! หากเจ้ากล้าทำสิ่งใดกับข้าแล้วละก็! ราชวงศ์หย่งไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
กุนไท่รู้สึกตกใจอยู่บ้าง แท้จริงแล้วพวกมันมาจากราชวงศ์หย่งนี่เอง! ไม่น่าแปลกใจที่จะหองจองเช่นนี้ พวกมันเป็นถึงราชวงศ์ที่ปกครองเมืองต้าหวาง และจักรวรรดิหมิงเวย กุนไท่หันไปหาผู้อาวุโสสิบสี่กับผู้อาวุโสยี่สิบก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า
“หากข้าจะฆ่าตาเฒ่านี่ แล้วพวกท่านรอดโดยที่ทำข้อตกลงกับข้า พวกท่านยินดีหรือไม่?”