ตอนที่แล้วตอนที่ 31 หญิงชราฟื้นขึ้นมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 33 เพียงแค่คิดถึง

ตอนที่ 32 รวบรวมสมาธิ


ตอนที่ 32 รวบรวมสมาธิ

ความขัดแย้งระหว่างมู่อี้และเจิ้งสือซงนั้นผู้คนในตระกูลซูต่างก็ทราบเป็นอย่างดี

เจิ้งสือซงเป็นเพียงชายหนุ่มอายุน้อยแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเห็นแก่ตัวและมั่นใจในตนเองจนเกินไป แต่ในสายตาของตระกูลซูนั้นเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก

และมู่อี้ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เพียงแค่เรื่องการช่วยเหลือหญิงชราก็มากพอที่จะทำให้เขาเป็นผู้มีบุญคุณของตระกูลซูแล้ว

คนหนึ่งคือญาติพี่น้องส่วนอีกคนคือผู้มีบุญคุณ ซูจงซานและซูจุนต่างก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย เพราะเมื่อเจิ้งสือซงพูดความคิดของเขาออกมาในตอนเช้าซูจงซานก็เห็นด้วยเล็กน้อยกับความคิดนี้ แต่ไม่ว่ายังไงในความคิดของเขาเมื่อท่านหญิงชราหายเป็นปกติแล้ว เจิ้งสือซงก็ควรนำข่าวเรื่องนี้กลับไปบอกที่บ้านของเขา

นี่ถือเป็นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างเขากับมู่อี้ด้วยเช่นกัน ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

หลังจากได้ยินว่าเจิ้งสือซงออกจากที่นี่ไปแล้วมู่อี้ก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าแต่ในใจของเขาก็รู้สึกเสียดายที่เจิ้งสือซงไม่ได้ลงมือก่อเรื่องอะไรอีก เพราะเมื่อเขาตกลงรับปากซูหยิงหยิงไปแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรชายคนนี้อีก แต่ความทรงจำในใจของเขานั้นไม่เคยลืม ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย

เพียงแต่มู่อี้ไม่เคยคิดว่าเจิ้งสือซงจะเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาไปแล้ว ในตอนแรกหลังจากที่เขาได้พบกับฉือกุยเขาคิดว่ามู่อี้เป็นพวกนักต้มตุ๋นที่เข้ามาหาผลประโยชน์เท่านั้นและเขาจะกำจัดนักต้มตุ๋นคนนี้ออกไปได้อย่างง่ายดาย เจิ้งสือซงยังวางแผนว่าจะทรมานมู่อี้แบบไหนอีกด้วย

แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเพียงแค่คืนเดียวนักพรตเต๋าน้อยคนนี้จะสามารถรักษาท่านยายของเขาได้และกลายเป็นบุคคลที่ทุกๆคนต่างก็ให้ความเคารพ ท่านตาของเขายังส่งกองกำลังลับออกไปค้นหาทั่วทั้งเมืองนี้ เห็นได้ชัดว่านี่คือเรื่องใหญ่จริงๆ

นักพรตเต๋าน้อยที่เขาเคยคิดว่าเป็นนักต้มตุ๋นกลับกลายเป็นผู้มีบุญคุณของตระกูลซู ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดมากนักแต่เขาก็รู้ว่านี่คือเรื่องจริง

เมื่อคิดแบบนี้เขาก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีกนั่นก็คือถ้าหากมู่อี้รู้ว่าเขาเป็นคนบอกข้อมูลต่างๆให้กับฉือกุยเมื่อถึงตอนนั้นชีวิตของเขาจะจบสิ้นลงหรือไม่? ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น เจิ้งสือซงรู้สึกกลัวมากจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

จนในที่สุดเขาก็ออกมาพบกับซูจงซานในตอนเช้ามืดและจากนั้นก็รีบออกจากที่นี่เดินทางกลับมาที่ตระกูลของตนเองทันที

มู่อี้ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะเขาไม่รู้ว่าเจิ้งสือซงเป็นคนบอกข้อมูลต่างๆให้กับฉือกุยแต่แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้เขาก็อาจจะไม่สนใจอยู่ดี

ฉือกุยบาดเจ็บจากลูกธนูและยังโดนตัดแขนอีกข้างหนึ่ง แม้ว่าเขาอยากจะแก้แค้นแต่ก็คงไม่ใช่เร็วๆนี้อย่างแน่นอนดังนั้นมู่อี้จึงไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องนี้ ในตอนนี้สถานการณ์ของท่านหญิงชราตระกูลซูกลับมาเป็นปกติแล้ว ดังนั้นเรื่องเดียวที่เขาจะต้องจัดการนั่นก็คือเนี่ยนหนิวเอ้อร์และแม่ของนาง

ปัญหาเรื่องนี้จำเป็นต้องพูดคุยกันถึงผลที่ตามมาในระยะยาว

ดังนั้นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จมู่อี้ก็กลับเข้ามาที่ป่าไผ่อีกครั้ง

แม้ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นแล้วในตอนนี้แต่ก็มีเพียงแสงแดดรำไรที่ส่องลงมาภายในป่าไผ่แห่งนี้เท่านั้น ใบไผ่ซ้อนทับกันอย่างหนาแน่นจนแสงอาทิตย์ลอดลงมาได้เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้แล้วป่าไผ่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยพลังหยินซึ่งทำให้พลังหยางของแสงอาทิตย์นั้นอ่อนแอลงไปมาก ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นตอนกลางวัน แต่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็สามารถออกจากป่าไผ่แห่งนี้ไปได้อย่างอิสระ

หลังจากผ่านค่ำคืนนั้นมาสายตาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ดูเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น และในตอนนี้นางก็ดูยินดีมากที่มู่อี้เข้ามาหานางที่นี่

"พี่ชาย" เนี่ยนหนิวเอ้อร์ส่งเสียงให้ได้ยินทันที ถ้าหากมองแบบผ่านๆคงยากที่จะเห็นความแตกต่างระหว่างนางกับเด็กคนอื่นๆที่อยู่ในวัยเดียวกัน บางทีอาจเป็นเพราะว่าดวงวิญญาณของนางถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับสติปัญญาและความรักของผู้ที่เป็นมารดา

แต่นี่ก็ถือเป็นสิ่งที่โหดร้ายสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งไม่ใช่หรือ?

"หนิวเอ้อร์ เจ้าชอบที่นี่หรือเปล่า?" มู่อี้ถามเนี่ยนหนิวเอ้อร์ออกไปตรงๆ

"ชอบสิ" เนี่ยนหนิวเอ้อร์มองกลับไปที่ป่าไผ่ด้วยสายตาที่เป็นประกาย

"ถ้าหากหนิวเอ้อร์ต้องแยกจากแม่? เจ้ารู้สึกกลัวหรือเปล่า?" มู่อี้ถามต่อไป

"พี่ชายจะแยกเนี่ยนหนิวเอ้อร์ออกจากท่านแม่หรอ?" เนี่ยนหนิวเอ้อร์มองไปที่มู่อี้ด้วยใบหน้าเล็กๆของนางพร้อมกับสายตาที่ดูจริงจัง

เมื่อได้เห็นสายตาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ มู่อี้ก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาทันทีแต่เขาก็พูดต่อไปว่า "ท่านแม่ของเจ้านางกลายเป็นวิญญาณไปแล้วและสูญเสียสติปัญญาอย่างสิ้นเชิง หลายปีที่ผ่านมานางไม่ได้รับพลังหยางจากมนุษย์เลย หากไม่ใช่เพราะต้นไผ่ของเจ้าข้าคิดว่าวิญญาณของนางคงแตกสลายไปแล้ว แต่เจ้าจะสามารถช่วยเหลือนางไปตลอดกาลได้อย่างนั้นหรอ? เมื่อเจ้าเติบโตขึ้นข้าเชื่อว่าป่าไผ่ที่เป็นแหล่งพลังงานแห่งนี้อาจจะปฏิเสธท่านแม่ของเจ้า และเมื่อถึงวันนั้นป่าไผ่ของเจ้าแห่งนี้ก็จะไม่สามารถเป็นที่พักพิงให้กับท่านแม่ของเจ้าได้อีก เมื่อถึงวันนั้นเจ้าจะต้องเฝ้าดูนางดูดกลืนพลังหยางจากมนุษย์และสังหารมนุษย์ ต่อสู้กับวิญญาณอาฆาตตนอื่น เรื่องเช่นนี้จะดำเนินซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเรื่อยๆเจ้าจะทนได้หรือไม่? "

เมื่อเนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้ยินคำพูดของมู่อี้นางก็เริ่มใช้ความคิดทันทีจากนั้นนางก็ส่ายศีรษะกลับมา เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการให้ท่านแม่ของตนเองเป็นแบบนั้นแต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่มู่อี้พูดออกมานั้นเป็นความจริงทุกประการ

"แต่ถ้าหากไม่มีต้นไผ่ของเจ้า ไม่มีพลังหยางจากมนุษย์ ไม่ต่อสู้กับวิญญาณอาฆาตตนอื่นๆ วิญญาณของท่านแม่ของเจ้าก็จะค่อยๆสูญสลายไป ข้าเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เจ้าคงไม่อยากเห็น กลับกันทำไมต้องให้ท่านแม่ของเจ้าใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้? ปล่อยนางไปหรือส่งนางกลับชาติมาเกิดใหม่จะไม่ดีกว่าหรอ? ข้าคิดว่าให้นางกลับชาติมาเกิดใหม่จะดีกว่านะ? "มู่อี้พูดต่อไป

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูดออกไปในวันนี้ความจริงแล้วก็เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับเนี่ยนหนิวเอ้อร์ เขารู้สึกสงสารและเห็นใจเนี่ยนหนิวเอ้อร์จากใจจริงและไม่อยากเห็นนางต้องเสียใจในสักวันหนึ่ง และไม่อยากเห็นนางต้องเลือกเส้นทางเดินที่ผิดเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับ

"พี่ชายกำลังจะส่งท่านแม่ของข้ากับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้งหรอ?" เนี่ยนหนิวเอ้อร์พูดออกมาและจ้องมองมาที่มู่อี้

"ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นข้าก็จะส่งนางกลับไปเกิดใหม่ แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการข้าก็จะไม่บังคับใดๆทั้งสิ้นเพราะนางคือแม่ของเจ้า" มู่อี้พูดช้าๆพร้อมกับมองไปที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ เขาเชื่อว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้แน่นอน

เนี่ยนหนิวเอ้อร์หันหลังกลับไปมองที่ป่าไผ่ของตนเองอยู่นาน

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ป่าไผ่นั้นก็มีแสงประกายส่องออกมาและมีร่างหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากป่าไผ่นั่นก็คือมารดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์

"เนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้พบนายท่านที่ดีแล้วสินะ"

"ท่าน ..." มู่อี้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและจ้องมองไปที่มารดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ด้วยสีหน้าที่ดูตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรอว่านางไร้ซึ่งสติปัญญาใดๆ แล้วทำไมในตอนนี้นางจึงสามารถสื่อสารกับเขาได้? หรือว่านี่เป็นเพราะว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์? ทั้งหมดนี้คือของขวัญจากสวรรค์? แต่ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมก่อนหน้านี้นางถึงไม่เคยสื่อสารออกมาเลย?

ในตอนนี้มารดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ดูอ่อนแอมากและนางไม่ได้ดูดุร้ายเหมือนกับก่อนหน้านี้อีกต่อไป แต่รูปลักษณ์ของนางนั้นเหมือนกับก่อนจะเสียชีวิตไปทุกประการ

นางจ้องมองมาที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ด้วยสายตาที่มีแต่ความสุขจากนั้นก็มองมาที่มู่อี้และพูดว่า "ความจริงแล้วเนี่ยนหนิวเอ้อร์ควรจะเป็นวิญญาณที่ไร้ซึ่งสติปัญญาใดๆแต่ตามที่ท่านนักพรตเต๋าได้กล่าวไว้ มันเป็นเพราะพลังจากต้นไผ่ของนาง แต่ถึงแบบนั้นสติปัญญาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นและไม่อาจแสดงสติปัญญาออกมาในช่วงเวลาปกติได้เลย แต่ในคืนนั้นที่ท่านได้พบกับนางเนี่ยนหนิวเอ้อร์ร้องเรียกหาท่านแม่ของนางอยู่ตลอดเวลา บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องนี้สติปัญญาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์จึงตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนเป็นอย่างที่ท่านนักพรตเต๋าได้เห็นในตอนนี้"

เมื่อได้ฟังคำพูดของอีกฝ่ายมู่อี้ก็เงียบไปทันที ความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยนหนิวเอ้อร์กับมารดาของนางเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากและสติปัญญาของนางยังตื่นขึ้นมาเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนอีกด้วย มันช่างเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์จริงๆ

มู่อี้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหนังสือที่เขาได้อ่านไปเมื่อคืนนี้ เขารวบรวมสมาธินึกถึงคำอธิบายและรายละเอียดต่างๆในเรื่องของวิญญาณชั่วร้ายขึ้นมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด