ตอนที่ 4 เจ้าของร้านขายเงินกระดาษ
ตอนที่ 4 เจ้าของร้านขายเงินกระดาษ
"ปัง ปัง!"
• ····
"หืม!"
มู่อี้รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าจะมีความลับอยู่ใต้โลงศพนี้จริงๆด้วย
หลังจากนั้นมู่อี้ก็ใช้ขวานสับลงไปที่โลงศพทันที เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้โลงศพนี้สีหน้าของเขาดูไม่ดีเท่าไหร่นัก
ใต้โลงศพมีหลุมเล็กๆที่มีถ้วยใส่สุราขนาดใหญ่ประมาณฝ่ามือและลึก 2 นิ้วมือ ภายในถ้วยสุรามีเศษอะไรบางอย่างสีม่วงคล้ำและส่งกลิ่นเหม็นออกมา ใต้โลงศพนี้มีหลุมเล็กๆถึง 9 หลุมและ 2 หลุมที่อยู่ตรงกลางมีอักขระอะไรบางอย่างสีดำที่เขียนเชื่อมต่อหลุมเล็กๆทั้ง 9 เอาไว้
แม้ว่ามู่อี้จะไม่ได้ฉลาดมากนักแต่เขาก็รู้ว่านี่คือต้นตอของเรื่องทั้งหมดแน่นอนและโลงศพเขาซื้อมาจากร้านขายโลงศพในเมืองเล็กๆที่อยู่ใต้ภูเขาแห่งนี้
ในเมืองนั้นมีร้านขายโลงศพแค่ร้านเดียวเท่านั้น แต่หลายปีที่ผ่านมาเจ้าของร้านขายโลงศพนั้นซื่อสัตย์อยู่เสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มู่อี้ไม่เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อนเลย โลงศพไม้หลิวแดงนี้เจ้าของร้านก็เป็นคนแนะนำให้กับเขา โดยบอกว่าเพราะเขาเป็นนักพรตลัทธิเต๋าจึงขายให้ในราคาถูก
เมื่อคิดแบบนี้เขาก็เข้าใจทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้นมาทันที
มู่อี้และนักพรตเฒ่าเดินทางด้วยกันมานานหลายปีและตลอดการเดินทางนั้นพวกเขาไม่เคยเชื่อคำพูดของพวกพ่อค้าเลย พ่อค้าส่วนใหญ่เป็นพวกหน้าซื่อใจคดกันทั้งนั้น เพราะท่านปู่ของเขาตายไปมู่อี้ที่อยู่ในอารมณ์โศกเศร้าจึงไม่ได้ระวังเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะโดนหลอกเข้าเต็มๆ
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่มู่อี้ก็ยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะความประมาทของเขาท่านปู่คงได้จากไปอย่างสงบแล้ว
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่นานมู่อี้ก็ลงจากภูเขาไปพร้อมกับขวานในมือของเขา
เขาสวมเสื้อคลุมโทรมๆแต่ก็ทำความสะอาดมาแล้ว เส้นผมของเขาดูยุ่งเหยิงและชี้ฟู สีหน้าของเขาดูเย็นชาในขณะที่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครเขาจะต้องให้มันชดใช้ด้วยชีวิต. .
เมืองเล็กๆแห่งนี้มีขนาดประมาณ 1,000 ก้าวเมื่อเดินจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก ผู้คนมากมายและพ่อค้าที่อยู่ในเมืองนี้ต่างก็คุ้นเคยกันทั้งนั้น ในตอนนี้เมื่อมู่อี้เดินเข้ามาในเมืองสายตาที่ดูน่ากลัวของเขาก็ทำให้ทุกๆคนต้องหลีกทางให้ทันที
ความจริงแล้วมู่อี้เองก็ลงจากภูเขามาหลายครั้งแล้ว ผู้คนมากมายเห็นเขาลงมาจากภูเขาและแบกโลงศพกลับขึ้นไป จากนั้นก็กลับมาซื้อของมากมายหลายอย่างจนทุกๆคนต่างก็รู้สึกสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร
มีคนประมาณ 3-5 คนกำลังแอบตามมู่อี้มาในตอนนี้
มู่อี้ตรงมาที่ร้านขายโลงศพแต่ประตูร้านถูกปิดเอาไว้ เขาจึงใช้ขวานในมือสับไปที่กลอนประตูทันทีจากนั้นก็ใช้ร่างกายของตนเองกระแทกประตูเข้าไป
มีโลงศพจำนวนหนึ่งอยู่ในร้านขายโลงศพแห่งนี้ มีโลงศพหลังหนึ่งที่ยังสร้างไม่เสร็จดีและดูกระจัดกระจายเล็กน้อย มู่อี้เดินไปทั่วร้านขายโลงศพแต่ก็ไม่เจอใครเลย ดูเหมือนว่าทุกๆคนจะออกจากที่ไปหมดแล้ว
มู่อี้พยายามสงบสติลง ถ้าเขาจำไม่ผิดร้านขายโลงศพแห่งนี้น่าจะมีคนอยู่ 2 คน คนแรกคือเจ้าของร้านและอีกคนคือลูกจ้าง เจ้าของร้านเป็นชายที่มีอายุประมาณ 50 ปีและดูอ่อนแอ ส่วนลูกจ้างมีอายุประมาณ 20 ปีและพูดสำเนียงภาษาถิ่น
ตอนนี้ข้าวของในร้านกระจัดกระจายทั้งหมด ของมีค่าที่มู่อี้ได้เห็นก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วยเช่นกัน ในห้องครัวก็เหลือเพียงอาหารที่กินเหลือเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยู่ในร้านค้านี้มาหลายวันแล้ว
หลังจากได้ข้อมูลพวกนี้มามู่อี้ก็วางขวานในมือของเขาลงและเดินออกจากร้านไปหาชาวเมืองที่อยู่ภายนอก เขาเดินออกมาด้วยดวงตาสีแดงก่ำและใบหน้าโศกเศร้า "ท่านผู้อาวุโสขอรับ ลุงเจ้าของร้านขายโลงศพแห่งนี้ได้หลอกขายโลงศพเก่าให้แก่ข้า ตอนนี้ข้าไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ใด ถ้าหากว่ามีผู้ใดรู้ว่าเจ้าของร้านขายโลงศพแห่งนี้อยู่ที่ใดข้าจะรู้สึกขอบคุณมาก"
มู่อี้ไม่ได้พูดความจริงไปทั้งหมดเพราะเขารู้ว่าคนส่วนใหญ่คงไม่อยากเข้ามายุ่งกับปัญหาของคนอื่นแน่นอน เขากล่าวโทษเจ้าของร้านขายโลงศพด้วยสีหน้าที่ดูโศกเศร้า
การแสดงที่ดีเยี่ยมของเขาบวกกับผิวที่ขาวสะอาดทำให้ทุกๆคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็รู้สึกเห็นใจ
"ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่า หลี่เฉียจื่อ มันปิดร้านไปไหน ที่แท้เขาก็หลอกลวงคนอีกแล้ว"
"ตั้งแต่อาซ้อที่ซื่อสัตย์และยุติธรรมตายไป ไม่คิดเลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้"
"ข้าเห็นหลี่เฉียจื่อ ตอนบ่ายของเมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะปิดร้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้วนะ"
"โถ นักพรตเต๋าน้อยผู้น่าสงสาร"
แม้ว่ามู่อี้จะไม่รู้เบาะแสว่าเจ้าของร้านขายโลงศพหนีไปที่ไหนแต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่านิสัยของเจ้าของร้านขายโลงศพนั้นเป็นอย่างไร
เจ้าของร้านขายโลงศพแห่งนี้มีชื่อว่าหลี่เฉียจื่อ เขาเคยเป็นคนที่ใจดีและซื่อสัตย์ เขาซื้อร้านขายโลงศพแห่งนี้ต่อจากเจ้าของเดิมมาเมื่อ 2 ปีก่อน ไม่มีใครรู้ประวัติที่แท้จริงของเขาและเขาจะมีเด็กรับใช้ที่เหมือนกับลูกน้องอยู่คนหนึ่งติดตามไปด้วยในทุกที่
"นักพรตเต๋าน้อย หากข้าบอกเรื่องนี้กับท่าน ท่านจะมีอะไรตอบแทนข้าบ้างหรือเปล่า" มีใครคนหนึ่งพูดแทรกเข้ามา
มีเสียงแทรกขึ้นมาจากด้านหลังของทุกๆคนที่ยืนมุงดูอยู่ทันที
ทุกคนหันไปมองพร้อมๆกันและจากนั้นก็ก้าวถอยหลังไปพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ดูรังเกียจออกมา
มู่อี้รู้ว่าชายคนนี้คือเจ้าของร้านขายเงินกระดาษที่อยู่ตรงข้ามร้านขายโลงศพแห่งนี้ เงินกระดาษที่เขาใช้เผาไปให้ท่านปู่ก็ซื้อมาจากร้านนี้ซึ่งมันมีราคาแพงมาก
ชายคนนี้เป็นคนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นสิ่งที่เด่นชัดที่สุดบนใบหน้าของเขาก็คือฟันหน้าสีเหลืองขนาดใหญ่ เขาดูมีอายุประมาณ 40 ปี มีรูปร่างผอมเพรียวและมือของเขาซ่อนเอาไว้ใต้แขนเสื้อ ดูจากสายตาของทุกๆคนที่มองตรงไปที่เขาแล้วดูเหมือนว่าชื่อเสียงของเขาในตลาดแห่งนี้จะไม่ค่อยดีนัก
มู่อี้ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังหรือมีความรู้สึกไม่ดีต่อเจ้าของร้านคนนี้เพราะท่านปู่ของเขาเคยสอนว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอก และเงินกระดาษที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้ก็ถือว่ามีคุณภาพดี
มู่อี้เคยเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมของคนตายมามากและเงินกระดาษที่มีคุณภาพดีขนาดนี้ในอดีตเขาเคยเห็นคนทำได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ชายคนนี้มีชื่อว่าหวูคุยสื่อและจากที่ท่านปู่บอกกับเขาดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่แปลกประหลาดด้วยเช่นกัน
มู่อี้เงียบไปอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ถอดจี้หยกที่ติดตัวเขามาโดยตลอดออกมาจากลำคอด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดใจ เขายื่นมันออกไปตรงหน้าทุกๆคนและพูดว่า "ท่านยายของข้ามอบจี้หยกนี้เอาไว้ให้ข้าในตอนที่ท่านตายไป ท่านยายของข้าทำงานเป็นหญิงรับใช้ภายในวังมาตั้งแต่เด็ก จี้หยกชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ท่านขุนนางเจ้าของวังมอบให้ท่านยายข้า"
"เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า กล้าซ้ำเติมคนอื่นในยามที่เขาเผชิญกับโชคร้าย เดิมทีนักพรตน้อยคนนี้ก็น่าสงสารมากอยู่แล้ว เจ้ายังกล้าช่วงชิงของมีค่าไปจากเขาอีก"
"ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะว่าเจ้ามันขาดคุณธรรม"
"มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ"
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่อี้ทุกๆคนก็รีบเข้ามาช่วยเหลือเขาทันที พวกเขาระเบิดความโกรธที่มีใส่เจ้าของร้านขายเงินกระดาษ ไม่ต้องพูดถึงมูลค่าของจี้หยกที่ขุนนางเจ้าของวังมอบให้เลยแต่จี้หยกอันนี้ยังเป็นของดูต่างหน้าที่ยายของนักพรตน้อยคนนี้ทิ้งเอาไว้
"นักพรตน้อย ข้าจะมั่นใจได้เช่นไรว่าท่านจะไม่โกหก? หากว่าท่านมีของล้ำค่าแบบนี้อยู่ในตัว ทำไมยังโดนหลี่เฉียจื่อหลอกขายโลงศพปลอม?" เจ้าของร้านขายเงินกระดาษไม่สนใจคำพูดด่าทอของทุกๆคนที่อยู่ที่นี่และพูดกับมู่อี้
"ข้าย่อมให้ท่านตรวจสอบจี้หยกของข้าก่อน หากสิ่งที่ท่านพูดมามีประโยชน์จริงๆ พวกเราค่อยมาตกลงเรื่องนี้กันภายหลัง" มู่อี้ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ
ความจริงแล้วสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่การโกหกทั้งหมด จี้หยกอันนี้มู่อี้ได้มาจากวังจริงๆ เขาใช้เงิน 12 เหรียญเงินซื้อมาจากขันทีเฒ่าคนหนึ่ง และเขาไม่กลัวเลยถ้าอีกฝ่ายตรวจสอบ
เจ้าของร้านขายเงินกระดาษรับจี้หยกไปตรวจสอบทันที เขาสวมถุงมือหนาคู่หนึ่งและข้อมือของเขาดูขาวนวลอย่างแปลกประหลาด
ในขณะที่เขากำลังตรวจสอบจี้หยกอยู่นั้น มู่อี้ก็จ้องมองไปที่ข้อมือของชายคนนี้อย่างไม่คลาดสายตา