ตอนที่ 38 เป็นคน? หรือเป็นวิญญาณ?
ตอนที่ 38 เป็นคน? หรือเป็นวิญญาณ?
มู่อี้ตื่นขึ้นมาทันทีพร้อมกับเหงื่ออันเย็นเยียบทั่วร่างกายของเขา เขาสูดหายใจเข้าไปลึกๆความตื่นตระหนกและความกดดันในใจก็หายไปเล็กน้อย
เพียงแต่ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาเห็นภาพทุกอย่างได้อย่างชัดเจนและไม่คิดว่ามันคือภาพลวงตา มันคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆที่นี่ก่อนหน้านี้และแม้แต่สัญชาตญาณของมู่อี้ก็บอกเขาว่าสิ่งที่เขาเห็นทุกอย่างก่อนหน้านี้นั้นมันคือความจริง
แม้ว่าเขาจะได้เห็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบแต่สิ่งที่มู่อี้มั่นใจได้ก็คือฆาตกรผู้นี้ไม่ใช่ภูตผีวิญญาณแต่เป็นมนุษย์
"นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกข้าอย่างนั้นหรือขอรับ? โปรดวางใจเถอะข้าจะตามหาตัวฆาตกรให้พบแน่นอน" มู่อี้กล่าวขึ้นมาทันทีพร้อมกับมองไปที่ศพที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อมู่อี้พูดขึ้นมาแบบนี้ทุกๆคนที่อยู่ภายในบ้านก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที พวกเขารู้สึกได้ว่าตนเองกำลังขนลุกอยู่โดยเฉพาะซูจินหลุนที่อยู่ข้างๆมู่อี้ เขาเห็นด้วยตาตัวเองเลยว่ามู่อี้กำลังพูดคุยกับศพในตอนนี้
แม้ว่าเขาจะเคยเห็นภูตผีวิญญาณมาก่อนแต่ไม่ว่ายังไงซูจินหลุนก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
เผิงซ่งหลายและซูจงซานก็หันมามองหน้ากันทันที แม้ว่าสีหน้าของพวกเขาจะดูตกตะลึงแต่ก็ยังดูดีกว่าเมื่อเทียบกับซูจินหลุน
คนเดียวที่ไม่ได้ดูหวาดกลัวเลยก็คือซ่งฉีแต่จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาว่า "ดูสิ ดูสิ กล้ามเนื้อของเขาเริ่มคลายตัวลงไปแล้ว"
เสียงตะโกนของซ่งฉีทำให้เผิงซ่งหลายและซูจงซานรีบหันไปมองทันที สำหรับซูจินหลุนนั้นเขารู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้ามองไปที่ศพในตอนนี้
เมื่อซ่งฉีพูดออกมานั้น กล้ามเนื้อที่ดูรัดเกร็งของศพก็เริ่มผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจนราวกับว่าก่อนหน้านี้เขายังมีชีวิตอยู่และลมหายใจสุดท้ายเพิ่งจะออกจากร่างเขาไปเมื่อครู่นี้
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็คือศพทำไมถึงยังดูมีเหมือนกับมีชีวิต? หรือว่าจะเป็นวิญญาณจริงๆ? และมู่อี้ก็เพิ่งจะพูดคุยกับวิญญาณไปก่อนหน้านี้?
เมื่อคิดแบบนี้เผิงซ่งหลายก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังกลับไปทันที ซูจงซานที่อยู่ข้างๆเขาก็หน้าซีดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สีหน้าของเขายังดูดีกว่าเมื่อเทียบกับเผิงซ่งหลาย
"มันเหลือเชื่อ มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว" ซ่งฉียังคงบ่นพึมพำ จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นมาและมองมาที่มู่อี้สายตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงของศพก่อนหน้านี้ต้องเกี่ยวข้องกับคำพูดของมู่อี้อย่างแน่นอน
ซ่งฉีต้องดูแลจัดการศพมาตลอดทั้งชีวิตของเขาและเขาได้พบเจอกับเรื่องที่แปลกประหลาดผิดธรรมชาติไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งในชีวิตนี้ ดังนั้นสภาพจิตใจของเขาจึงดีกว่าคนอื่นๆมากและความรู้ในเรื่องเหนือธรรมชาติของเขาก็มากกว่าคนทั่วๆไปด้วยเหมือนกัน
ในตอนนี้มู่อี้ได้กลายเป็นคนที่พิเศษในสายตาของเขาอย่างสมบูรณ์และเขาก็ไม่เคยดูถูกที่มู่อี้ยังอายุน้อยเลย
มู่อี้ยังคงใช้ความคิดอยู่ในตอนนี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงวิญญาณใดๆที่อยู่ในศพตรงหน้านี้ดังนั้นจึงบอกได้ว่าฆาตกรไม่ใช่วิญญาณแน่นอน นอกจากนี้สิ่งที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้ยังทำให้เขาได้รับรู้อะไรบ้างอย่างด้วยเหมือนกัน
ความจริงแล้วมู่อี้ก็ทราบคำตอบดีอยู่แล้วแต่มันยากมากที่จะตามหาตัวฆาตกรได้เพราะฆาตกรนั้นไม่ได้ทิ้งเบาะแสใดๆไว้เลยและแม้แต่มู่อี้เองก็ไม่สามารถหาความผิดปกติที่อยู่ในศพที่อาจระบุถึงตัวฆาตกรได้เลย
สิ่งที่มู่อี้รู้สึกสงสัยมากที่สุดก็คือ ทำไมฆาตกรถึงเลือกคนคนนี้? เขามีอะไรที่แตกต่างไปจากคนอื่นหรือไม่? เมื่อเป็นแบบนี้มู่อี้ก็นึกย้อนไปถึงความทรงจำต่างๆที่เกิดขึ้นในวันแต่งงานของชายคนนี้ก่อนหน้านี้
"เถ้าแก่เผิงขอรับ ท่านมีรูปภาพของชายคนนี้หรือไม่?" มู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปถามเผิงซ่งหลาย
"ภาพหรอ? มีสิ มีสิ แม้ว่าลูกสาวคนเล็กของข้าจะอยู่แต่ในบ้านแต่นางก็ชื่นชอบการวาดรูปแต่รูปที่นางวาดไว้นั้นก็มีอยู่มากมาย ข้าจะส่งคนไปนำรูปวาดของเขามาจากห้องของนางเดี๋ยวนี้แหละ" เผิงซ่งหลายได้ยินที่มู่อี้ถามก็รีบตอบกลับมาทันที
"ไม่ต้องหรอกขอรับ ข้าอยากจะไปดูรูปวาดในห้องนั้นด้วยตัวเอง เถ้าแก่เผิงเพียงแค่ให้เจ้าหน้าที่นำทางข้าไปก็พอขอรับ" มู่อี้ตอบกลับมาตรงๆ
ที่นี่ไม่มีเบาะแสอะไรเลยด้วยซ้ำ ความหวังสุดท้ายของมู่อี้คือการหาเบาะแสอะไรบางอย่างให้เจอจากห้องนั้นแต่นี่ก็เป็นเพียงความหวังสุดท้ายเท่านั้น
ดูจากตำแหน่งของซ่งฉีและการทำงานของเขาแล้วฝีมือในการตรวจสอบของชายคนนี้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอนและเจ้าหน้าที่อีกสองคนที่มาช่วยตรวจสอบภายนอกก็ดูไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างก็ผ่านประสบการณ์มามากมาย นี่ไม่ใช่การแข่งขันที่ว่าฝ่ายไหนจะประสบความสำเร็จก่อนกันดังนั้นมู่อี้จึงพร้อมที่จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนถ้าหากมันจะทำให้คดีสังหารที่เกิดขึ้นในตอนนี้คลี่คลายลงไปได้
"ได้สิ ข้าจัดการเรื่องนี้ให้เอง" เผิงซ่งหลายพยักหน้าทันทีโดยไม่ลังเล ในตอนนี้เขามั่นใจในตัวมู่อี้เป็นอย่างยิ่ง ตราบใดที่เขาสามารถตามหาตัวฆาตกรได้อย่าว่าแต่เจ้าหน้าที่เลยถ้าหากเขาพอจะช่วยอะไรได้เขาก็พร้อมที่จะช่วยอย่างเต็มที่
หลังจากนั้นเผิงซ่งหลายก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ 2 คนนำทางมู่อี้ไปทันที แต่ในตอนนี้เขาและซูจงซานไม่ได้ตามไปด้วย เพราะทั้งสองคนนั้นแก่ชรามากแล้วและการเดินไปไหนไกลๆคงไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาแน่นอน เพียงแค่เข้าไปในห้องเก็บศพก็ถือว่าพวกเขามีความกล้าหาญมากแล้ว
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนดูเหมือนจะมีความเคารพต่อมู่อี้มาก เผิงซ่งหลายจะต้องพูดอะไรกับพวกเขาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอนและแม้แต่ซ่งฉีก็ตามหลังมู่อี้มาในตอนนี้ มู่อี้กลายเป็นเหมือนผู้นำของการตรวจสอบคดีฆาตกรรมครั้งนี้และเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนต่างก็รู้สึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เพราะพวกเขาต่างก็ทราบดีว่าซ่งฉีคือใคร แม้ว่าตำแหน่งของซ่งฉีจะไม่ได้สูงมากแต่ชายคนนี้ก็เป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงและทุกๆคนต่างก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ดูทะนงตนอยู่เสมอ การทำให้คนอย่างซ่งฉียอมรับได้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนต่างก็สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องก่อนหน้านี้
แต่ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้พวกเขาต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
นอกจากซ่งฉีแล้วซูจินหลุนก็ตามมู่อี้มาด้วยเหมือนกัน สำหรับเขาแล้วนี่เป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้
ไม่นานหลังจากนั้นด้วยการนำทางของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนมู่อี้มาถึงห้องที่เขาต้องการอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปในห้อง มู่อี้ก็เห็นว่าแท่งเทียนที่อยู่บนโต๊ะนั้นเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นและการตกแต่งของห้องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมากจริงๆ เขาเคยเห็นมันมาก่อนในภาพลวงตาก่อนหน้านี้
ตรงพื้นบริเวณข้างเตียงนั้นเต็มไปด้วยปูนขาวมากมายที่โรยเอาไว้เพื่อปกปิดคราบเลือดที่อยู่บนพื้น เตียงก็ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าสีขาวผืนใหญ่ เครื่องเรือนชิ้นอื่นๆที่อยู่ภายในห้องนี้ต่างก็ถูกย้ายออกไปหมดแล้ว
ห้องนี้ตั้งอยู่บนชั้น 2 มีหน้าต่างกว้างและไม่มีสิ่งใดกีดขวาง สามารถมองเห็นสระน้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะภายในสวนหลังบ้านได้โดยตรง
"พี่ชายทั้ง 2 ท่าน พวกท่านได้พบเบาะแสอะไรในห้องนี้บ้างหรือไม่ขอรับ?" มู่อี้มองไปที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนและพูดออกมาทันที ทั้งสองคนนี้ดูแตกต่างกันมาก คนหนึ่งสูงส่วนอีกคนเตี้ย คนหนึ่งดูมีอายุอีกคนอายุน้อย
คนที่ยังอายุน้อยนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่ดูมีอายุประมาณ 20 ปี ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา เมื่อมองเขาแล้วมันทำให้มู่อี้นึกถึงนกอินทรีขึ้นมาทันที
ชายร่างเตี้ยนั้นดูมีอายุที่ใกล้เคียงกับซ่งฉี ไม่ว่าจะเดินหรือทำอะไรก็ตามหลังของเขาจะเอนไปข้างหน้าอยู่เสมอ บริเวณดวงตาของเขามีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่ดูไม่มีพิษภัยใดๆ แต่มู่อี้ก็ไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพราะรูปลักษณ์ภายนอก
ดูเหมือนว่าชายร่างเตี้ยคนนี้จะเป็นหัวหน้าของชายที่อายุน้อยอีกทีหนึ่ง
"โกวเอ้อร์ ยังไม่รีบบอกท่านนักพรตเต๋าไปอีกว่าเจ้ารู้อะไรมาบ้าง?" ชายร่างเตี้ยพูดพร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่มทันที สายตาของเขาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดและเขาเรียกมู่อี้ว่า ท่าน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ดูถูกที่มู่อี้ยังอายุน้อยเลย
เพียงเท่านี้ก็ทำให้มู่อี้รู้สึกพึงพอใจชายร่างเตี้ยผู้นี้ขึ้นมาเล็กน้อยทันที ในตอนที่เขาตามท่านปู่ออกไปท่องเที่ยวในโลกกว้างนั้นเขาได้พูดคุยกับผู้คนมากมายและในตอนนั้นเขายังไม่ได้เรียนรู้เรื่องภูตผีวิญญาณเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกันแล้วเขารู้สึกได้ว่ามนุษย์นั้นน่ากลัวกว่าพวกภูตผีวิญญาณอย่างเห็นได้ชัด
"ได้เลย" โกวเอ้อร์พยักหน้าทันทีและจากนั้นท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง