ตอนที่แล้วตอนที่ 20 เบื้องหลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 สิ่งที่คิดอยู่ในใจ

ตอนที่ 21 เป็นคนดี


ตอนที่ 21 เป็นคนดี

เมื่อมู่อี้เข้าใจเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดสมองของเขาก็เริ่มคิดอย่างรวดเร็ว

ทางที่ดีที่สุดคือการแยกตัวออกมาเงียบๆอยู่ให้ห่างจากวังวนของความถูกผิดให้มากที่สุด ผู้ที่กล้าล่วงเกินตระกูลซูและเรียกวิญญาณขึ้นมาคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

การฝึกฝนทางจิตวิญญาณและการเป็นนักพรตเต๋าทำให้มู่อี้รู้ว่าหนทางที่เขาจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขก็คือการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาใดๆก็ตามที่เข้ามา ในโลกใบนี้มีผู้คนมากมายที่ต้องตายไปเพราะปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย โลกใบนี้กว้างใหญ่ยิ่งนักแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชีวิตของเขา

และทั้งหมดทั้งมวลงานของมู่อี้นั้นลุล่วงไปได้ด้วยดี

แต่ในตอนนี้มู่อี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเลใจ เขาไม่รู้ว่าควรก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ที่เขาอยากเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะความกตัญญูที่มีต่อตระกูลซูแต่อย่างใด แต่มันเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของมู่อี้ในอนาคต ในตอนนี้ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงแล้ว อย่าว่าแต่การฝึกฝนเลยแม้แต่เรื่องเสื้อผ้าและอาหารก็อาจจะเป็นปัญหาสำหรับเขา

นอกจากนี้เขายังได้เตรียมการมากมายสำหรับการเดินทางลงมาจากภูเขา ถ้าเขายอมแพ้ไปตั้งแต่แรกแบบนี้ มันคงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า? แม้ว่ามู่อี้ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของเขาหรือไม่แต่มันเกี่ยวข้องกับคุณธรรมในใจของเขาอย่างแน่นอน

แต่ถ้าหากว่าเขาเข้าไปข้องเกี่ยวในเรื่องนี้คงจะทำให้ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดไม่พอใจอย่างแน่นอน ถ้าหากแผนการที่วางมาอย่างยาวนานของอีกฝ่ายถูกทำลายลงไป มู่อี้คงต้องตายอย่างแน่นอน

"พี่ชายไม่กักขังหนิวเอ้อร์เอาไว้ พี่ชายช่างเป็นคนดีจริงๆ"

ในตอนนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์พูดขึ้นมาทันที

เมื่อได้ยินแบบนี้มู่อี้ก็ยิ้มเจื่อนๆขึ้นมา เขาเป็นคนดีงั้นหรือ? ไม่เคยมีใครบอกกับเขาแบบนี้มาก่อน ในตอนที่เขาเดินทางกับท่านปู่นั้นคำพูดที่เขาได้ยินมีเพียงแค่การดูถูกเหยียดหยามเท่านั้น แม้ว่าจะมีบางคนที่ใจบุญมอบสิ่งของให้กับพวกเขาแต่คนเหล่านั้นก็ล้วนมีท่าทีที่หยิ่งผยองทั้งสิ้น

คนดีหรือ? นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล่าวชมเขาขนาดนี้และคนที่พูดออกมาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น

มู่อี้สูดหายใจเข้าไปลึกๆและอดคิดเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ เขาเป็นคนดีจริงๆหรือ? ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ตนเองรอดตายเท่านั้น ในโลกใบนี้คนที่ไม่มีปากมีเสียงอะไรเลยคือคนที่ตายไปแล้ว

มู่อี้พยายามโน้มน้าวใจของเขาไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอันตรายและไม่สนใจเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา แน่นอนว่าเขาก็รู้สึกว่าการเป็นคนดีคือสิ่งที่ดีมากเช่นเดียวกัน

"แล้วหนิวเอ้อร์เชื่อในพี่ชายคนนี้หรือเปล่า?" มู่อี้มองกลับไปที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ด้วยความจริงจัง

เนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ได้ตอบกลับมาทันทีแต่จ้องมองมาที่มู่อี้จากนั้นก็พยักหน้า "ตราบใดที่พี่ชายไม่ทำร้ายท่านแม่ของข้า"

เห็นได้ชัดว่าในใจของเนี่ยนหนิวเอ้อร์แม่ของนางนั้นสำคัญกับนางมาก แม้ว่ามู่อี้จะเคยทำร้ายแม่ของนางมาก่อนแต่นางก็ไม่อยากให้ท่านแม่ของตนเองเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ในใจของนางตราบใดที่มู่อี้ไม่ทำร้ายนางหรือแม่ของนางเขาย่อมเป็นคนดีเสมอ

"ได้สิ ข้าจะให้สัญญากับเจ้าว่าข้าจะไม่ทำร้ายท่านแม่ของเจ้า" มู่อี้พยักหน้าและเอ่ยปากสัญญา

เนี่ยนหนิวเอ้อร์หัวเราะออกมาทันที แต่แม่ของนางที่แม้ว่าจะยังไม่ได้สติในตอนนี้ก็สามารถรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นอันตรายต่อนางและเขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

ดังนั้นหลังจากมู่อี้กล่าวจบสีหน้าของนางก็ดูผ่อนคลายทันทีและนางไม่ได้ดูตึงเครียดอีกต่อไปแล้ว

"ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็ไม่มีอะไรที่เราต้องทำต่อไปแล้ว พวกท่านออกไปก่อน โปรดอย่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ให้ผู้อื่นได้ฟัง แม้แต่ท่านพ่อของพวกท่านจะถามก็ห้ามพูดเรื่องนี้ออกไป เข้าใจหรือไม่ขอรับ?" มู่อี้หันไปมองและพูดกับซูจินหลุนและซูหยิงหยิง

"พวกเราทราบดี ท่านนักพรต" ซูจินหลุนตอบกลับมาทันที

ซูหยิงหยิงก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของพวกเขาทั้งสองคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดสายตาของทั้งสองคนมองไปที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ไม่ได้ดูหวาดกลัวอีกต่อไป ทั้งสองคนเป็นคนฉลาดย่อมรู้ว่าท่านย่าของพวกเขาได้พยายามปกปิดเรื่องราวอะไรบางอย่างเอาไว้แน่นอน

หลังจากที่สองพี่น้องออกจากที่นี่ไปมู่อี้ยังอยู่ที่นี่ต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ตลอดเวลานั้นคลื่นพลังอันผันผวนอย่างรุนแรงได้เกิดขึ้นที่สวนหลังบ้านแห่งนี้อยู่เสมอ สุดท้ายแล้วมู่อี้ก็กลับออกมาด้วยสีหน้าที่ดูละอายใจ

ในคืนนั้นมู่อี้และซูจงซานได้พูดคุยกันอยู่ในห้องจนถึงรุ่งเช้าก่อนที่เขาจะเก็บสัมภาระและเดินทางออกไปจากที่นี่

ในเวลาเดียวกันข่าวลือก็เริ่มกระจายออกไปจากบ้านตระกูลซูว่านักพรตเต๋าที่ตระกูลซูเชิญให้ลงมาจากภูเขาฟุเนียวนั้นล้มเหลว และข่าวเรื่องนี้ก็กระจายออกไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว

มู่อี้ก็รู้สึกได้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาในตอนที่เขาเดินออกมาจากบ้านของตระกูลซู แต่เขาก็เสแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกและเดินทางต่อไปทันที

หลังจากเดินทางกลับมาที่ภูเขาอีกครั้งความหนักใจของมู่อี้ก็ลดน้อยลงไปมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงเห่าหอนของหมาป่าที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตนเองและเปิดกระเป๋าออกมา ภายในนั้นไม่ได้มีเพียงกระดาษยันต์และชาดที่เขาพกติดตัวอยู่เป็นประจำเท่านั้นแต่ยังมีพู่กันเล่มใหม่ แท่นวางพู่กันหยก  และขนของพังพอนสีเหลืองที่มีคุณภาพดีกว่าที่เขาใช้หลายเท่า

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมู่อี้คือสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ ภายในนั้นมีโสมอายุ 100 ปีที่เหลือเพียงครึ่งเดียวอยู่ มู่อี้เชื่อว่าด้วยโสมอายุ 100 ปีต้นนี้มันจะทำให้ความเร็วในการฝึกฝนทางจิตวิญญาณของเขานั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ในตอนนี้เขาได้มาถึงขั้นที่ 2 ของการฝึกฝนแล้ว หนทางข้างหน้ามันทำให้เขารู้สึกยากลำบากที่จะก้าวต่อไปและเขาต้องหาวิธีอื่นๆที่จะสามารถทำให้เขายกระดับไปขั้นต่อไปได้

เรื่องนี้ได้กลายเป็นความหลงใหลในใจของมู่อี้และมันคือเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของเขาด้วยเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้วมู่อี้ก็นำตะเกียงทองแดงออกมาและตรวจสอบดูด้วยความระมัดระวัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเพราะตะเกียงทองแดงอันนี้ ถ้าหากไม่มีมันเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้

น่าเสียดายที่มู่อี้ในตอนนี้ยังไม่สามารถรับรู้ความลับของตะเกียงทองแดงอันนี้ได้ สิ่งเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับตะเกียงทองแดงอันนี้ก็คือมันสามารถขับไล่วิญญาณได้

มู่อี้จุดตะเกียงทองแดงอันนี้ขึ้นมาอีกครั้งและกลิ่นน้ำมันจางๆก็ลอยไปทั่วห้องของเขา เปลวไฟที่อยู่ภายในตะเกียงนั้นสามารถทำให้จิตใจของเขารู้สึกสงบมากยิ่งขึ้นได้ ผลที่เกิดขึ้นในตอนนี้ดียิ่งกว่าพวกธูปหอมที่มีราคาแพงเสียอีกและน้ำมันที่เขาเติมลงไปในตะเกียงทองแดงอันนี้ก็เป็นเพียงแค่น้ำมันงาธรรมดาเท่านั้น

หลังจากนั้นมู่อี้ก็ตัดโสมออกมาชิ้นเล็กๆและใส่เข้าไปในปากของเขาทันทีจากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนอีกครั้ง

ว่างเปล่า

ในตอนที่มู่อี้เข้ามาในบ้านหลังนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นของฝุ่นที่ทับถมกันอยู่ในบ้านหลังนี้และแม้แต่การหายใจของเขาก็ยังรู้สึกลำบาก แต่ในตอนนี้ทุกๆครั้งที่เขาหายใจเข้าไปเปลวไฟในตะเกียงทองแดงก็มีการสั่นไหวไปพร้อมๆกัน ดูเหมือนว่าจะมีความลับอะไรบางอย่างที่เชื่อมต่อระหว่างเขากับตะเกียงทองแดงอันนี้

ในตอนที่มู่อี้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งท้องฟ้าภายนอกก็มืดแล้ว วันนี้เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการฝึกฝนซึ่งมันเกินจากที่เขาคิดไปมาก ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่นและมีพลังงานเต็มเปี่ยม รวมถึงจิตใจของเขาก็รู้สึกแข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

ที่การฝึกฝนของเขาได้ผลมากขนาดนี้ต้องเป็นเพราะตะเกียงทองแดงและโสมอายุ 100 ปี ในตอนนี้มู่อี้รู้สึกได้ว่าเส้นทางที่ตนเองเดินมานั้นถูกต้องแล้ว ตะเกียงทองแดงอันนี้คือสิ่งที่สำคัญอย่างแน่นอน

นอกจากนี้มู่อี้ยังรู้สึกได้ถึงหนทางที่จะนำไปสู่ขั้นที่ 3 ในใจของเขา ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงแค่ฝึกฝนตามปกติไปเรื่อยๆเท่านั้น บางทีเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีหน้ามาถึงเขาอาจจะสามารถเริ่มต้นการเดินทางเพื่อตามหาท่านปู่ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด