ตอนที่ 31 หญิงชราฟื้นขึ้นมา
ตอนที่ 31 หญิงชราฟื้นขึ้นมา
ภายใต้ทัณฑ์สวรรค์สาป-ภัยพิบัติของมวลมนุษย์!
เมื่อมู่อี้เห็นข้อความนี้ เขามีความรู้สึกแปลกๆราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของเขาทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะ
แต่ทันทีที่เขาตั้งสติได้อีกครั้งความรู้สึกก็หายไปทันที มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกเท่านั้นมู่อี้คิดว่ามันคือภาพลวงตาที่เขารู้สึกได้
มู่อี้รู้สึกว่าข้อความนี้มีความสำคัญสำหรับเขา เขาจึงสามารถจำข้อความนี้ได้ฝังใจ
บางทีวันหนึ่งในอนาคตเมื่อเขาฝึกฝนเพียงพอเขาก็จะสามารถเข้าใจความหมายของข้อความนี้ได้ แน่นอนว่าถ้าสามารถหาผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ได้ก็จะเข้าใจความหมายของข้อความในทันที แต่เขาเกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย
แทนที่จะพึ่งพาผู้อื่นมันจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาฝึกฝนอย่างหนักด้วยตัวเองและมุ่งมั่นที่จะก้าวผ่านการฝึกฝนขั้นนี้โดยเร็วที่สุด
ในที่สุดมู่อี้วางหนังสือลัทธิเต๋าลง จากนั้นเขาหยิบตะเกียงทองแดงออกมาแล้วจุดไฟ จิตใจของมู่อี้สงบลงอย่างรวดเร็วและสามารถเข้าสู่สมาธิได้ในทันที
ผลของตะเกียงทองแดงสามารถทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
เขาจำเป็นต้องฝึกฝนในทุกๆวัน
เวลายามค่ำคืนผ่านไปในพริบตา หลังรุ่งสางมู่อี้รู้สึกว่าความคิดของเขานั้นเฉียบคมยิ่งขึ้น เขาเดินมาที่ลานฝึกฝนและฝึกวิชาหมัดไร้นามอีกครั้ง ในขณะที่ฝึกฝนอยู่นั้นเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในร่างกายราวกับว่าความร้อนได้ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาอย่างช้าๆ. .
สถานะปัจจุบันของมู่อี้ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทนต่อความร้อนที่เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทนต่อไปและรอให้ความร้อนจางหายไปจากร่างกาย
หลังจากมู่อี้ฝึกฝนวิชาหมัดไร้นามเสร็จแล้ว เขาหันไปที่ประตูและพบว่ามีใครบางคนรออยู่ตรงนั้น
"ท่านหยิงหยิงมารอพบข้าตั้งแต่เช้าตรู่ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าขอรับ?" มู่อี้ถามไปตรงๆ วันนี้ซูหยิงหยิงเปลี่ยนชุดที่นางสวมใส่ แม้ว่านางจะสวมเสื้อผ้าธรรมดาแต่นางก็ยังคงงดงามและมีสเน่ห์อย่างมาก
"ข้าต้องขออภัยที่มารบกวนท่านนักพรตเต๋า" ซูหยิงหยิงก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ มู่อี้เดินกลับไปที่ห้องพักเพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุม แม้ว่าเสื้อคลุมจะมีรอยขาดเล็กน้อยและมีคราบเปื้อนที่ไม่สามารถล้างออกได้หลงเหลืออยู่ แต่เมื่อมู่อี้สวมใส่มันก็ทำให้เขาดูโดดเด่นขึ้นอย่างมาก
"แม้ว่าท่านหยิงหยิงจะไม่มา ข้าก็จะไปพบท่านผู้อาวุโสตระกูลซูอยู่แล้วขอรับ" มู่อี้ตอบกลับมาตามตรง ในตอนนี้พระอาทิตย์กำลังขึ้นและเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดมีพลังหยางมากที่สุดของวัน มันเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการที่จะขับไล่หยินให้ท่านหญิงชรา
"ท่านนักพรตโปรดตามข้ามา" ซูหยิงหยิงนำทางไปข้างหน้าทันที เมื่อคืนที่ผ่านมาแม้ว่านางจะไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลซูแต่นางก็พอรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาบ้าง นอกจากนี้เมื่อคืนก็มีการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารครั้งใหญ่ทำให้ทั่วทั้งเมืองฟุเนียวตกอยู่ในความตื่นตระหนก
ด้วยเหตุนี้ตระกูลซูจึงต้องส่งของขวัญชิ้นใหญ่สองสามชิ้นให้กับทางเบื้องบน แต่สำหรับตระกูลซูถือว่ามันคุ้มค่าอย่างมาก
มู่อี้ติดตามซูหยิงหยิงไปที่ห้องโถงหลัก เมื่อเขาเข้ามาในห้องโถงซูจงซานก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีนอกจากนี้ยังมีซูจุนหรูและซูจินหลุนที่ตื่นแต่เช้ามาเพื่อต้อนรับเขา
"เมื่อคืนท่านนักพรตหลับสบายหรือไม่?" ซูจงซานพูดในขณะที่มองมู่อี้
"โชคดีที่จิตวิญญาณของผู้อาวุโสซูยังปกติดีนะขอรับ" มู่อี้ก็มองไปที่ซูจงซานเช่นกัน เมื่อเทียบกับตอนพบหน้ากันครั้งแรกจิตวิญญาณของซูจงซานนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะว่าปัญหาในใจของเขากำลังจะได้รับการแก้ไขและในที่สุดภรรยาของเขาก็กำลังจะตื่นขึ้นมา
"ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะท่านนักพรต ข้าสั่งให้คนของข้าเตรียมอาหารไว้มากมาย เชิญท่านนักพรตนั่งลงก่อน" ซูจงซานเอื้อมมือออกไปเพื่อเชื้อเชิญมู่อี้ บนโต๊ะขนาดใหญ่ตรงหน้าเขามีอาหารเตรียมไว้มากมาย
มู่อี้ส่ายศีรษะ
เมื่อซูจงซานเห็นมู่อี้ส่ายศีรษะ จิตใจของเขาก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันทีเพราะคิดว่ามีบางอย่างที่เขาทำให้มู่อี้ไม่พอใจ แต่โชคดีที่มู่อี้พูดอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่เขาจะพูดต่อ
"ข้าต้องขับไล่หยินที่หลงเหลืออยู่ในตัวท่านหญิงชราให้หมดเสียก่อนและทำได้เพียงช่วงเวลานี้เท่านั้น" ในขณะที่มู่อี้กำลังพูดสายตาของเขาจ้องมองไปในห้องโถงด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เห็นร่างของเจิ้งสือซงซึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามมู่อี้ไม่ได้ถามสิ่งที่เขาสงสัยออกมาและเขาไม่ได้มองว่าเจิ้งสือซงเป็นภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป
"ช่วงเวลานี้ ... " ซูจงซานมองมู่อี้ด้วยความตื่นเต้นทันที
ในตอนนี้ซูหยิงหยิงเดินนำไปข้างหน้า และเมื่อซูจงซานและคนอื่นๆเห็นมู่อี้เดินจากไปพวกเขาก็รีบตามไปทันที
เมื่อมาถึงห้องนอนของหญิงชราก็พบว่ามารดาของซูหยิงหยิงยังคงดูแลหญิงชราอยู่ หลังจากนางเห็นมู่อี้ก็ลุกขึ้นยืนและคำนับทันที
มู่อี้พยักหน้าตอบและเดินมาที่เตียงของหญิงชราเพื่อดูอาการ หลังจากการสะกดวิญญาณก่อนหน้านี้อาการของหญิงชราก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวานนี้ฉือกุยได้นำพลังหยินออกมาจากหญิงชราเพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากซูจงซาน ดังนั้นร่างกายของหญิงชราจึงมีพลังหยินน้อยมากในขณะนี้
เมื่อวิญญาณผีสาวที่เป็นแหล่งที่มาของอาการป่วยของหญิงชราถูกกำจัดออกไป พลังหยินที่เหลืออยู่ในร่างของหญิงชราก็ไม่ส่งผลกระทบอีกต่อไป
มู่อี้หยิบยันต์สะกดวิญญาณออกมาและเพ่งกระแสจิต จากนั้นแสงสีขาวก็ปกคลุมร่างของหญิงชราและความมืดก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนคิ้วของนางก่อนที่ความมืดจะตอบสนองและถูกกำจัดออกโดยแสงสีขาวในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ในร่างกายของหญิงชราก็ไม่มีพลังหยินอีกต่อไปและแสงสีขาวก็จางหายไปเช่นกัน
ครั้งนี้มู่อี้ไม่ได้ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากห้อง ดังนั้นไม่เพียงซูหยิงหยิงและซูจงซานจะได้เห็นฉากนี้อีกครั้ง แม้แต่ซูจุนหรู ภรรยาของเขา และซูจินหลุนก็เห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน
หลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ความยำเกรงที่พวกเขามีต่อมู่อี้ก็เพิ่มมากขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่มู่อี้แสดงให้พวกเขาเห็นนั้นล้วนเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณและพลังเหนือธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนล้วนเกรงกลัวต่อสิ่งเหล่านี้
พลังหยินที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของหญิงชราถูกขับออกไปจนหมดรวมกับผลของยันต์สะกดวิญญาณทำให้หญิงชราค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ซูหยิงหยิงและมารดาของนางที่นั่งเฝ้าหญิงชราอยู่ข้างๆเตียง เมื่อพวกนางเห็นหญิงชราค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
ถึงแม้ว่าซูจงซานจะไม่ได้แสดงออกเหมือนกับหญิงสาวทั้งสอง แต่ดวงตาของเขาก็แดงเล็กน้อยและเขารู้สึกขอบคุณมู่อี้เป็นอย่างมาก
"ท่านหญิงชราปลอดภัยดี แต่เพราะนางนอนอยู่บนเตียงติดต่อกันเป็นเวลานานจึงทำให้ร่างกายอ่อนล้า อาจจะต้องให้นางได้พักผ่อนอย่างเต็มที่อีกสักระยะอาการของนางถึงจะค่อยๆดีขึ้น" มู่อี้พูดด้วยความลังเล
เมื่อซูจงซานเห็นสายตาที่ดูลังเลของมู่อี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดโดยตรงว่า "ท่านนักพรตเต๋าไม่ต้องกังวล ท่านพูดให้พวกเราฟังเถอะ"
"เอาล่ะ ข้าอยากจะบอกว่าอาจารย์ของข้าเคยสอนวิธีการฟื้นฟูให้กับผู้ที่เจ็บป่วยจากพลังอันชั่วร้ายของวิญญาณและมันอาจช่วยท่านหญิงชราได้" มู่อี้กล่าว
"ทำทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความยากลำบากเสมอ" ซูจงซานเป็นคนฉลาด เนื่องจากมู่อี้ได้พูดถึงเรื่องนี้ถ้าเขาไม่เข้าใจก็คงเป็นคนโง่แล้ว
"ต้องให้ท่านหญิงชรากินยานี้ทุกๆสามวัน ข้าจะเขียนสมุนไพรที่ต้องใช้ให้ท่านในภายหลัง เมื่อท่านผู้อาวุโสเตรียมเสร็จเรียบร้อยให้ส่งคนนำมาให้ข้าที่บนภูเขา เมื่อข้าปรุงยาเสร็จแล้วจะให้เขานำกลับมาให้ท่าน ท่านหญิงชราอาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอย่างช้าที่สุดหนึ่งเดือน” มู่อี้พูดอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากหญิงชราฟื้นขึ้นมาแล้ว ซูหยิงหยิงและมารดาของนางก็คอยดูแลหญิงชรา ซูจงซานเชิญมู่อี้กลับไปที่โถงด้านหน้าด้วยกัน ระหว่างทางมู่อี้จงใจเดินช้าๆและเข้าไปใกล้ซูจินหลุนโดยแกล้งทำเป็นถามว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นเจิ้งสือซงในวันนี้
เมื่อได้ยินคำถามของมู่อี้ ซูจินหลุนก็รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย