ตอนที่ 24 ธงราชันย์แห่งวิญญาณ
ตอนที่ 24 ธงราชันย์แห่งวิญญาณ
ตรงหน้าเขาในตอนนี้เงาของทั้ง 3 ร่างยังคงพุ่งเข้ามาปะทะกันอย่างต่อเนื่องและวิญญาณผีสาวที่ดูขาวซีดของเขานั้นก็เริ่มอ่อนแอลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานหลังจากนี้นางต้องร่วงหล่นลงสู่พื้นดินอย่างแน่นอน ร่างกายของนางที่ปรากฏให้เห็นในตอนนี้เริ่มจางหายไปมากขึ้นเรื่อยๆและรอยแผลที่อยู่บนร่างกายของนางก็เพิ่มมากขึ้นจนทั่วร่างกาย
ฉือกุยยังคงยืนนิ่งไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งตอนนี้ สายตาของเขาจ้องมองอย่างดุดันไปที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่กำลังลอยไปมากลางอากาศ เขาไม่สนใจวิญญาณผีสาวของตนเองเลยแม้ว่าเขาจะต้องเสียวิญญาณผีสาวไปตลอดกาลแต่ตราบใดที่เขาสามารถจับวิญญาณเด็กคนนี้ได้มันย่อมคุ้มค่าอย่างแน่นอน
ใจของเขาอยากจะจับวิญญาณมารดาของเด็กสาวคนนั้นมาเป็นทาสด้วยเช่นกัน ถ้าหากว่าเขาโชคดีพอวิญญาณของสองแม่ลูกนี้อาจจะมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเขานึกถึงศาสตร์ลับต้องห้ามในวิชาของการเลี้ยงผีที่มีชื่อว่าวิญญาณแม่ลูก
ศาสตร์ลับต้องห้ามนี้จะทำให้วิญญาณของแม่และลูกสาวนั้นเสมือนเป็นอมตะ แม้ว่าวิญญาณของลูกสาวจะถูกทำร้ายจนสลายไปแต่วิญญาณของผู้ที่เป็นแม่นั้นก็จะสามารถให้กำเนิดวิญญาณของลูกสาวออกมาได้อีกครั้ง และแม้ว่าจะเป็นการเวียนว่ายตายเกิดแต่วิญญาณทั้งสองดวงนั้นก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้
แต่ศาสตร์ลับต้องห้ามนี้มีความโหดร้ายจนเกินไปและมันยังต้องใช้เครื่องสังเวยอีกด้วย การที่วิญญาณของผู้เป็นแม่นั้นจะสามารถให้กำเนิดวิญญาณของลูกสาวออกมาได้อีกครั้งจะต้องสังเวยวิญญาณของมนุษย์นับร้อยคนจึงจะสามารถให้กำเนิดวิญญาณของลูกสาวขึ้นมาได้อีกครั้งและวิญญาณของมนุษย์ทั้งหมดที่ต้องสังเวยนั้นจะต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุไม่เกิน 5 ขวบ พูดได้เลยว่าศาสตร์ลับต้องห้ามนี้เป็นหนึ่งในวิชาที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกใบนี้
แม้ว่าเงื่อนไขของการเกิดใหม่ของดวงวิญญาณลูกสาวนั้นจะยุ่งยากและชั่วร้ายแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉือกุยทำมาในอดีตมันแทบไม่ได้แตกต่างกันเลย ในตอนนี้ช่วงเวลาปีใหม่ของทุกๆปีไม่ใช่ว่ามีคนนับล้านที่ต้องตายไปหรือไง? ในยุคของราชวงศ์ชิงดังเช่นตอนนี้ทุกๆพื้นที่ต่างก็ต้องพบเจอกับภาวะขาดแคลนอาหารและในบางพื้นที่ที่แห้งแล้งจนถึงขีดสุดนั้นบางครั้งความอดอยากก็ทำให้มนุษย์ถึงกับต้องหันมากินเนื้อพวกเดียวกัน
เพราะเหตุนี้จึงมีคนมากมายที่ยอมแลกชีวิตลูกของตนเองกับอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับฉือกุยแล้วมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะตามหาเด็กสาว 100 คนแต่การที่จะหาคู่ดวงวิญญาณแม่ลูกที่เหมาะสมนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากมาก เมื่อเขาได้ทราบถึงศาสตร์ลับต้องห้ามนี้จิตใจของเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ถึงความยากลำบากของเงื่อนไขต่างๆที่ระบุเอาไว้
วิญญาณของผู้ที่เป็นแม่จะต้องไม่หลงเหลือสติปัญญาอีกต่อไปเพราะการที่วิญญาณมีสติปัญญานั้นมันจะเป็นเรื่องยากต่อการควบคุม แต่ในขณะเดียวกันวิญญาณของผู้ที่เป็นรูปสาวนั้นจะต้องมีสติปัญญาหลงเหลืออยู่และต้องได้รับคำสาปให้ผูกติดกับร่างกายของผู้เป็นแม่ เมื่อเป็นแบบนี้ผู้ที่ควบคุมวิญญาณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกวิญญาณแว้งกัดเลย นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับวิญญาณปกติ
เงื่อนไขที่ยากลำบากมากมายที่ถูกระบุเอาไว้นั้น การจะทำให้สำเร็จได้ก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากความฝันของคนโง่เขลา
แต่ในตอนนี้เรียกได้เลยว่าสวรรค์ได้มอบโอกาสให้กับเขาแล้วและไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกใบนี้ ตอนนี้ฉือกุยรู้สึกได้เลยว่าโชคชะตาของเขาถูกลิขิตโดยสวรรค์ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่มีทางพบกับวิญญาณแม่ลูกที่ตรงตามเงื่อนไขทุกๆข้อของศาสตร์ลับต้องห้ามอย่างง่ายดายแบบนี้
ฉือกุยกำลังจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ที่เขาจะได้รับหลังจากที่สะกดดวงวิญญาณของแม่ลูกคู่นี้ได้สำเร็จและเขาก็ไม่เคยคิดที่จะเป็นคนดีเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่ชั่วร้ายแต่เขากลับมีความสุขยิ่งกว่าคนดีจอมปลอมพวกนั้นเสียอีก
ในที่สุดวิญญาณผีสาวของเขาก็ร่วงหล่นลงมาบนพื้นและในเวลาเดียวกันฉือกุยก็เริ่มลงมือทันที เมื่อเขาโบกมือธงสีดำก็ลอยออกไปจากมือของเขาและลอยขึ้นไปบนอากาศ ธงสีดำผืนนี้สะบัดไปตามแรงลมและทันใดนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นธงที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร
เสาธงเป็นสีดำบริสุทธิ์และผืนธงเป็นสีแดงกับสีดำ เสาของธงผืนนี้เป็นเหมือนกับหนอนยักษ์ตัวหนึ่งที่กำลังยืดตัวออกมาและผืนธงเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตนเองอย่างแปลกประหลาดราวกับมีชีวิต
นี่คือธงราชันย์แห่งวิญญาณที่ฉือกุยสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากแต่ภายในธงผืนนี้นั้นมีเพียงวิญญาณผีสาวของเขาแค่ตนเดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่
ฉือกุยเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงแต่เขามีนิสัยที่หยิ่งผยองเกินไป ในความเห็นของเขานั้นวิญญาณธรรมดาไม่คู่ควรที่จะมาอาศัยอยู่ภายในธงราชันย์แห่งวิญญาณของเขาแม้ว่าเขาจะได้พบเจอวิญญาณธรรมดาพวกนั้นแต่ก็เลือกที่จะให้วิญญาณผีสาวกลืนกินวิญญาณธรรมดาเข้าไปเท่านั้น เขาตั้งเงื่อนไขให้กับวิญญาณที่จะมาเป็นพลังให้กับธงราชันย์แห่งวิญญาณของตนเองเอาไว้สูงพอสมควร
และธงราชันย์แห่งวิญญาณที่แท้จริงนั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าร้อยวิญญาณภูตผี วิญญาณภูติผีนับร้อยตัวถูกหลอมรวมจนกลายเป็นเส้นใยวิญญาณที่ถักทอธงราชันย์แห่งวิญญาณผืนนี้ขึ้นมา
ความใฝ่ฝันของฉือกุยก็คือสักวันหนึ่งธงผืนนี้ของเขาจะต้องกลายเป็นธงราชันย์แห่งวิญญาณที่แท้จริงให้จงได้และเมื่อถึงตอนนั้นเพียงแค่เขาโบกสะบัดธงผืนนี้เหล่าวิญญาณภูตผีที่อยู่ภายในธงก็จะออกมาสังหารและทำลายศัตรูทั้งหมดของเขา
ก่อนหน้านี้มีเพียงวิญญาณผีสาวของเขาเท่านั้นที่อาศัยอยู่ภายในธงราชันย์แห่งวิญญาณผืนนี้แต่ในตอนนี้ฉือกุยกำลังจะได้ดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพยายามใช้ธงราชันย์แห่งวิญญาณของตนเองให้ชำนาญอยู่เสมอ เพราะธงราชันย์แห่งวิญญาณก็ถือได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่ง เพียงแต่มันยังอยู่ในระดับต่ำและธงราชันย์แห่งวิญญาณจะกลายเป็นอาวุธวิญญาณที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อมันสามารถกักเก็บดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่น้อยกว่าวิญญาณของผีสาวอย่างน้อย 10 ดวง
อาวุธวิญญาณคือสิ่งที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งและมันยังเป็นสัญลักษณ์ของนักพรตที่แข็งแกร่ง
เมื่อได้เห็นเนี่ยนหนิวเอ้อร์ ฉือกุยก็ตัดสินใจเขาจะต้องทำให้เนี่ยนหนิวเอ้อร์เป็นวิญญาณหลักที่คอยปกครองวิญญาณทั้งมวลที่อยู่ภายในฝึกฝนธงราชันย์แห่งวิญญาณผืนนี้และเมื่อได้เห็นวิญญาณของผู้ที่เป็นแม่ก็ทำให้ความทะเยอทะยานในจิตใจของเขาพุ่งสูงขึ้นมาทันที
การที่เขาได้ครอบครองธงราชันย์แห่งวิญญาณและยังมีดวงวิญญาณที่มีสติปัญญาและสามารถถือกำเนิดใหม่ได้เรื่อยๆ มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนอดใจรอไม่ไหว
หลังจากนั้นธงราชันย์แห่งวิญญาณก็เริ่มสั่นเล็กน้อยเสาธงที่เป็นเหมือนกับหนอนยักษ์ก็เคลื่อนตัวออกไป มันเป็นเหมือนกับโซ่ที่ตรงเข้าไปพันธนาการเนี่ยนหนิวเอ้อร์พร้อมกับแม่ของนางในทันที
แม้ว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะเป็นวิญญาณที่ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง แต่ประสบการณ์ในการต่อสู้ของนางก็ยังถือว่าน้อยกว่าวิญญาณผีสาว ไม่ต้องพูดถึงปีศาจนักพรตเฒ่าอย่างฉือกุยเลย
และที่ฉือกุยไม่ลงมือตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็เพราะว่าเขารอคอยโอกาสนี้อยู่ โอกาสที่จะได้จับเนี่ยนหนิวเอ้อร์และมารดาของนางอย่างพร้อมเพียงกัน
ทันทีที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์รู้ว่าร่างกายของตนเองถูกพันธนาการเอาไว้ใบหน้าของนางก็แสดงความเกรี้ยวกราดออกมาและดวงตานางก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าและเขี้ยวของนางก็งอกออกมาทันที หลังจากการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นพลังของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กๆของนางดึงรั้งโซ่สีดำจนมันขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ตรงเข้าไปหามารดาของตนเองทันทีและพยายามดึงโซ่ที่พันธนาการร่างกายของมารดาเอาไว้
ฉือกุยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรกลับกันเขารู้สึกมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก นี่เห็นได้ชัดว่าดวงวิญญาณของเด็กสาวคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหน ทันใดนั้นเขาก็ชี้นิ้วออกไปและดวงวิญญาณผีสาวที่อยู่ข้างกายของตนเองก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปเป็นเงาสีดำและเข้าไปในพื้นธงสีดำ
ผืนธงราชันย์แห่งวิญญาณดูทรงพลังเพิ่มขึ้นมาในทันที หลังจากนั้นมันก็โบกสะบัดและตรงเข้าไปปกคลุมเนี่ยนหนิวเอ้อร์และมารดาของนาง
เนี่ยนหนิวเอ้อร์รับรู้ได้ถึงอันตราย นางรีบดึงมือของมารดาเพื่อจะถอยห่างออกไปโดยเร็วที่สุดแต่ในตอนนี้มีแรงดึงดูดมหาศาลจากผืนธงทำให้เรี่ยวแรงของเนี่ยนหนิวเอ้อร์หายไปอย่างกะทันหัน
ในตอนนี้ถ้าหากเนี่ยนหนิวเอ้อร์ปล่อยมือจากมารดาของนาง นางจะสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จแต่ดวงวิญญาณของนางนั้นมีสติปัญญาและเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร นางไม่มีทางยอมปล่อยมือและทิ้งมารดาของตนเองไปอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงพยายามดึงมือของมารดาออกมาเพื่อหนีรอดออกไปด้วยกัน
เมื่อฉือกุยได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนหน้านี้เมื่อได้รับรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยนหนิวเอ้อร์และมารดาของนางเขาก็เริ่มต้นวางแผนตั้งแต่ตอนนั้นทันที การจับตัวดวงวิญญาณของเนี่ยนหนิวเอ้อร์เพียงอย่างเดียวนั้นทำได้ยากมากและท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จแต่ก็คงต้องสูญเสียอะไรหลายๆอย่างไปอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เช่นนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ยังเด็กเกินไปที่จะสามารถต่อกรกับคนที่โฉดชั่วอย่างฉือกุยได้
ฉือกุยเพียงแค่รอเวลาที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์อ่อนแอที่สุดและอยู่ใกล้กับมารดาของนาง เขาก็จะสามารถจับดวงวิญญาณของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนี้ธงราชันย์แห่งวิญญาณยังคงสะกดวิญญาณของเนี่ยนหนิวเอ้อร์เอาไว้แต่มันก็เริ่มลงมือกับวิญญาณมารดาของนางด้วยเช่นกัน วิญญาณมารดาของเนี่ยนหนิวเอ้อร์นั้นอ่อนแอยิ่งกว่าวิญญาณผีสาวของฉือกุยเสียอีก. .
เมื่อเห็นว่ามารดาของตนเองกำลังจะถูกดูดเข้าไปในผืนธงเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือร้องตะโกนออกมา "พี่ชาย!"