ตอนที่ 40 ฆาตกรคือใคร
ตอนที่ 40 ฆาตกรคือใคร
เดิมทีเซี่ยเจิ้งก็ไม่เคยดูถูกความสามารถในการสืบคดีของเซี่ยเหมี่ยวแต่เขายังอายุน้อยเกินกว่าจะเป็นศัตรูกับมู่อี้ แม้แต่ตัวเซี่ยเจิ้งเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้และทำได้เพียงกระแอมไอออกมาเท่านั้น เจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยผู้นี้มาจากที่ไหนกันพวกเขาไม่อาจทราบได้เลยและเด็กหนุ่มคนนี้ยังฉลาดทั้งในด้านการพูดและการกระทำจนเหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เขาดูไม่ใช่เด็กแต่เป็นเหมือนคนแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน
"ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อนไป" เซี่ยเจิ้งมองไปที่เซี่ยเหมี่ยวด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม ถ้าหากมู่อี้เป็นคนที่มีภูมิหลังใหญ่โตและมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงเซี่ยเจิ้งคงไม่ทำแบบนี้แน่นอน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงใช้คำเยินยอเพียงแค่ไม่กี่คำก็สามารถเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายได้แล้ว
แต่มู่อี้ไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ต่างจากชายชราที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาในชีวิตจนเขี้ยวลากดิน แม้ว่ามันจะฟังดูเหลือเชื่อแต่มู่อี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ประสบการณ์ของเด็กหนุ่มคนนี้คงไม่ใช่แค่ปีเดียวหรือสองปีอย่างแน่นอน มีคนมากมายในโลกใบนี้ที่แม้จะมีชีวิตอยู่มานานหลายปีแต่ก็ยังเหมือนเป็นมือใหม่อยู่เสมอ
ในสายงานของเขานี้จำเป็นต้องใช้พรสวรรค์อยู่ด้วยเช่นกันแต่เซี่ยเจิ้งเห็นว่ามู่อี้ไม่เหมือนกับคนที่ทำงานในสายสืบคดีหรือชันสูตรศพเลย กลับกันเขาดูสะอาดและบริสุทธิ์ราวกับว่าคนที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับความรุนแรงมาก่อนในชีวิต เรื่องนี้ทำให้เซี่ยเจิ้งรู้สึกงงด้วยเหมือนกันดังนั้นเขาจึงเตือนเซี่ยเหมี่ยวเอาไว้ก่อน
แม้ว่าเซี่ยเหมี่ยวจะมีความรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อยแต่เขาก็เห็นท่าทีที่ท่านลุงแสดงออกเป็นอย่างดี เขารู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย พูดก็พูดเถอะชีวิตนี้เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้นสิ่งเดียวที่เขากลัวนั่นก็คือท่านลุงของเขา เขารู้สึกทั้งเคารพและหวาดกลัวท่านลุงอยู่เสมอ
"ท่านนักพรตเต๋า ข้าผิดไปแล้ว ข้าอาจจะล่วงเกินท่านไปบ้างโปรดอภัยให้ข้าด้วย" เซี่ยเหมี่ยวรีบสงบสติอารมณ์ของตนเองในตอนนี้และพูดออกไปทันที
มู่อี้ยิ้มเล็กน้อยและโบกมือให้กับซูจินหลุนเก็บรูปภาพกลับไป ความจริงแล้วไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวแม้แต่ซูจินหลุนก็ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายด้วยเช่นกันไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่ส่งสัญญาณมือขึ้นมาให้ซูจินหลุนอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาเองจะรู้สึกไม่พอใจเซี่ยเหมี่ยวด้วยก็ตาม
การล่วงเกินผู้พิพากษาของมณฑลคงจะสร้างปัญหาให้กับเขาอย่างแน่นอน
ลูกเขยของเผิงซ่งหลายเป็นถึงผู้พิพากษาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เขาย่อมเป็นคนที่มีทั้งความสามารถและพลังอำนาจ หลังจากได้ดำรงตำแหน่งนี้มายาวนานถึง 5 ปีนั้นทุกๆคนล้วนทราบถึงพลังอำนาจของเขาเป็นอย่างดี
แม้ว่าตระกูลซูจะมีอำนาจมากแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่สามารถล่วงเกินอีกฝ่ายได้เลย
หากฆาตกรเป็นคนอื่นย่อมไม่เป็นไร แต่เมื่อเรื่องนี้ยืนยันได้แล้วผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดคิดได้ มันเท่ากับการเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวภายในตระกูล ไม่เพียงแต่เผิงซ่งหลายที่อยู่ที่นี่จะกลายเป็นคนไร้ยางอายแต่มันยังเป็นการตบหน้าผู้พิพากษาของมณฑลนี้ด้วยมือของเขาอีกด้วย
น้องสะใภ้ของผู้พิพากษาเป็นฆาตกรที่บ้าคลั่งลอกหนังมนุษย์ซึ่งอาจจะส่งผลถึงพี่สาวของนางด้วยเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าฆาตกรในคดีนี้จะเป็นลูกสาวคนเล็กของเผิงซ่งหลายจริงๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจเปิดเผยออกไปได้
เมื่อรู้แบบนี้เซี่ยเหมี่ยวก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยไม่อย่างนั้นเขาอาจทำให้ท่านผู้พิพากษาไม่พอใจขึ้นมาได้และเขากับท่านลุงของเขาคงทำได้เพียงหนีออกไปจากมณฑลแห่งนี้เท่านั้น
แต่เป็นเพราะมู่อี้เข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เซี่ยเหมี่ยวจึงเห็นความหวังอันริบหรี่ที่อาจทำให้คดีนี้คลี่คลายลงไปได้และถ้าหากมู่อี้ยังคงยืนกรานในเรื่องนี้พวกเขาทั้งสองคนลุงหลานคงไม่สามารถขอถอนตัวจากคดีนี้ได้อย่างแน่นอน
แต่เขาก็ไม่คิดว่าซูจินหลุนหรือมู่อี้จะมีความสามารถเทียบเท่ากับพวกเขาสองลุงหลานได้ การขยับก้อนหินใหญ่ไม่เพียงแต่จะทับนิ้วเท้าของตนเองเท่านั้นแต่ยังทำให้พื้นดินที่อยู่รอบๆต้องมีการเคลื่อนไหวไปด้วย
ถ้าหากมู่อี้บอกเรื่องคดีทั้งหมดกับกับเผิงซ่งหลาย เมื่อถึงตอนนั้นแล้วคงถึงจุดจบของพวกเขาทั้งสองคนอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้แบบนี้เซี่ยเหมี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมาทันที ใบหน้าของเขาซีดขาวและหน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขารู้สึกว่าตนเองขาอ่อนไปในทันทีและเข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ท่านลุงของเขาจึงมีสีหน้าแบบนั้น
"เจ้าโง่เอ้ย หลบออกไปซะอย่ามาขวางทาง" เซี่ยเจิ้งเห็นว่ามู่อี้ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาดังนั้นเขาจึงเตะไปที่ก้นของเซี่ยเหมี่ยวและพูดออกมาแบบนี้ทันที เซี่ยเหมี่ยวล้มลงไปที่พื้นและบ่นพึมพำออกมา
มู่อี้เห็นการแสดงของลุงหลานคู่นี้ ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกโกรธเซี่ยเหมี่ยวเลย เซี่ยเหมี่ยวถือเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง อย่างน้อยอีกฝ่ายก็สามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล แต่เพราะหลักฐานทั้งหมดในตอนนี้ชี้ชัดไปที่ลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่เผิงอย่างแม่นยำ
แต่มู่อี้ก็รู้ว่าฆาตกรต้องเป็นคนอื่น!
แม้ว่าเขาไม่เห็นว่าเป็นใครในภาพลวงตาก่อนหน้านี้แต่มู่อี้ก็ไม่คิดว่าลูกสาวคนเล็กของเผิงซ่งหลายจะเป็นฆาตกรที่ทำเรื่องนี้ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงเป็นคนโง่ที่สุดในโลกแน่นอน
ถ้าหากฆาตกรคือลูกสาวคนเล็กของเผิงซ่งหลายจริงๆ นางจะทำเรื่องแบบนี้ไปทำไม? ต้องโง่แค่ไหนถึงจะฆ่าสามีภายในบ้านตนเองและยังอยู่ในห้องที่ปิดตายจากด้านใน? และยังทิ้งร่องรอยเอาไว้จนตามสืบได้ว่าตนเองคือฆาตกร?
แม้ว่าเซี่ยเหมี่ยวจะเป็นคนฉลาดแต่วิสัยทัศน์ของเขาก็ไม่ได้ดีมากเท่าไหร่เพราะเขาไม่สามารถมองภาพรวมของคดีนี้ออกได้
แต่เป็นเซี่ยเจิ้งที่คิดเรื่องนี้ได้ก่อนเพราะเขาอาจเคยผ่านคดีแบบนี้มาครั้งหรือสองครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่ได้เตือนหลานชายของตนเองตั้งแต่แรกและปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามความคิดของตัวเองไปก่อน ตราบใดที่เขายังอยู่ที่นี่เรื่องต่างๆก็ยังแก้ไขได้เสมอ
"ท่านนักพรตเต๋า ข้าต้องขอโทษด้วยนะ หลานชายของข้าเป็นคนดีแค่โง่ไปหน่อยเท่านั้น ฆาตกรของคดีนี้เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นคนอื่น" เซี่ยเจิ้งพูดออกมาตรงๆ
"ท่านคิดว่าใครหรือขอรับ?" มู่อี้ก็ถามกลับไปทันที
"เรื่องนี้ข้าเองก็ยังไม่ทราบ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฆาตกรต้องกำลังเล่นตลกกับจิตใจของพวกเราแน่นอน" เซี่ยเจิ้งส่ายศีรษะและในขณะเดียวกันก็โยนปัญหาเรื่องนี้ให้กับมู่อี้ เขากำลังพูดประมาณว่าตนเองไม่สามารถรับมือกับคดีนี้ได้และต้องให้ท่านนักพรตเต๋าช่วย
"ฆาตกรย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ข้าไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหรือไม่หรืออาจจะเป็นพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณนี้?" มู่อี้ถามกลับไป เขาพยายามถามหาเบาะแสโดยเร็วที่สุดและเซี่ยเจิ้งจะต้องมีความรู้มากกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน
"ถ้าหากไม่นับเรื่องคดีคนหายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็มีคดีฆาตกรรมมากมายที่เกิดขึ้นแต่ฆาตกรที่โหดเหี้ยมจนถลกหนังมนุษย์เช่นนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนอย่างน้อยก็ในเมืองนี้และบริเวณใกล้เคียง" เซี่ยเจิ้งพูดยืนยันกลับมา แต่เขาก็พูดต่อไปว่า "แน่นอนว่าถ้าหากฆาตกรทำการฝังศพหลังจากถลกผิวหนังออกไปแล้วเรื่องนี้ข้าก็ไม่อาจทราบได้"
"อย่างนั้นแล้วทำไมฆาตกรถึงต้องถลกหนังเหยื่อด้วย? หรือว่ายังมีเป้าหมายอื่นนอกจากความอาฆาตพยาบาท?" มู่อี้มองไปที่เซี่ยเจิ้งและถามขึ้นมาทันที
"เรื่องนี้ ... ข้าเองก็ไม่ทราบได้ ท่านอาจจะต้องคาดเดาเองแล้วขอรับท่านนักพรตเต๋า" เซี่ยเจิ้งตอบกลับมาเห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเขาดูไม่ค่อยพึงพอใจมู่อี้สักเท่าไหร่
"ข้าแค่ต้องการถามความเห็นของท่านเท่านั้นขอรับ" มู่อี้พูดกับเซี่ยเจิ้งที่มีสีหน้าที่ดูอับอายในตอนนี้ และยังมีรอยยิ้มที่ไม่เหมาะสมบนใบหน้าของซูจินหลุนอีกด้วย
"แต่ท่านก็พูดถูกเรื่องที่ว่าฆาตกรไม่ใช่ลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่เผิงอย่างแน่นอน ต้องเป็นคนอื่น" มู่อี้พูดออกมาทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่อี้สายตาของเซี่ยเหมี่ยวก็แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมลุงสามของเขากับมู่อี้ถึงมั่นใจเรื่องนี้แต่ในตอนนี้เขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้และทำได้เพียงนิ่งเงียบและรับฟังเท่านั้น