ตอนที่แล้วตอนที่ 22 สิ่งที่คิดอยู่ในใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 ธงราชันย์แห่งวิญญาณ

ตอนที่ 23 นักพรตเต๋าผู้ชั่วร้าย


ตอนที่ 23 นักพรตเต๋าผู้ชั่วร้าย

ในค่ำคืนนั้น!

ภายในสวนหลังบ้านเล็กๆแห่งนี้ยังคงมีคบเพลิงที่ติดเอาไว้รอบกำแพงจนดูสว่างไสว

ในตอนนี้ภายในสวนหลังบ้านมีนักพรตเต๋าวัยกลางคนที่มีอายุประมาณ 40 ปีกำลังยืนอยู่ มือทั้ง 2 ข้างของเขาประสานเอาไว้ด้วยกัน ประตูของสวนหลังบ้านแห่งนี้ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาและห้ามผู้ใดเข้ามาใกล้ ดังนั้นนักพรตเต๋าวัยกลางคนจึงไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปและใบหน้าของเขาก็แสดงความยินดีออกมาอย่างไม่ปิดบังเพราะสิ่งที่เขาต้องการใกล้จะสำเร็จแล้ว

นักพรตเต๋าวัยกลางคนผู้นี้คือฉือกุย ปีนี้เขาเพิ่งจะอายุ 40 ปี ถ้าหากมองจากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียวคงไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนที่เลวร้ายแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะไม่ได้ดูดีมากนักแต่เขาก็เหมือนกับนักพรตเต๋าที่ดูสำรวมคนหนึ่ง ในอดีตที่ผ่านมาชายคนนี้ทำเรื่องเลวร้ายมามากมายทั้งการฆ่าคนตายและการต้มตุ๋นหลอกลวงผู้อื่น

แม้แต่วิญญาณของหญิงสาวที่เขาเลี้ยงเอาไว้ในตอนนี้ก็มาจากการที่เขาฆ่าครอบครัวของหญิงสาวผู้นี้อย่างโหดเหี้ยมและทรมานจนหญิงสาวผู้นี้จนถึงแก่ความตาย เมื่อวิญญาณของหญิงสาวเกิดความโศกเศร้าจนตรอมใจตายเขาก็จับวิญญาณของนางมากักขังเอาไว้และทำให้วิญญาณของหญิงสาวกลายเป็นลูกสมุนของตนเอง

เรื่องแบบนี้ฉือกุยได้ลงมือทำมาประมาณ 3 ถึง 5 ครั้งแล้วแต่สำเร็จเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในตอนที่เขาผ่านเข้ามาในเมืองนี้ เขาบังเอิญพบว่าที่สวนหลังบ้านแห่งนี้มีวิญญาณบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยความโกรธอาศัยอยู่จึงรีบเข้ามาตรวจสอบทันที

ในตอนที่เขาได้เห็นเนี่ยนหนิวเอ้อร์เขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง วิญญาณของเด็กสาวที่มีความคิดและสติปัญญาอย่างเนี่ยนหนิวเอ้อร์นั้นหาได้ยากยิ่งนักและยังสามารถพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต บางทีถ้าหากว่าเขาจับวิญญาณของเด็กสาวคนนี้ได้สำเร็จมันอาจจะทำให้เขาได้เป็นราชันย์แห่งวิญญาณที่แท้จริงได้

แต่แม้ว่าจะเป็นราชันย์แห่งวิญญาณก็คงไม่มากพอที่จะทำให้เขาปกครองโลกใบนี้ ถ้าหากว่าเขาสามารถปกครองโลกใบนี้ได้เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นพลัง ความร่ำรวย หรือว่าหญิงสาว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของเขาทั้งหมดและเขาสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องสนใจกฎเกณฑ์ทุกอย่างบนโลกใบนี้

เดิมทีนั้นฉือกุยเป็นนักปราชญ์ที่มีความทะเยอทะยานแต่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะท่องตำราหาวิชาความรู้ เขามักชื่นชอบเรื่องการหาผลประโยชน์จากคนอื่นและการต้มตุ๋นหลอกลวง เขาต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับความล้มเหลวของตนเอง แต่ความเสียใจที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เสียใจเพราะว่าวิชาความรู้ของตนเองต่ำต้อยเกินไปจนเขาไม่ผ่านการทดสอบแต่เป็นเพราะการสอบไม่ผ่านทำให้เขาต้องเสียเงินอยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงหันไปใฝ่หาวิชาทางเต๋าจากการแลกเปลี่ยนหนังสือวิชาเต๋าจากนักพรตเต๋าคนหนึ่ง

การศึกษาเรื่องภูตผีและวิญญาณสำหรับเขานั้นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเกินกว่าจะอธิบายได้ แม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในด้านการเป็นนักปราชญ์แต่เมื่อพูดถึงการฝึกฝนวิชาทางเต๋าแล้วเขาถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เพียงแค่ไม่กี่ปีเขาสามารถเข้าใจหลักการต่างๆของลัทธิเต๋าได้อย่างทะลุปรุโปร่งและยังสามารถนำวิชาทางเต๋าต่างๆที่ฝึกฝนมาประยุกต์ใช้ได้อย่างชำนาญ

แต่ถึงอย่างนั้นแม้ว่าเขาจะศึกษาทางด้านเต๋าจนทะลุปรุโปร่งแต่จิตใจของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย แทนที่เขาจะใช้มันทำความดีเขากลับเริ่มคิดถึงวิธีการทำร้ายคนอื่น นอกจากนี้แล้วเขายังใช้มันเพื่อสะสมความมั่งคั่งของตนเอง ท้ายที่สุดแล้วความมั่งคั่งก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกพึงพอใจได้และเขาเริ่มคิดถึงการสร้างภูตผีที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีวิญญาณผีสาวตนนี้คอยรับใช้อยู่ในตอนนี้ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายแม้ว่าวิญญาณผีสาวตนนี้จะทรงพลังแต่เพราะว่านางถูกเขาทรมานมากเกินไปจึงทำให้วิญญาณของนางสูญเสียสติปัญญาไปด้วยเช่นกัน เมื่อไร้ซึ่งสติปัญญาความแข็งแกร่งของวิญญาณที่จะเติบโตขึ้นได้นั้นก็ถูกจำกัดลงไปด้วย จึงทำให้เขารู้สึกสนใจเนี่ยนหนิวเอ้อร์ทันทีที่ได้พบเจอ

ในตอนนั้นเขาปฏิญาณกับตนเองว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาต้องได้วิญญาณของเนี่ยนหนิวเอ้อร์มาครอบครองให้ได้และด้วยความบ้าคลั่งของเขาทำให้เขาพร้อมทำลายทุกอย่างแม้กระทั่งตระกูลซูด้วยเช่นกัน

แต่เพราะว่าตระกูลซูเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งและมีองครักษ์มากมายภายในตระกูล มันจึงไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำลายตระกูลซู แต่เขาก็ยังสามารถสร้างเหตุการณ์ที่ทำให้ตนเองได้เข้าไปในตระกูลซูเขึ้นมาได้ หลังจากล้มเหลวในการจับวิญญาณหญิงสาวจากที่ต่างๆมาหลายครั้งในที่สุดเขาก็ได้พบกับวิญญาณที่อยู่ในตระกูลซู

ในครั้งนี้เขาคำนวณดูแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องสำเร็จไปได้ด้วยดี แม้ว่ามันจะเสียเวลามากไปหน่อยแต่ตราบใดที่มันสำเร็จย่อมคุ้มค่าเสมอ

ในตอนแรกเขายังไม่ได้ปรากฏตัวออกไปแต่เขาเลือกที่จะทำให้ตระกูลซูตกอยู่ในความหวาดกลัวเสียก่อน แผนการเดิมของเขาคือรอให้ตระกูลซูตกที่นั่งลำบากและเขาจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเพื่อให้ตนเองได้กลายเป็นผู้มีบุญคุณของตระกูลซูแต่เขาไม่คิดว่าจะมีคนอื่นที่ยื่นมือออกมาก่อนตนเอง มู่อี้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันโดยที่เขาเองก็ไม่คาดคิดและเด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะเป็นนักพรตเต๋าที่แท้จริงและมีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว

ดูได้จากที่เขาสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของหญิงชราตระกูลซูได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ฉือกุยก็รู้สึกตกตะลึงและรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที โชคดีที่มู่อี้ทำไม่สำเร็จไม่อย่างนั้นมันจะทำให้แผนการที่เขาวางไว้ต้องพังพินาศไปอย่างแน่นอน

แต่ในตอนนี้เขาเองก็ได้รับรู้รายละเอียดต่างๆของมู่อี้จากปากของเจิ้งสือซง เขาได้รู้ว่ามู่อี้ยังอายุน้อยและอาศัยอยู่บนภูเขาฟุเนียว

เมื่อได้รับรู้เช่นนี้แล้วฉือกุยก็เริ่มคิดแผนการขึ้นมาในใจทันที ความรู้ในเรื่องลัทธิเต๋าของเขานั้นถูกจำกัดเอาไว้เพราะเขาศึกษาจากหนังสือวิชาเต๋าที่ได้แลกเปลี่ยนมาเท่านั้นและก็ไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติมจนถึงทุกวันนี้ เขาอยากทำให้ระดับการฝึกฝนของตนเองนั้นก้าวหน้าแต่ก็ไม่รู้วิธีการฝึกฝนที่เหมาะสม หลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามค้นคว้าและตามหามาโดยตลอดแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย

มู่อี้เป็นนักพรตเต๋าที่ถือว่ามีอายุน้อยมากแต่ก็ทรงพลังคนหนึ่ง มันต้องเป็นเพราะวิธีการฝึกฝนที่เด็กหนุ่มผู้นี้ครอบครองอย่างแน่นอน นี่ถือเป็นสมบัติอีกชิ้นหนึ่งที่เขาตามหามานาน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าหลังจากจบเรื่องวิญญาณของเด็กสาวในบ้านหลังนี้แล้วเขาจะไปตามหามู่อี้และทรมานให้อีกฝ่ายมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่รอยยิ้มบนใบหน้าของฉือกุยก็กว้างมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้เขาคงหัวเราะออกมาเสียงดังแล้ว

ด้วยความสุขที่มากล้นในจิตใจทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ความตื่นเต้นที่เขารู้สึกได้ในตอนนี้มากยิ่งกว่าตอนที่เขาฆ่าคนเป็นครั้งแรกหรือทรมานวิญญาณเป็นครั้งแรกเสียอีก. .

ด้านหลังของฉือกุยนั้นมีร่างที่เลือนลางกำลังยืนอยู่บนอากาศและใบหน้าของนางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่านางจะไม่งดงามเท่าซูหยิงหยิงแต่ก็ถือว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่งเลย นางสวมเสื้อผ้าสีขาวพร้อมกับปล่อยผมให้สยายไปในอากาศ ใบหน้าของนางดูนิ่งเงียบปราศจากความรู้สึกใดๆ

เมื่อเวลาผ่านไปฉือกุยก็สะกดความตื่นเต้นในจิตใจของตนเองลงได้และสายตาของเขาจับจ้องไปที่ป่าไผ่ที่อยู่ด้านหน้าของตนเองทันที เพราะเคยศึกษาและสัมผัสเรื่องภูตผีวิญญาณมาเป็นเวลานานทำให้เขามีความรู้สึกไวต่อภูตผีและธาตุหยินอย่างมาก

เขาสามารถบอกได้ว่าป่าไผ่ที่อยู่ตรงหน้าของตนเองในตอนนี้ไม่ปกติอย่างแน่นอน ในฤดูนี้ป่าไผ่ยังสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและใบสีเขียวของมันแผ่กระจายไปทั่วลำต้น นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน ต้นไผ่พวกนี้ไม่ใช่ต้นไผ่ธรรมดาแต่มีความเย็นอยู่ในเนื้อไม้ซึ่งอาจจะเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า ไผ่หยิน

"ออกมา เจ้าคิดหรอว่าจะสามารถหลบซ่อนตัวจากข้าได้?" ฉือกุยตะโกนออกไปเสียงดังพร้อมกับจ้องมองไปที่ป่าไผ่

หลังจากที่เขาพูดจบก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาทันที คบเพลิงที่ปักอยู่รอบๆผนังของสวนหลังบ้านแห่งนี้ก็ลุกไหม้รุนแรงขึ้นมา ใบของต้นไผ่เริ่มสั่นไปมาและเสียดสีเข้าหากันทำให้เกิดเสียงที่เหมือนกับแส้ที่กำลังเฆี่ยนอยู่

"หึหึ เจ้าคิดจริงๆหรอว่าจะรอดไปได้ด้วยการหลบซ่อนตัว?" เมื่อเห็นเช่นนี้ฉือกุยก็แสยะยิ้มออกมาทันทีและต่อจากนั้นเขาก็ออกคำสั่งโดยที่ไม่หันไปมอง "จงออกไปบีบบังคับให้นางออกมาเดี๋ยวนี้"

หลังจากที่ฉือกุยพูดจบ วิญญาณของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาก็มีความเคลื่อนไหวทันที นางพุ่งตรงเข้าไปในป่าไผ่ที่อยู่ตรงหน้า

ต่อจากนั้นธาตุหยินภายในป่าไผ่ก็เริ่มปั่นป่วนและเกิดความผันผวนที่รุนแรงเกิดขึ้นมาทันที ฉือกุยยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีสงบนิ่ง แม้ว่าเขาจะอยากได้ตัวเนี่ยนหนิวเอ้อร์เป็นอย่างยิ่งแต่เขาก็เลือกที่จะไม่เสี่ยงมากนักและระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ถ้าหากพูดกันตามตรงมันเป็นเพราะการกลัวความตายในใจของเขา

แม้ว่าวิญญาณผีสาวของเขาจะไม่สามารถต่อกรกับเนี่ยนหนิวเอ้อร์และวิญญาณของหญิงสาวอีกตนหนึ่งได้ แต่ก็มากพอที่จะบีบบังคับให้พวกนางออกมา

หลังจากเวลาผ่านไปก็เหมือนมีเงาพุ่งออกมาจากป่าไผ่อย่างรวดเร็วจากนั้นก็ตามมาด้วยเงาอีก 2 เงาที่ตามออกมา นั่นคือเนี่ยนหนิวเอ้อร์และมารดาของนาง

สายตาของฉือกุยเป็นประกายขึ้นมาทันที มือทั้งสองข้างของเขาประสานเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด