ตอนที่ 29
ตอนที่ 29
“ฟู่”
เมื่อซูฮยอนได้ยินเสียงข้อความ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในที่สุดมันก็จบสักที.
ความกดดันของซูฮยอนมี เริ่มเบาลงอย่างช้าๆ
เมื่อผลของสกิล บ้าเลือด หายไป ร่างกายของซูฮยอนก็กลับมาสู่สภาพปกติแบบเดิมอีกครั้ง
<<ถ้าฉันมีอาวุธที่ดีกว่านี้ การโจมตีดันเจี้ยนจะง่ายขึ้นเป็นกอง>>
ซูฮยอนมองดาบในมือของตัวเอง
ดาบที่ทำมาจากหินอีเธอร์ มันถึงขีดจำกันเป็นที่เรียบร้อย
ซูฮยอนต้องค่อยใช้พลังเวทย์ปกคลุมดาบไว้ เพื่อไม่ให้มันแตกหัก
แต่ดูเหมือนตัวดาบจะทดต่อพลังเวทย์ของซูฮยอนไม่ได้อีกแล้ว
ระหว่างการต่อสู้ ซูฮยอนต้องค่อยมาพะวงกับดาบของตัวเองว่ามันจะแตกตอนไหน
เพราะฉะนั้นเมื่อเขาต่อสู้กับผู้อัญเชิญ
ซูฮยอนจึงดึงพลังเวทย์ของตัวเองออกมาได้ไม่เต็มที่
<<แต่ถึงอย่างนั้น...>>
ซูฮยอนมองไปที่ ไม้เท้า กับ ลูกปัดเม็ดเล็กๆ ที่หลุดออกมาจากกระโหลกของผู้อัญเชิญ
“การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร”
ถ้าหากลองสังเกตดีๆ คุณจะเห็นว่ารอบๆดันเจี้ยน มีหินอีเธอร์เหลืออยู่เต็มไปหมด
แต่ที่ซูฮยอนไม่สนใจมันเลยสักนิด
เพราะว่าตรงหน้าของซูฮยอนมีเกรดที่ดีกว่าหลายเท่า
ซูฮยอนรีบเดินไปหยิบพวกมันทั้ง 3 ก้อนขึ้นมา
[หินแห่งชีวิตของลิชชี่]
*หินอีเธอร์เกรดสูง ที่ได้รับการปรับแต่ง มีอายุการใช้งานได้ถึง 200 ปี
*ข้อจำกัด: คนเป็นไม่สามารถใช้ได้
[หินอีเธอร์เกรดสูงสุด]
*ภายในของมันมีมานาบรรจุอยู่มหาศาล เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน แสงสว่างของมันจะเริ่มจางลง
[หินเทเลพอร์ตต่างมิติ]
*เครื่องมือบิดเบี้ยนมิติและพื้นที่ สามารถใช้ได้โดยพลังเวทย์
นี้คือไอเทมทั้ง 3 อย่างที่ซูฮยอนหยิบมา
หินเทเลพอร์ตต่างมิติ คือสื่อกลางในการอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมา ส่วนหินแห่งชีวิตของลิชชี่ ก็เป็นหินที่ทำให้ผู้อัญเชิญเคลื่อนไหวได้
<<หินแห่งชีวิตของลิชชี่ อายุการใช้งาน 200 ปี...>>
มันคือแก่นแท้ ที่สามารถทำให้มนุษย์มีอายุขัยที่ยืนยาว
แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่บาง
ข้อจำกัดที่ว่าก็คือ มีเพียงแค่คนที่ตายแล้วเท่านั้นถึงจะใช้ไอเทมนี้ได้
“ดูเหมือนผู้อัญเชิญตัวเมื่อกี้จะใช้ของที่ค่อนข้างถูกนะ”
ตามปกติ ลิชชี่ ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานที่มากกว่านี้ อย่างต่ำสุด ก็ 500 ปี
หินแห่งชีวิตที่ซูฮยอนถืออยู่ แม้มันจะไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่มันก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
<< หินอีเธอร์เกรดสูงสุด >>
หินสีม่วงที่ซูฮยอนถืออยู่ มันเป็นหินที่มีมูลค่ามหาศาล
มันเป็นหินที่ต้องให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อมันได้
ที่สำคัญ ถ้าซูฮยอนนำไปขาย มันก็ไม่สามารถประเมินมูลค่าของมันได้เช่นกัน
และแน่นอน...
<<มันไม่ใช่ไอเทมที่เอาไว้ขาย>>
เขาจะเก็บมันเอาไว้ใช้เอง
เนื่องจากซูฮยอนยังไม่สามารถเอาอาวุธของเขาออกมาจากหอคอยแห่งการทดสอบได้
ดังนั้นเขาจึงต้องมีอาวุธที่ใช้ในโลกแห่งความจริงโดยเฉพาะ เพราะตอนนี้ซูฮยอนอยากได้อาวุธดีๆสักชิ้น
หลังจากเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เสร็จหมดแล้ว ซูฮยอนก็ล้มตัวลงนอนกับพื้น
เขาอยากพักผ่อนสักหน่อย และค่อยออกไปข้างนอก
***********
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนพักผ่อนจนหายเหนื่อย
ซูฮยอนและลีจุนโฮก็พากันขุดคุ้ยรอบๆดันเจี้ยน เพื่อรวบรวมหินอีเธอร์
ส่วนใหญ่ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ จะชอบหาหินอีเธอร์ ใน โถงของบอสโดยเฉพาะ เพราะมันหาง่ายที่สุดและคุณภาพดีที่สุด
ถึงแม้ภายในดันจี้ยนจะมีหินอีเธอร์อยู่เต็มไปหมด แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยมีเวลามานั่งขุดมันทั้งวัน
อีกอย่างเครื่องมือของพวกเขาก็ไม่ค่อยเอื้ออํานวยสักเท่าไร
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เอาหรอก”
ลีจุนโฮปฏิเสธซูฮยอนที่กำลังยืนหินอีเธอร์ให้เขา
บอกตามตรงการโจมตีดันเจี้ยนครั้งนี้ ซูฮยอนเหนื่อยมากกว่าใคร
“ทำไมล่ะ..นายไม่อยากได้เหรอ”
“อืมใช่ ฉันจะรับมันไปได้ยังไงหล่ะ ในเมื่อฉันไม่ค่อยได้ทำอะไรเลย”
“ถ้านายพูดแบบนี้..”
ซูฮยอนเก็บหินอีเธอร์ที่ลุจุนโฮปฏิเสธเอาไว้ในอ้อมแขน
จริงๆซูฮยอนไม่ต้องการพวกมันเลยสักนิด
แต่ในเมื่อลีจุนโฮไม่ต้องการ เขาจึงเก็บมันไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
<<ถึงแม้จำนวนมันจะไม่เยอะ แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย>>
การโจมตีดันเจี้ยนครั้งนี้ ซูฮยอนได้ผลประโยชน์ไปเต็มๆ
ลีจุนโฮกับซูฮยอนพากันเดินไปตามทางที่ยาวสุดลูกหูลูกตา เพื่อหาทางออกจากดันเจี้ยน
ตลอดเส้นทางของพวกเขา ทั้ง 2 คนพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับตลอด
เมื่อพวกเขาเดินมาเรื่อยๆ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงจึดสิ้นสุดของดันเจี้ยน
ทั้งซูฮยอนและลีจุนโฮตัดสินใจก้าวเดินออกไปพร้อมกัน
แสงสว่างสีขาวราวไข่มุกบดบังทัศนวิสัยของพวกเขา จนมองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง
ไม่นานภาพเบื้องหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไป
เวลาของโลกภายนอกตอนนี้ มันคือช่วงเวลาเช้ามืด
ดวงอาทิตย์กำลังแย้มยิ้นโผล่ขึ้นจากพื้นดิน
ซูฮยอนและลีจุนโฮมาปราฏกตัวอยู่ตรงหน้าปากทางเข้าของดันเจี้ยน
“เห้ ทุกคน...มีคนออกมาจากดันเจี้ยนด้วย”
“อะไรนะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาล้มเหลว จนมีสมาชิกปาร์ตี้เสียชีวิตไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณคือ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ลีจุนโฮ กับ คุณ คิมซูฮยอน ใช่ไหมครับ”
“นั้นมัน คุณลีจุนโฮไม่ใช่เหรอ”
“พบผู้รอดชีวิต ประกาศ พบผู้รอดชึวิต”
ผู้คนมากมายต่างพากันวิ่งกรูมารวมตัวกันรอบๆพวกเขาทั้งคู่
มี ‘ผู้ตื่นขึ้น’ นับสิบคนยืนล้อมรอบพวกเขาอยู่
คนที่ซูฮยอนและลีจุนโฮคุ้นเคยก็อยู่ด้วยเช่นกัน นั้นก็คือ อามินซอก ลีอึนมี คิมบารึม
ยังไม่หมด ตอนนี้บริเวณรอบๆเริ่มเต็มไปด้วยนักข่าวหลายสำนัก กำลังรวมตัวกันอยู่
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมาว่าการโจมตีดันเจี้ยนล้มเหลว
พวกเขาจึงส่ง ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นมาช่วยเหลือทันที
แต่เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของนักข่าว
พวกเขาก็เกิดความสนใจขึ้นมา
จนมาอยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อหาข่าวไปออกช่องทีวีของตนเอง
ซูฮยนเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็ถอนหายใจออกมาราวหมดแรง
เมื่อลีจุนโฮเห็นซูฮยอนทำท่าลำบากใจเขาจึงกล่าว
“ตรงนี้ให้ฉันจัดการเอง ส่วนนายให้รีบหนีออกไปจากที่นี้เถอะ”
“นายไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ฉันจะบอกพวกเขาว่า เราทั้ง 2 คน สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนได้สบายๆ นายเอาหินอีเธอร์มาให้ฉันสัก 2-3 ก้อนก็แล้วกัน จะได้ตบตาพวกนักข่าวได้...”
“ได้สิ”
ซูฮยอนหยิบหินอีเธอร์ขึ้นมาครึ่งหนึ่งและส่งให้ลีจุนโฮ “นี่คือส่วนแบ่งของนาย”
“ขอบคุณมาก ถ้ามีโอกาสหน้า พวกเราค่อยมารวมทีมกันใหม่นะ”
ด้วยความที่ลีจุนโฮมีไหวพริบที่ดี
เขาจึงตะโกนขอบคุณซูฮยอนด้วยเสียงดังฟังชัด
เมื่อคนอื่นๆเห็นฉากนี้ พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะมันเป็นเรื่องปกติของ ‘ผู้ตื่นขึ้น’
หลังจากที่พวกเขาโจมตีดันเจี้ยนสำเร็จ พวกเขาก็จะแบ่งปันหินอีเธอร์อย่างเท่าเทียมกัน
“คุณโจมตีดันเจี้ยนสำเร็จจริงๆเหรอ?”
“แค่คุณสองคนเนี้ยนะ แถมดันเจี้ยนยังเป็นระดับสีเหลืองอีก”
“ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรอยากจะบอกพวกเราไหมคะ”
“พวกเรามาจาก อิลซ็องเดลิ ฉันมีคำถามอยากถามคุณสักหน่อยคะ”
ไม่ใช่แค่นักข่าวเท่านั้นที่ส่งสัย ทั้ง คิมบารึม และสมาชิกคนอื่นๆในปาร์ตี้ก็ส่งสัยด้วยเช่นกัน
พวกเขาต่างตะโกนและตั้งคำถามมากมายให้ลีจุนโฮตอบ
เมื่อสถานการณ์เริ่มวุ่นวาย ซูฮยอนจึงใช้ประโยชน์จากมัน และค่อยๆแอบแทรกซึมเข้าสู่ฝูงชนอย่างช้าๆ
โชคดีที่ลีจุนโฮค่อยบังซูฮยอนไว้ เลยทำให้เขาหนีไปได้อย่างหวุดหวิด
“ทุกคนใจเย็นก่อน ใจเย็น เดียวผมอธิบายให้ฟัง อย่าเบียดกันครับ เว้นระยะห่างกันหน่อย”
ดูท่าทางลีจุนโฮจะเหนื่อยไปอีกหลายชั่วโมง
ซูฮยอนรู้สึกผิดต่อลีจุนโฮจริงๆ ที่ทำให้เขาต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ที่ซูฮยอนหนีออกมาก่อน เป็นเพราะเขายังไม่อยากมีภาพตัวเองบนอินเตอร์เน็ต
เพราะมันจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเขาลำบากขึ้นไปอีก
ไม่นาน ซูฮยอนก็หนีความวุ่นวายจากฝูงชนออกมาได้
เขากำหินอีเธอร์ที่เหลืออยู่เอาไว้อย่างแน่นหน่า
เมื่อซูฮยอนเดินออกมาได้สักพักหนึ่ง เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของเขาก็ดังขึ้น
ซูฮยอนหยิบมันขึ้นตรวจสอบ มันคือข้อความของลีจุนโฮที่ส่งมาให้
<<นายอยากได้หินอีเธอร์คืนด้วยไหม ถ้านายอยากได้คืน นายจะเอาหินคืน หรือ เอาเงิน ถ้าเอาเงินเดียวฉันโอนไปให้>>
ดูท่าทางลีจุนโฮจะกังวลเกี่ยวกับหินอีเธอร์ที่ซูฮยอนพึงแบ่งให้เขาไป
ซูฮยอนแอบยิ้มออกมาเล็กน้อย
อันที่จริงซูฮยอนก็ไม่คิดมากหรอกนะ
ถ้าลีจุนโฮจะเอาหินอีเธอร์ไป..
<<เขาช่างเป็นคนดีจริงๆ>>
ซูฮยอนรีบพิมพ์ข้อความแล้วส่งไปให้ลีจุนโฮทันที
เมื่อเขาเช็คความเรียบร้อยเสร็จสิน เขาก็เดินกลับบ้านอย่างเร่งรีบ
เพราะมีอยู่คนหนึ่ง ที่กำลังเป็นห่วงเขาอยู่.
* * *
เมื่อซูฮยอนกำลังเดินทางกลับบ้าน
ซูฮยอนก็แวะซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้าข้างทาง
เพราะที่ผ่านมาสายตาของผู้อื่นๆมองซูฮยอนเหมือนคนบ้า
เพราะเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล
อีกอย่างถ้าซูฮยอนกลับบ้านไปในสภาพนี้ มีหวังโดยแม่ด่าจนหูชาแน่ๆ
ในขณะที่เขากำลังจะเข้าบ้าน ซูฮยอนก็เจอกับชินซูย็องพอดี
ดูเหมือนเธอกำลังจะออกไปทำงานประจำของเธอ
เมื่อชินซูย็องเห็นลูกชายของเธอ
เธอก็เทศนาซูฮยอนไป 1 ชุด ข้อหาที่เขาไม่ติดต่อเธอเลยสักครั้ง
“เมื่อแม่เลิกงาน แม่หวังว่าจะเห็นลูกอยู่บ้านนะ”
ชินซูย็องพูดพร้อมใช้สายตาที่มองดูแล้วน่าส่งสาร มองไปที่ลูกชายของเธอ
ก่อนที่เธอจะเดินออกไปทำงานตามปกติ
เมื่อเธอเดินลับหลังไปไกล ซูฮยอนก็ถอนหายใจออกมา
“ฉันควรบอกเธอให้รู้ดีไหม?”
ไม่ว่ายังไงในอนาคตซูฮยอนก็ต้องทำงานในฐานะ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ อยู่ดี
ถ้าเขายังทำแบบนี้ต่อไป ชินซูย็องมีหวังปวดหัวแน่ๆ
ซูฮยอนยืนอยู่หน้าประตูและหยิบบัตรประเมิน ‘ผู้ตื้นขึ้น’ แรงค์ C ขึ้นมาดู
ถ้าเขาหยิบบัตรนี้ให้เธอดู เธอจะแสดงอาการแบบไหนออกมากันนะ
จะเหมือนแม่ให้ชีวิตที่แล้วของเขาหรือป่าว?...
<<เฮ้อ>>
ช่างเถอะ เดียวค่อยไปคิดที่หลัง วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
<<ขอไปนอนพักสักหน่อยแล้วกัน แล้วค่อยไปทำธุรต่อ>>
ซูฮยอนหยิบหินอีเธอร์และหินเทเลพอร์ตต่างมิติใส่ไว้ในกระเป๋า
หลังจากที่เขาตื่นนอน เขาต้องหาทางทำอะไรกับมันสักอย่าง....
* * *
3 ชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดซูฮยอนก็ตื่นขึ้นหลังจากการพักผ่อน
คนอื่นอาจคิดว่า นอนแค่ 3 ชั่วโมงมันจะพอเหรอ
แต่สำหรับซูฮยอน แค่ 3 ชั่วโมง มันก็เหมือนว่าเขาหลับมาทั้งวันแล้ว
เมื่อซูฮยอนตื่นขึ้นมาอีกที ดวงอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาอยู่เหนือหัวซะแล้ว
เขาลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจ ก่อนที่เขาจะไปอาบน้ำ แล้วเตรียมตัวออกไปข้างนอก
<<อืม...ฉันต้องไปขายมันให้กับร้านค้าสินะ>>
ร้านค้าที่รับซื้อหินอีเธอร์ที่อยู่ใกล้กับซูฮยอนมากที่สุดมันอยู่แถวๆกังนัม
มันเป็นที่ๆเหมาะสมแก่การขายหินอีเธอร์มากที่สุด
ซูฮยอนโบกแท็กซี่แล้วให้คนขับไปส่งย่านกังนัม
ซึ่งในเวลาปกติ ซูฮยอนไม่ทีทางนั่งรถแท็กซี่แน่ๆ เพราะราคามันแพงหูฉีก
แต่ในอนาคตซูฮยอนสามารถเปลี่ยนหินอีเธอร์เป็นเงินได้
ฉะนั้นเขาจึงเลือกนั่งรถแท็กซี่โดยไม่ลังเล
หลังจากผ่านไป 30 นาที ในที่สุดแท็กซี่ก็มาจอดที่ย่านกังนัม
ซูฮยอนจ่ายค่าแท็กซี่ไป 20,000 วอน และก้าวลงจากรถ
ที่ย่านกังนัมมันเต็มไปด้วยมวลชน มีทั้งวัยเรียน และ วัยผู้ใหญ่
เวลาที่ซูฮยอนมาถึงมันเกือบเที่ยงวันพอดี เลยทำให้มวลชนดูมากกว่าปกติ
ซูฮยอนยืนอยู่กับที่แล้วมองดูมวลชนที่เดินเพ่นพ่านไปมา เพื่อซึมซับบรรยากาศ
เมื่อซูฮยอนมองดูจนพอใจ เขาก็เดินไปทางที่เขากำหนดไว้
<<รู้สึกจะอยู่แถวๆนี้สินะ>>
ซูฮยอนมาหยุดอยู่ตรงตึกที่ภายนอกตกแต่งไปด้วยความหรูหรา มันมีความสูงราวๆ 5 ชั้นได้
ซึ่งเมื่อมองจากที่ไกลๆ คุณจะเห็นตึกนี้ตั้งเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
ซูฮยอนยืนมองอยู่ด้านนอก
วุป...
เมื่อประตูเลื่อนอัตโนมัติเปิดออก
ซูฮยอนก็เจอเขากับล็อบบี้ที่กว้างใหญ่
ภายในของมันเต็มไปด้วยลูกค้าหลายคน
เมื่อซูอยอนเห็นล็อบบี้ครั้งแรก เขานึกว่าเขามาผิดที่ เพราะมันไม่เหมือนร้านค้าเลยสักนิด
มันเหมือนกลับโรงแรงสุดหรูหรา ที่พวกมหามหาเศรษฐีชอบมาอยู่มากกว่า
เมื่อพนักงานเห็นซูฮยอนยืนบื้ออยู่นาน เขาจึงตัดสินใจเขาไปทัก..
“ยินดีตอนรับครับคุณลูกค้า ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้ช่วยไหม” พนักงานชายที่แต่งตัวเรียบร้อบกล่าวทักซูฮยอน
ซูฮยอนหันหน้ากลับไปมองแล้วตอบกลับ “ผมมาขายของครับ”
“ขายของหรือครับ?”
“ใช่ครับ ของที่ผมจะขายคือหินอีเธอร์”
เมื่อซูอยอนพูดจบเขาก็หยิบหินอีเธอร์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าขึ้นมา แล้วส่งในพนักงานดู
ถึงแม้ขนาดของมันจะดูเล็กนิดเดียว แต่อย่างน้อยพวกมันก็มีขนาดเท่ากับกำปั้น
เมื่อลองไปเทียบกลับหินอีเธอร์เกรดสูงสุดที่ซูฮยอนเก็บไว้ เจ้าเศษหินพวกนี้เทียบแทบไม่ติด
แต่ว่า...
“นะ..นี้มันหินอีเธอร์ของจริง”
นัตน์ตาของพนักงานเบิกกว่าด้วยความประหลาดใจ
แม้ขนาดของมันจะดูเล็ก
แต่หินอีเธอร์ที่มีก้อนขนาดนี้ ส่วนใหญ่มันจะเจอในดันเจี้ยนระดับสีเหลืองเท่านั้น
ซึ่งมันต้องรวบรวม ‘ผู้ตื้นขึ้น’ แรงค์ B นับ 10 คน เพื่อทำการเคลียร์ดะนเจี้ยน
ไม่แปลกใจที่พนักงานจะตกใจขนาดนี้ เมื่อเห็นหินอีเธอร์ที่ซูฮยอนถืออยู่