ตอนที่ 25 แสดงฝีมือ
ตอนที่ 25 แสดงฝีมือ
"พี่ชาย!"
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ ฉือกุยก็รู้สึกตกตะลึงทันที ยังมีวิญญาณตนอื่นอยู่ที่นี่อีกงั้นหรือ?
เมื่อคิดได้แบบนี้ฉือกุยก็มองเข้าไปในป่าไผ่ตามสัญชาตญาณของตนเองทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและแม้แต่แรงดูดของธงราชันย์แห่งวิญญาณก็ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่ในตอนนี้ฉือกุยไม่ได้พบกับวิญญาณตนอื่นเลย เป็นมู่อี้ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ภายในสวนหลังบ้านแห่งนี้
ความจริงแล้วมู่อี้เข้ามาอยู่ภายในนี้ตั้งแต่ก่อนที่ฉือกุยจะเริ่มพิธีกรรมของเขาเสียอีก แต่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวเขาจึงพยายามหลบซ่อนตัวอยู่ที่มุมด้านในสุดของกำแพง แม้ว่าภายนอกจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายแต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
การจะเป็นผู้ล่าที่ดีนั้นกฎพื้นฐานที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือต้องมีความอดทนมากพอ จากการที่เขาได้พูดคุยกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก่อนหน้านี้เขาได้ตกลงกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์เอาไว้ว่าถ้าหากว่านางตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากให้รีบตะโกนรหัสลับออกมาทันที ในตอนนี้มู่อี้พยายามลอบโจมตีศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ในอนาคต
แม้ว่าเขาจะคำนวณทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้แล้วแต่ศัตรูนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาคำนวณเอาไว้ก่อนหน้านี้ นี่ยังไม่ถึงเวลาที่ตกลงกันเอาไว้แต่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ตื่นตระหนกจนตะโกนรหัสลับออกมาทันที
แน่นอนว่ามู่อี้ไม่โทษนางในเรื่องนี้ เพราะไม่ว่ายังไงนางก็เป็นเพียงแค่เด็กคนนึงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านสภาวะอารมณ์หรือด้านอื่นๆนางไม่มีทางเทียบกับฉือกุยได้อย่างแน่นอน ยังดีที่นางได้ทำข้อตกลงกับมู่อี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อนางตกอยู่ในความลำบากจึงสามารถขอความช่วยเหลือได้ทันเวลา
โชคดีที่ฉือกุยนั้นเป็นคนที่เฉลียวฉลาดจนเข้าใจผิดในเรื่องนี้ เขาคิดว่าคำว่าพี่ชายที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์พูดออกมานั้นจะเป็นวิญญาณอีกตนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนาง แต่เขาไม่คิดเลยว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะหมายถึงมนุษย์คนหนึ่งและยังเป็นมนุษย์ที่จะทำให้เขาล้มเหลวในการจับวิญญาณของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ครั้งนี้
ดังนั้นฉือกุยจึงไม่สนใจด้านในสุดของกำแพงที่เขาอยู่ในตอนนี้
เพราะตามความคิดของมนุษย์นั้นเมื่อประตูถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาคงไม่มีใครสามารถเข้ามาที่นี่ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังล้อมรอบด้วยกำแพงทั้ง 4 ด้านไม่มีทางที่บุคคลภายนอกจะเข้ามาที่นี่ได้ เขาจึงไม่ได้คิดถึงอันตรายใดๆที่อาจเกิดจากบุคคลภายนอกเลย
ในตอนนี้ฉือกุยยังคงคิดว่าพี่ชายที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์พูดถึงจะต้องอยู่ในป่าไผ่ทิศตะวันออกของสวนหลังบ้านแห่งนี้แน่นอน
แม้ว่านี่จะเป็นการต่อสู้ถึงความเป็นความตายครั้งแรกของเขาแต่มู่อี้ก็ไม่เคยร่วมต่อสู้กับเด็กที่มีอายุน้อยขนาดนี้มาก่อน ในความคิดของเขาไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบไหนมันก็ถือเป็นการต่อสู้ ผู้ใดที่รวดเร็วและรุนแรงกว่าย่อมเป็นฝ่ายชนะ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาได้พบเจอกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์มู่อี้ได้แสดงความเมตตาต่อนางและทดสอบเรื่องการต่อสู้ของตนเองนิดหน่อย แต่ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแต่เขาก็ยังคงรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงสงบนิ่งได้ขนาดนี้ เขารู้สึกสนิทสนมกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์และมารดาของนางแม้ว่าจะเคยพบเจอกันเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง
ดังนั้นเมื่อมู่อี้ได้ยินเนี่ยนหนิวเอ้อร์ตะโกนขอความช่วยเหลือเขาก็รีบพุ่งตัวออกไปทันที
"ยันต์สายฟ้า ย่าห์!"
แม้ว่าภายนอกจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างดุเดือดทำให้เขาสามารถลอบโจมตีได้อย่างง่ายดายในตอนนี้ เขาต้องโจมตีด้วยความเงียบมากที่สุดไม่อย่างนั้นแล้วมันคงไม่เรียกว่าการลอบโจมตี
ดังนั้นมู่อี้จึงเริ่มทำสมาธิในใจของเขาและจากนั้นก็ส่งพลังเข้าไปที่ยันต์สายฟ้าที่อยู่ในมือของเขา
ยันต์สายฟ้าแผ่นนี้คือแผ่นเดียวที่เขามีอยู่และเขาสามารถวาดมันขึ้นมาได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พูดได้เลยว่ามันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาในตอนนี้
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกแต่มู่อี้ก็รู้สึกมั่นใจในยันต์สายฟ้าของตนเองมาก
ในตอนที่มู่อี้ใช้งานยันต์สายฟ้าออกไป ฉือกุยก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่มาจากทางด้านหลังของตนเอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีและในขณะเดียวกันเขาก็รีบเรียกธงราชันย์แห่งวิญญาณของตนเองกลับมาเพื่อป้องกันการโจมตีที่มาจากทางด้านหลัง
"ตู้ม!"
ในเวลาเดียวกันสายฟ้าก็ผ่าลงมาจากท้องฟ้าและระเบิดจนกลายเป็นแสงสีขาว ทำให้มู่อี้ต้องปิดตาของตนเองตามสัญชาตญาณ
แม้ว่าจะปิดตาแต่เขาก็ยังได้ยินเสียงร้องที่ดังขึ้นมาในตอนนี้ หลังจากที่เขาเปิดตาขึ้นมาและปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างจ้าที่เกิดขึ้นแล้วในที่สุดเขาก็ได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมด
เนี่ยนหนิวเอ้อร์ดึงมารดาของนางถอยห่างออกไปและจ้องมองมาที่เขา แม้ว่านางจะได้ผลกระทบเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก
เพราะเป้าหมายหลักที่ยันต์สายฟ้าโจมตีคือฉือกุยที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นในตอนนี้ ร่างกายของเขามีบางส่วนที่กลายเป็นสีดำไหม้เกรียมและก็เสื้อคลุมของเขาก็ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผ้าคาดศีรษะของเขาก็ขาดออกทำให้เส้นผมที่มัดรวมเอาไว้ของเขากระจายปกคลุมไปทั่วใบหน้า
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือธงราชันย์แห่งวิญญาณที่ตั้งอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้แต่มันถูกหักจนกลายเป็น 2 ส่วนแล้ว
แม้ว่าฉือกุยดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่มู่อี้ก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้และนำยันต์ปราบปีศาจที่อยู่ในกระเป๋าของเขาออกมาทันที จากนั้นก็สะบัดมือของเขาและโจมตีฉือกุยอีกครั้ง
ยันต์ปราบปีศาจระเบิดกลางอากาศและกลายเป็นแสงสีขาวที่พุ่งเข้าไปหาฉือกุยในทันที ยันต์ปราบปีศาจนี้ถือเป็นการโจมตีแบบกึ่งกายภาพ มันสามารถใช้โจมตีได้ทั้งมนุษย์และสิ่งชั่วร้าย แต่ผลที่เกิดขึ้นกับมนุษย์นั้นไม่ได้มากมายนัก
แต่เมื่อเทียบกันแล้วการโจมตีของยันต์ปราบปีศาจนั้นเทียบได้กับการถูกค้อนทุบเลย
ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดนี้ฉือกุยก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวทันที เขารีบกลิ้งตัวไปบนพื้นเพื่อหลบการโจมตีของยันต์ปราบปีศาจและขณะเดียวกันก็ถือเสาธงที่หักครึ่งเอาไว้ในมือของเขา
ในตอนนี้ฉือกุยเต็มไปด้วยความเกลียดชังในใจของเขา เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เดินทางในเส้นทางแห่งลัทธิเต๋ามานานหลายปีและทำเรื่องชั่วร้ายมามากมายกลับต้องมาโดนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเขาด้วยซ้ำทำให้บาดเจ็บสาหัส เขาต้องใช้ความพยายามนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างธงราชันย์แห่งวิญญาณในมือของตนเองขึ้นมาแต่ในตอนนี้มันกลับหักเป็น 2 ส่วนแล้ว จิตใจของเขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนมีดกรีดแต่สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของเขาในตอนนี้มีเพียงความโกรธแค้นเท่านั้น
"หนิวเอ้อร์ เราต้องร่วมมือกันเพื่อฆ่าเขา" มู่อี้ตะโกนออกไปเพื่อให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ร่วมมือกับเขา ฉือกุยแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แม้แต่การโจมตีที่รุนแรงอย่างยันต์สายฟ้าก็ไม่สามารถฆ่าชายคนนี้ได้ เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะธงราชันย์แห่งวิญญาณที่รับการโจมตีส่วนใหญ่ไปแต่ในตอนนี้เขาก็เลือกที่จะไม่ประมาทพลังของฉือกุย
อย่างน้อยที่สุดถ้าไม่ใช่เพราะการลอบโจมตีและการใช้ยันต์สายฟ้า แม้ว่ามู่อี้จะร่วมมือกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์และมารดาของนางเขาก็ไม่มีทางเอาชนะฉือกุยได้อย่างแน่นอน
มู่อี้ต้องจบการต่อสู้ครั้งนี้โดยเร็วที่สุด เขาไม่เคยคิดอยากจะเป็นผู้กล้า แต่ที่เขาเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ก็เพื่อต้องการช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งเท่านั้นแม้ว่าจะต้องร่วมมือกันเพื่อรุมเอาชนะศัตรูเขาก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด ในใจของมู่อี้ไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมอยู่แล้ว เพราะการกระทำทุกๆสิ่งโดยยึดหลักความยุติธรรมนั้นคือสิ่งที่ไม่ยุติธรรมมากที่สุด
ในตอนนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ได้อยากจะเชื่อฟังคำสั่งของมู่อี้แต่เป็นเพราะนางรู้ว่านี่คือศัตรูที่จะมาจับตัวนางและมารดาของนางไป ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของมู่อี้นางก็พุ่งเข้าไปหาฉือกุยโดยปราศจากความลังเลใดๆ
ในตอนนี้อยู่ๆฉือกุยก็นำวัตถุทรงกลมบางอย่างออกมาจากแขนของเขาอย่างรวดเร็วและโยนเข้ามาหามู่อี้
มู่อี้เห็นของสิ่งนี้ตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและเขาก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับมันโดยตรงจึงรีบหลบออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ในตอนนี้ฉือกุยกลับหันไปหาเนี่ยนหนิวเอ้อร์และโยนธงที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวในมือของเขาเข้าไปหานางทันที
วัตถุทรงกลมตกลงมาบนพื้นดินและระเบิดออก จากนั้นก็มีม่านควันจำนวนมากที่กระจายตัวออกมาอย่างรวดเร็ว มันบดบังการมองเห็นของมู่อี้ในทันที
เมื่อเขาพยายามถอยห่างออกจากม่านควันที่เกิดขึ้นเขาก็เห็นว่าฉือกุยกำลังวิ่งไปที่อีกด้านหนึ่งของกำแพงและพยายามกระโดดขึ้นไปจากนั้นก็ใช้มือขวาเกาะไว้ด้านบนสุดของกำแพง
ดูเหมือนว่าฉือกุยพยายามจะหนีออกไปจากที่นี่ ทันใดนั้นแสงสีดำก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าทันที